xs
xsm
sm
md
lg

“พิธา” พาย้อนอดีต รัฐประหาร 19 ก.ย.49 หวัง 19 ก.ย 63 นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความรำลึกความหลังวันนี้ในอดีต กับเหตุรัฐประหาร 19 ก.ย. จุดเริ่มต้นความถดถอยของประเทศ หวัง 19 ก.ย. 63 จะเป็นความหวังและความเปลี่ยนแปลงของประเทศ

จากกรณี ตามที่ปรากฏสถานการณ์การชุมนุมและเรียกร้องทางการเมืองของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา และกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้เผยแพร่ข่าวว่าจะจัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 19 กันยายน 2563 ทีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นั้น

วันนี้ (19 ก.ย.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ย้อนหลังไปถึงกว่า 10 ปีที่แล้ว ถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่เกิดเหตุรัฐประหารขึ้นในประเทศไทย โดยมีพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะ โค่นรักษาการนายกรัฐมนตรี ดร. ทักษิณ ชินวัตร โดย นายพิธา ได้ระบุว่า เป็นจุดเริ่มต้นความถดถอยและความสูญเสียอันมหาศาลของประเทศไทย และยังเป็นวันสำคัญของตนเองอีก เมื่อเป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของบิดา อย่างไรก็ตาม หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ระบุข้อความให้กำลังใจกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. นี้ และฝากถึงรัฐบาล ควรเปิดพื้นที่ให้นักศึกษาอย่างเต็มที่ปราศจากการแทรกแซง หรือเหตุรุนแรง ทั้งนี้ นายพิธา ได้ระบุข้อความว่า

“[ จาก 19 กันยา 49 วันเวลาแห่งความสูญเสียในความทรงจำของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ - สู่ 19 กันยา 63 ความหวัง ความเปลี่ยนแปลง ]

19 กันยายน 2549 ในความทรงจำของหลายคน อาจเป็นความทรงจำเกี่ยวกับการรัฐประหาร แต่สำหรับผมแล้ว วันที่ 19 กันยา 49 ยังเป็นวันที่ผมได้ทราบข่าวร้ายที่สุดในชีวิต คือ วันที่คุณพ่อของผม คุณพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ เสียชีวิต ดังนั้น ในความทรงจำอันแจ่มชัด นอกจาก 19 เดือน 9 ปี 49 จะเป็นจุดเริ่มต้นความถดถอยและความสูญเสียอันมหาศาลของประเทศไทยแล้ว ยังเป็นความสูญเสียของครอบครัวผมอีกด้วย

วันที่ผมได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของคุณพ่อ ผมเพิ่งบินไปถึงบอสตันได้ไม่กี่วัน กำลังเริ่มต้นพิธีปฐมนิเทศของมหาวิทยาลัยที่ผมไปศึกษาต่อปริญญาโท เมื่อทราบข่าวผมจึงต้องจัดแจงเดินทางกลับมาเมืองไทยโดยด่วน และดำเนินการทำเรื่องพักการเรียน เพื่อจะมาสานต่อธุรกิจของคุณพ่อ นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของผมที่ในขณะนั้นอายุเพียง 25 ปี ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาในทุกวันที่ 19 กันยายนของทุกปี ครอบครัวของผมทำบุญครบรอบให้คุณพ่อ วันนี้ก็เช่นกัน และทุกครั้งที่ 19 กันยายนเวียนมาแต่ละปี ความทรงจำต่างๆ ของผมก็กลับมาอีกครั้ง ว่าครอบครัวของผมและประเทศไทยต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง

สำหรับประเทศไทย เหตุการณ์รัฐประหารปี 2549 พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะ โค่นรักษาการนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร ขณะที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในนครนิวยอร์ก ณ ตอนนั้นยังมีคนจำนวนมากในประเทศไทยที่ไม่ได้รู้สึกถึงพิษภัยของรัฐประหาร คนต่อต้านถือว่าจำนวนยังน้อยถ้าเทียบกับในปัจจุบันนี้

ในวันนั้นหลายคนอาจยังเด็ก บางคนอาจอยู่ชั้นประถมเท่านั้น บางคนโตหน่อยก็อยู่ในชั้นมัธยม แต่อย่าลืมครับว่า ในระหว่างทางของการเติบโตจากเด็กเป็นเยาวชนหรือเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ พวกเขาต้องพบกับเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆ ทางการเมือง การล้อมปราบประชาชนคนเสื้อแดงอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน การลี้ภัยของผู้เห็นต่างทางความคิดและการอุ้มหาย นอกจากนี้เด็กที่กำลังเติบโตในวันนั้นยังได้ผ่านการรัฐประหารอีกครั้งหนึ่ง จึงเท่ากับว่า พวกเขาได้ผ่านการทำรัฐประหารถึง 2 ครั้งในเวลาไม่ถึงสิบปี พวกเขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับเจอความจริงเชิงประจักษ์ที่ว่า การกระทำเช่นนี้คือการนำพาบ้านเมืองให้ถดถอยและไปสู่ความล่มจมได้ขนาดไหน

พวกเขายังต้องเจอกับระบบอำนาจนิยมที่กดทับและชี้นำประเทศ ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมหลังจากรัฐประหาร ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือระบบนี้ยังสอดแทรกและซึมลึกมาถึงในโรงเรียนหรือที่บ้าน ไม่ว่าด้วยระเบียบและคำสั่งต่างๆ หลักสูตรที่พวกเขาเรียน ที่เห็นชัดคือค่านิยม 12 ประการที่ผู้มีอำนาจพยายามยัดเยียดเข้าไปในหัว หรือแม้กระทั่งเนื้อหาทีวีที่พวกเขาดู สิ่งเหล่านี้คือความอึดอัดและผลักดันให้พวกเขาต้องออกไปค้นหาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมสิบกว่าปีมานี้ที่กำลังส่งกระทบมาถึงพวกเขาในวันนี้มันคืออะไรกันแน่ พวกเขาไปศึกษาเพื่อทำความเข้าใจต่อประวัติศาสตร์บ้านเมืองในเชิงลึก พวกเขาไปค้นคว้า คิด วิเคราะห์ จนทำให้ตัดสินใจร่วมกันในคนรุ่นของพวกเขาวันนี้แล้วว่า ถึงเวลาที่ต้องเดินออกมาเรียกร้องเพื่อประเทศไทยที่ดีกว่า เพื่อประเทศไทยที่ไม่ควรมีผู้มีอำนาจคนใดจะมีสิทธิ์แย่งอำนาจสูงสุดออกไปจากมือประชาชนได้ และสุดท้ายที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ การเดินออกมาเพื่ออนาคตที่ไขว่คว้าได้ด้วยตัวของพวกเขาเอง

**การชุมนุม 19 กันยายน 2563 ความหวัง ความเปลี่ยนแปลง**
การแสดงออกและการเรียกร้องของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนภายใต้กรอบกฎหมาย เป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ถูกต้องและสามารถกระทำได้ รัฐบาลจึงต้องคุ้มครองและอำนวยความสะดวกให้การแสดงออกดังกล่าวเป็นไปได้อย่างเสรี รัฐบาลต้องเปิดพื้นที่สาธารณะที่ปลอดภัยในการแสดงออกของประชาชน โดยปราศจากการคุกคาม แทรกแซง ให้ร้าย ผมอยากให้ วันที่ 19 กันยายน 2563 เมื่อมองกลับมาคือวันแห่งประวัติศาสตร์ หรือวันแห่งการบันทึกปรากฎการณ์ของสังคม ที่ประชาชนผู้ไม่ยอมทนอีกต่อไปได้ออกมารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องอนาคตที่ดีกว่านี้ให้ตนเองและประเทศชาติ

วันนี้จะถูกจดจำในความทรงจำของผมและถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์เสมอ ผม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ขอสื่อสารไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และผู้มีอำนาจต่อรัฐบาลนี้อีกครั้งว่า นี่คือ ช่วงเวลาสำคัญที่ยังสามารถเลือกได้ว่าจะพาบ้านเมืองไปสู่ทางออกหรือพาประเทศไปสู่ทางตัน และผมไม่ปรารถนาที่จะเห็นความรุนแรงต่อประชาชนเกิดขึ้นอีกไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม

ผมขอผู้มีอำนาจจงเปิดใจรับฟัง เพราะการตัดสินใจทุกอย่างของพวกท่านนับจากตอนนี้เป็นต้นไป ล้วนจะส่งผลกระทบถึงประชาชน ถึงประเทศชาติอย่างมหาศาล และด้วยความปรารถนาดี ผมขอให้พวกท่าน ตัดสินใจโดยนึกถึงประเทศชาติและประชาชนเป็นสิ่งสำคัญอย่างที่สุด

#19กันยาทวงอํานาจคืนราษฏร #พรรคก้าวไกล”
กำลังโหลดความคิดเห็น