อึ้ง...พบสาวไทยใช้วิธีลักลอบเข้า-ออกชายแดนไทย-เมียนมา ผ่าน “ช่องทางธรรมชาติ” ไปทำงานในสถานบันเทิง ก่อนกลับประเทศหนีกักตัว 14 วัน หวั่นโควิด-19 ระบาดแบบซูเปอร์สเปรดเดอร์ เพราะความเห็นแก่ตัว
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่คร่าชีวิตผู้คนหลักสิบล้านทั่วโลกและยังไม่มีวัคซีนรักษา แม้ว่าคนไทยทั้งประเทศจะพยายามดูแลตัวเองไม่ให้การ์ดตก ให้ความร่วมมือทั้งสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยครั้ง และรักษาระยะห่างมาตลอดทั้งปี
แต่กรณีล่าสุดกับสาวไทยวัย 29 ปี ที่ จ.เชียงใหม่ กลับจากทำงานที่เมียนมา แม้จะมีอาการไข้ แต่ก็ฝืนตัวเอง ไปเที่ยวกลางคืน เข้าบาร์โฮสต์ผู้ชาย ดูหนัง กินข้าว ซื้อของในศูนย์การค้า เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะตรวจพบภายหลังว่ามีเชื้อโควิด-19
เรื่องนี้ทำเอาคนเชียงใหม่ และคนเชียงราย โกรธกันเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะที่ผ่านมาธุรกิจการท่องเที่ยวพังพินาศจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ไม่มีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนเข้าประเทศแม้แต่คนเดียว
หลังสถานการณ์ควบคุมได้ ก็หวังที่จะให้ฤดูหนาวเป็นตัวช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยวอีกครั้ง แต่กลับต้องมาเจอความเห็นแก่ตัวของผู้หญิงไทยบางกลุ่มที่เห็นแก่ได้ เห็นแก่เงิน ลักลอบข้ามไปทำงานฝั่งเมียนมา กลับมาก็เอาเชื้อโควิด-19 ติดมาด้วย
ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก พบสาวไทยวัย 26 ปี ชาว อ.ขุนตาล จ.เชียงราย ลักลอบเข้าเมือง มาพร้อมกับผู้ป่วยที่พบใน จ.เชียงใหม่ หลังทราบข่าวว่า เพื่อนติดโควิด-19 จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง แล้วพบเชื้อโควิด-19
จากการสอบสวนโรค พบข้อมูลที่น่าตกใจ เพราะระหว่างทำงานในประเทศเมียนมา มีอาการไอแห้งๆ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ไม่ได้วัดไข้ กลับใช้วิธีซื้อยาลดไข้แผงละ 4 เม็ดยี่ห้อดัง “แผงสีเขียว” ทานเองตลอด
ก่อนที่จะกลับบ้านทางเส้นทางธรรมชาติ เมื่อวันที่ 26-28 พ.ย. โดยไม่ผ่านสถานกักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ที่ต้องกักตัว 14 วัน แต่กลับไปเข้าพักโรงแรมปะปนกับนักท่องเที่ยวทั่วไป ก่อนที่จะทราบข่าวแล้วบึ่งรถมาตรวจ
นอกจากนี้ ในโซเชียลมีเดียยังพบว่า มีหญิงไทยจำนวนหนึ่ง ลักลอบเข้าประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ผ่านช่องทางธรรมชาติ เพื่อไม่ให้ถูกกักตัว 14 วัน แล้วใช้ชีวิตกิน เที่ยว ปะปนกับคนทั่วไป ก่อนซื้อตั๋วรถทัวร์กลับกรุงเทพฯ
ปรากฏว่า ชาวโซเชียลฯ รู้ข่าวรีบแชร์ รีบแจ้งเบาะแส ก่อนที่จะถูกควบคุมตัวบนรถทัวร์ แม่สาย-กรุงเทพฯ ของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง ขณะที่รถผ่านด่านกิ่วทัพยั้ง อ.แม่จัน จ.เชียงราย
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ที่ผ่านมา มีหญิงไทยส่วนหนึ่งข้ามไปทำงานที่สถานบันเทิงฝั่งประเทศเมียนมา โดยจะทำงานตั้งแต่ 5 วัน สูงสุด 1 เดือน ก่อนจะลักลอบเข้าประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ แล้วมาเที่ยวในประเทศหรือทำงานในไทยทันที
ไม่มีการกักตัว 14 วัน เหมือนกับคนไทยกลับบ้านแบบปกติ ที่นอกจากจะเข้าเมืองผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว จะต้องพักในสถานกักกันที่รัฐจัดให้เพื่อสังเกตอาการ ก่อนที่จะแน่ใจว่าไม่มีเชื้อโควิด-19 จึงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ และใช้ชีวิตตามปกติ
หลังเรื่องนี้ถูกตีแผ่ออกไป จังหวัดเชียงรายสั่งสกัดกั้นอย่างเข้มงวด โดยเพิ่มเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนตั้งแต่ อ.แม่สาย ถึง อ.แม่ฟ้าหลวง ทั้งกลางวันและกลางคืน พร้อมทั้งติดตั้งรั้วลวดหนามในพื้นที่เสี่ยงซึ่งเป็นทางธรรมชาติ และจุดลับตาคน
อย่างไรก็ตาม ยังมีคำถามตามมาว่า ที่ผ่านมา ปล่อยคนไทยลักลอบเข้าเมือง หรือออกนอกประเทศเพื่อไปทำงานที่ฝั่งประเทศเมียนมา ผ่านช่องทางธรรมชาติโดยผิดกฎหมายได้อย่างไร ไม่นับรวมคำถามที่ว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจหรือไม่
เป็นสิ่งที่จะต้อง “สังคยานา” ตลอดแนวชายแดน ไม่ใช่เพียงแค่ “วัวหายแล้วล้อมคอก” เพียงอย่างเดียว!