xs
xsm
sm
md
lg

ในหลวง ทรงมีพระราชดำรัส แก่คณะผู้พิพากษา “ให้วิเคราะห์ว่าอะไรถูกอะไรไม่ถูกและตีบทกฎหมายให้เกิดความยุติธรรม”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ประธานศาลฎีกา นำผู้พิพากษา รุ่นที่ 70 และรุ่นที่ 71 จำนวน 216 คน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสแก่คณะผู้พิพากษา “ให้วิเคราะห์ว่าอะไรถูกอะไรไม่ถูกและตีบทกฎหมายให้เกิดความยุติธรรม”

วันนี้ (29 ต.ค.) เมื่อเวลา 18.27 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบมราชวโรกาสให้ นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา นำ ผู้พิพากษา รุ่นที่ 70 และรุ่นที่ 71 จำนวน 216 คน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ในโอกาสนี้ นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล เลขาธิการสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม และ นางกรกันยา สุวรรณพานิช ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งเลขาธิการประธานศาลฎีกา ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย

การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัส ให้แก่คณะผู้พิพากษาก่อนเข้ารับหน้าที่ ความว่า

“คำปฏิญาณ เป็นคำที่เป็นสิ่งเตือนใจ หรือเป็นแนวทางที่จะปฏิบัติหน้าที่ การปฏิบัติหน้าที่นั้นนอกจาก ความรู้วิชาการ ต้องสามารถที่ได้รับการฝึกอบรมมา ก็ต้องอาศัยสติปัญญา อาศัยสติและเหตุผล ตลอดจนรู้จักวิเคราะห์ว่าอะไรถูกอะไรไม่ถูกและตีบทกฎหมายให้เกิดความยุติธรรม ท่านทั้งหลายจะต้องพบกับประสบการณ์ต่างๆ ที่เข้ามา และปัญหาต่างๆ แต่เชื่อว่า ด้วยความคิดทัศนคติที่เป็นบวกต่อประเทศชาติ ความคิดดีต่อประชาชนและส่วนรวม ก็จะเสริมความรู้เสริมความสามารถที่ท่านได้มีอยู่ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่อันสำคัญยิ่งนี้ได้ และสามารถจะเอาชนะอุปสรรคหรือปัญหาต่างๆ เพื่อความถูกต้อง เพื่อความสงบสุขความเป็นสุข ของประชาราษฎรทั้งประเทศชาติ ก็ขอเอาใจช่วย และขอให้ท่านทั้งหลายได้ประสบในสิ่งที่ท่านหวังไว้ในทางที่ดีและสามารถเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติประชาชนและส่วนรวมได้ตลอดไป”








กำลังโหลดความคิดเห็น