“นพ.วรงค์” นัดมวลชนเข้ารับฟังข้อเท็จจริงนักการเมืองคิดล้มล้างการปกครอง ย้ำ ล้างรัฐธรรมนูญหนึ่งฉบับเท่ากับการล้างกฎหมายอีกหลายฉบับ จะยิ่งก่อให้เกิดความวุ่นวาย แนะหารือปัญหาปากท้องคนในประเทศก่อน ขอให้ความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เลวร้ายถึงต้องให้ประชาชนมาขับไล่ ถ้าหาหลักฐานทุจริตคอร์รัปชัน
วันนี้ (28 ต.ค.) ที่ วงเวียนใหญ่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี พร้อมด้วย มวลชนกลุ่มประชาชนปกป้องสถาบัน เดินทางเข้าร่วมแสดงพลังปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยกล่าวว่า กิจกรรมที่เกิดขึ้นวันนี้ จะเป็นกิจกรรมของผู้ที่จงรักภักดี ซึ่งทุกคนไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่มีจุดประสงค์เดียวกัน และหากกลุ่มใดมีความพร้อมที่จะจัดตนก็พร้อมที่จะเข้ามาสนับสนุนและให้ความร่วมมือ ย้ำว่า แต่ละกลุ่มที่จัดตั้งทุกแห่งไม่ได้ถูกจัดจ้างมา มีเพียงจุดประสงค์คือต้องการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบัน โดยย้ำทุกที่ว่าต้องไม่ใช้ความรุนแรงนี่คือหัวใจสำคัญ
ส่วนประเด็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่เข้มข้นขึ้น เพราะ ส.ส.ซึ่งผ่านประชามติ ในสภาพูดถึงเรื่องเหล่านี้มากขึ้น คาดว่าเรื่องนี้จะเข้าสู่สภาในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้
โดย นพ.วรงค์ ได้ขอฝากไปถึงเพื่อนๆ นักการเมือง ในเมื่อท่านบอกว่า ส.ว.บอกว่าประชามติให้สิทธิในการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี 5 ปี อีก 3 ปี จะหมดวาระซึ่งเป็นปัญหา นพ.วรงค์ แปลกใจมากทำไมท่านจึงไม่ตั้งประเด็นในการแก้ไขปัญหา ส.ว. แต่ทำไมจึงเอาเรื่อง ส.ว.เป็นประเด็นเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนี่คือปัญหา จึงเป็นเหตุผลหลักให้กลุ่มไทยภักดีออกมาคัดค้านในเรื่องนี้ ซึ่งหลังจากนี้ จะพบปะประชาชนพี่น้องที่สนใจและให้ความรู้ประชาชนในวันที่ 31 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ เวลา 16:30 น. ที่สวนลุมพินี เชิญทุกฝ่ายเข้ามาฟังข้อเท็จจริงว่าทำไมนักการเมืองจึงต้องการล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับนี้
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการเพื่อที่จะหาทางออกในเรื่องนี้ นพ.วรงค์ เผยว่า ไม่ทราบว่าจะเชิญใครบ้าง ทราบเพียงแต่จะเชิญ 4 ฝ่าย ส่วนตัวมองว่าการพูดคุยกันเป็นประโยชน์ มนุษย์มีความเห็นอกเห็นใจกัน การเจอหน้ามองตาพูดคุยในปัญหา นพ.วรงค์ เชื่อว่า อย่างน้อยมันมีประโยชน์ แต่ยืนยันว่า หากยืนตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ เรื่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้างทั้งฉบับ จะทำให้เกิดความวุ่นวาย แต่กรณีเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งนั้น เป็นเรื่องของรัฐบาล
โดยมองว่า หากยืนตาม 3 ข้อเรียกร้องนี้ มันยากที่จะจบ แต่หากเปลี่ยนโจทย์ใหม่ ทำไงให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมีความสุขประเทศชาติเจริญพัฒนา เราต้องแก้อะไรบ้าง นพ.วรงค์ ย้ำเรื่องนี้มีความเป็นไปได้มากกว่า ยังยืนยันว่า กลุ่มไทยภักดีจะเป็นหัวหอกในการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนมองว่า มีนัยยะที่สูงที่ประชาชนไม่เข้าใจว่าการล้างรัฐธรรมนูญหนึ่งฉบับเท่ากับการล้างกฎหมายอีกหลายฉบับ ซึ่งวันที่ 31 ขอให้เข้ามารับฟังผ่านข้อเท็จจริง
นอกจากนี้ นพ.วรงค์ ยืนยันว่า การเรียกร้องต่างๆ 3 ข้อ โดยเฉพาะการปฏิรูปสถาบันและล้มล้างรัฐธรรมนูญ ไม่มีความชอบธรรม อย่างน้อยไทยภักดีจะเป็นแกนนำหลักในการคัดค้านสิ่งเรานี้ ขอให้ความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้มีส่วนได้เสีย แต่มองว่า นายกรัฐมนตรียังไม่เลวร้ายจนเกินไปถึงขั้นที่ให้ประชาชนออกมาขับไล่ เพราะข้อเรียกร้องของกลุ่มต่างๆ ต่อ นายกรัฐมนตรีมีแค่การกล่าวหานายกรัฐมนตรีเป็นเผด็จการ ตนมองว่าไม่จริง และยืนยันอยู่เสมอว่า นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง และฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถหาหลักฐานการทุจริตคอร์รัปชัน การกดขี่ข่มแหง รังแกประชาชน หรือการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพอย่างไม่มีพยานหลักฐานอื่นใด ตนยังให้ความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีจะต้องอยู่ต่อไป
