สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีข้อสงสัยของ “สารกันบูด” หากสัมผัสโดนจะทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังหรือไม่ โดยเผยว่ายังไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลวิชาการที่บ่งชี้ว่าการสัมผัสสารกันบูดส่งผลให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
วันนี้ (9 พ.ย.) เพจ “Anti-Fake News Center Thailand” ได้นำข้อมูลจาก “สถาบันมะเร็งแห่งชาติ” มาให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของ “สารกันบูดในปลาทูนึ่ง หากสัมผัสโดนจะเป็นมะเร็งผิวหนัง” เรื่องราวดังกล่าวได้รับการยืนยันแล้วว่าไม่ใช่เรื่องจริง โดยได้ระบุข้อความว่า
“ตามที่ได้มีเตือนภัยเรื่องสารกันบูดในปลาทูนึ่ง หากสัมผัสโดนจะเป็นมะเร็งผิวหนัง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
กรณีชวนเชื่อเรื่องสุขภาพที่ระบุว่าให้ระวังปลาทูใส่สารกันบูด หากสัมผัสโดนสารกันบูดจะทำให้เป็นมะเร็งที่มือ ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่าปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลวิชาการที่บ่งชี้ว่าการสัมผัสสารกันบูดส่งผลให้เกิดมะเร็งผิวหนัง และกระบวนการผลิตปลาทูนึ่งถือเป็นการถนอมอาหารอยู่แล้วซึ่งจะช่วยรักษาคุณภาพปลาทูไว้ทำให้สามารถเก็บไว้ได้ในระยะหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องใส่สารกันบูด
ทั้งนี้ สารกันบูดเป็นสารที่ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาโดยการทำลายหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุการเน่าเสียของอาหาร ตัวอย่างของสารกันบูด เช่น กรดเบนโซอิก กรดซอร์บิก พาราเบนส์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และซัลไฟต์ เป็นต้น โดยสารกันบูดที่อนุญาตให้ใช้จะผ่านการประเมินความปลอดภัยและมีการกำหนดปริมาณที่บริโภคได้ต่อวัน นอกจากนี้ เพื่อความปลอดภัยแก่ผู้บริโภคได้มีการการสุ่มตรวจหรือสำรวจปริมาณการตกค้างของสารเหล่านี้ให้อยู่ในค่าไม่เกินมาตรฐานอย่างสม่ำเสมอ
ดังนั้น ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 0-2202-6800
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลวิชาการที่บ่งชี้ว่าการสัมผัสสารกันบูดส่งผลให้เกิดมะเร็งผิวหนัง และกระบวนการผลิตปลาทูนึ่งถือเป็นการถนอมอาหารอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่สารกันบูด”