เหล่า 3 รุ่นพี่แห่งชาติ “ติ๊ก-มาริโอ้-อนันดา” สุดภูมิใจ ส่งเหล่าน้องๆ “เดอะ บราเธอร์ส” ไปยังปลายอุโมงค์ ก่อนที่จะเผชิญโลกแห่งความจริงในวงการบันเทิง ด้าน 20 หนุ่ม ของโปรเจกต์ เหล่าโบรชทั้ง 4 สอนในหลายๆ เรื่อง เน้นการวางตัวแบบสุภาพบุรุษ
ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับเวทีสุดท้ายของโปรเจกต์รายการ “เดอะ บราเธอร์ส ไทยแลนด์” (The Brothers Thailand) ของทางค่าย DreamSociety ซึ่งร่วมมือกับ Independent Artists Management (iAM) ที่จัดขึ้น ณ โรงละครสยามพิฆเนศ สยามสแควร์ วัน เมื่อ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยงานนี้ 20 หนุ่มในโครงการ ได้มาโชว์ทักษะการแสดงต่างๆ จนเรียกเสียงกรี๊ดให้กับผู้ที่เข้าชมเกือบเต็มความจุ นอกจากนี้ เหล่าเทรนเนอร์ 3 รุ่นพี่แห่งชาติ ทั้ง “ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี”, “อนันดา เอเวอร์ริงแฮม” และ “มาริโอ้ เมาเร่อ” ได้ร่วมขึ้นเวทีแสดงพร้อม “ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์” นักแสดงสาวที่มีเซอร์ไพรส์ แถมยังได้ “โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน” นักร้องมาเป็นพิธีกรสร้างความสนุกสนานด้วย
ซึ่งทั้ง 3 รุ่นพี่แห่งชาติก็ได้เปิดเผยว่า รู้สึกภูมิใจกับเหล่าสมาชิกเดอะ บราเธอร์ส ทุกคน และหวังว่า จะเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพให้กับวงการบันเทิงไทยต่อไปอย่างเต็มภาคภูมิ
ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ : ถ้าถามผม ผมเห็นเขาตั้งแต่เริ่มซ้อมเลยนะครับ ย้อนกลับไปตั้งแต่เขาเริ่มเข้าแคมป์ ค่อยๆ พัฒนาการเกิดขึ้น พัฒนามาเรื่อยๆ จนถึงวันนี้ ผมรู้สึกว่าผมภูมิใจในพวกเขามากๆ เราเห็นความสามารถและความพยายามของเขา ผมมองว่าน้องๆ ตั้งใจ แล้วเวลาที่น้องๆ ตั้งใจ และสามารถทำมันให้สำเร็จ มันก็เลยทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของพวกเขา มันภูมิใจและตื้นตันใจครับ
อนันดา : คือมันเป็นจุดประสงค์ตั้งแต่แรกครับ ที่เราอยากได้คนที่อยากเข้ามาในวงการที่มีประสิทธิภาพ เพราะผมรู้สึกว่า ยิ่งในวงการนี้ที่ฉาบฉวย ที่คนสนใจแต่เรื่องภายนอก ผมรู้สึกว่ามันสำคัญมากที่ เขาไม่ได้ดูดีแค่ภายนอก แต่เขามีทักษะจริงๆ ซึ่งน้องทุกคนได้พิสูจน์ให้โบร์ซ (พี่เลี้ยง) ทุกคนได้เห็นแล้วว่า เขาเป็นคนที่มีประสิทธิภาพจริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจมาก เพราะผมก็มาจากสายนี้อยู่แล้ว สายฝึกซ้อม ซึ่งการที่อยู่มาได้ 20 กว่าปี ก็มาจากการฝึกซ้อมหลายปี ซึ่งผมภูมิใจว่า เส้นทางนี้ที่เราเลือกให้น้องๆ มันได้ผล ก็เลยรู้สึกภูมิใจมาก
มาริโอ้ : ก็ต้องบอกว่าภูมิใจเหมือนกับโบร์ซทั้งสองครับ และดีใจ เพราะเราเห็นมาตั้งแต่แรกๆ อย่างที่โบรชติ๊กบอกเลย ได้เห็นพัฒนาการของเขา บางคนคือความสามารถเขาก็ไม่เท่ากัน บางคนก็ไม่ได้เก่งมาก ก็ถีบตัวเองขึ้นมา บางคนมาจากที่ไม่ได้เป็นอะไรเลย มาเป็นร้องเพลงเป็น เล่นดนตรีได้ มาจนวันนี้เห็นความพยายาม มาจนวันนี้ ผมว่ามันโชว์ออกมาแล้วครับ ว่าน้องๆ เขาได้ตั้งใจและพยายาม แบบศึกษามาจนมันออกมาดี จนภูมิใจแทนน้องๆ ด้วยครับ
เจษฎาภรณ์ : สำหรับการฝึกสอนพวกเขา ก็ทุกรูปแบบครับ ทั้งใจดี ทั้งดุ ทั้งเคี่ยวเข็ญ เราก็ถือว่าเขาก็คือน้องชายเรา แล้วเราเองก็เป็นผู้ชาย เพราะฉะนั้น เราค่อนข้างที่จะพูดคุยง่ายนะครับ ในการที่สื่อสารออกไป โอเคแน่นอนว่า บางคนอาจจะมีการขี้เกียจบ้าง เราก็ลองแบบต้องคุยกันหน่อย แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ขึ้นกับพวกเราทั้งหมด หรือ ขึ้นอยู่กับครูซัก 100 เปอร์เซ็นต์ มันขึ้นอยู่กับพวกเขาด้วย ส่วนใหญ่ขึ้นอยูกับตัวเองเลยว่า ขยันขนาดไหน ไม่ขี้เกียจต้องฝึกซ้อม ต้องใส่ใจหาความรู้ ต้องตั้งใจ คือยอมรับนะครับว่า มันค่อนข้างที่จะเหนื่อยสำหรับพวกเขาในช่วงระยะเวลาอันสั้น
แต่ผมก็บอกน้องๆ ทุกๆ คน ว่า ช่วงเวลานี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด แล้วมันอาจจะหาโอกาสแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้น มันเหนื่อย แต่ขอให้อดทนมัน พอสิ้นสุดอีพีสุดท้ายแล้ว ทุกคนจะได้พักอย่างเต็มที่ แล้วหลังจากนั้น คือจะต้องเจอของจริงแล้ว ก็คืองาน จะต้องไปเจอโลกภายนอก ไม่ใช่เจอแต่เพื่อนๆ ในแคมป์ หรือพี่ๆ เดอะ บราเธอร์ส นะครับ
อนันดา : จริงๆ วันนี้ มันเป็นวันของน้องๆ เขา ผมภูมิใจในตัวเขามาก ผมก็เตือนเขาตลอดว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และจากนี้คือ คุณหยุดไม่ได้ ถ้าคุณจะไปถึงฝัน และผมเชื่อว่า น้องๆ ทุกคนก็จะเข้าใจในมุมนี้ ก็เป็นกำลังใจให้ครับ
มาริโอ้ : ก็อยากให้กำลังใจครับ ไม่ท้อ และก็ยังเก็บวิชาต่างๆ ที่โบรชทุกคนสอนเอาไว้ หมั่นฝึกซ้อมแล้วก็ขยัน แล้วก็ขอให้น้องทุกคนสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ครับ
เจษฎาภรณ์ : เหมือนกับเรามาส่งน้องที่ปลายอุโมงค์น่ะครับ แล้วก็อยากจะบอกน้องๆ ว่า ความรักและความศรัทธา มันไม่ได้ร่วงหล่นมาจากฟากฟ้า น้องต้องสร้างมันขึ้นมา น้องถึงจะได้มัน เช่นเดียวกันครับ ต้องไม่หยุดเพียงแค่นี้ และผมก็หวังว่า ในสิ่งที่พวกเรา ครูที่ได้สอนน้องๆ ไป นอกจากวิชา นั่นคือเราสอนประสบกาณณ์ชีวิตให้กับพวกเขาด้วย ผมหวังว่า เมื่อเขาออกมาแล้ว สื่อมวลชนจะรักเขา ผู้ชม แฟนคลับ จะรักเขามากกว่าเดิมในทุกๆ วัน แล้วเขาก็จะเป็นไอดอลแบบอย่างของสังคมไทย เราหวังว่าเช่นนั้นครับ
อนันดา : ถ้าถามว่าจะมีซีซั่นต่อไปมั้ย เรายังแฮปปี้นะ เหมือนอย่างที่พวกเราเคยคุยกัน เราอยากสร้างไอดอลที่มีคุณภาพ พอมันถูกพิสูจน์ด้วยรายการนี้ คือไม่ว่าจะมีซีซั่นต่อไปหรือเปล่า มันต้องมีอะไรอย่างงี้ในอนาคตครับ เพราะว่าสร้างคนที่มีคุณภาพเข้าไปอยู่ในวงการจริงๆ คือ สิ่งที่ควรต้องทำ
ด้านบรรดาตัวแทนจาก เดอะ บราเธอร์ส ก็บอกว่า พร้อมที่จะนำความรู้และประสบกาณณ์ที่ได้จากเวทีแห่งนี้ มาใช้ในการทำงานในวงการบันเทิงต่อไป เช่นเดียวกัน
กัน-รัชชานนท์ เรือนเพ็ชร์ : พวกเราทั้ง 20 คน รู้สึกตื่นเต้นและสนุกมากๆ ครับ เพราะโชว์ในครั้งนี้ เราซ้อมมาโดยเฉพาะเลย เรียกว่าใหม่เกือบทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการร้องเพลง เต้น ดนตรี และ การแสดง จะเรียกว่าใครที่ได้มาชมนั้น ได้ครบทุกรสชาติเลย ทุกคนก็ให้การตอบรับที่ดีด้วยครับ
กร-วรรณไพโรจน์ : สำหรับงานในวันนี้ รู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่มากๆ ครับ พวกเราซ้อมกันมา เหนื่อยเท่ากัน พวกเราก็ทุ่มเทกับงาน แต่พอมาอยู่บนเวทีและมาเจอแฟนๆ ได้ยินเสียงกรี๊ด เสียงเชียร์ ก็รู้สึกว่าได้รับกำลังใจมากๆ เลยครับ ก็หายเหนื่อยและพร้อมที่จะลุยต่อไปเลยครับ
ฮั่น- ธฤต ถวิลเติมทรัพย์ : จริงๆ ก็เป็นครั้งแรกของใครหลายๆ คน ด้วยครับ ที่ได้ขึ้นสเตจใหญ่ขนาดนี้ แล้วก็ได้มาขึ้นร่วมกับเหล่าโบรซด้วย ก็รู้สึกตื่นเต้นครับ แล้วเราก็ได้ทำโชว์หลายๆ แบบ หลายๆ อย่างด้วย เวลาซ้อมก็ค่อนข้างที่จะกะทัดรัดนิดนึงครับ แต่เราก็เต็มที่อย่างสุดความสามารถจริง
อินดี้-ธนทัต ตันจรารักษ์ : ตั้งแต่ได้เข้ามาในรายการนี้ โบรชได้สอนหลายๆ อย่างเลย ทั้งในเรื่องความเป็นสุภาพบุรุษ โดยเฉพาะโบรชติ๊ก จะสอนในเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องการแยกขยะ จะต้องมีการแยกที่ดี เพราะว่าบางอย่างเราสามารถมารีไซเคิลได้ และบางอย่างก็จะเป็นภัยต่อโลกของเรา ส่วนในเรื่องของสังคม เวลาเจอสื่อ เขาก็บอกว่าไม่ต้องไปกลัว ส่วนทางโปรชนิชคุณ เขาก็จะสอนในเรื่องของการเอนเตอร์เทนเนอร์ การเป็นศิลปินเป็นยังไง
โชกุน-ปวริศร์ ศรีชัยชนะ : ถามว่าโบรชคนไหนใจดีที่สุด ถ้าให้ตอบแบบดีๆ เลย ก็ใจดีทุกคนนะครับ ทุกคนเทกแคร์เราหมดเลย ไม่ว่าใครจะมีปัญหาในเรื่องต่างๆ สามารถมาปรึกษาพวกเขาได้ อย่างเวลาการทำงาน ต้องจับกลุ่มกับโบรชใช่มั้ย บางทีโบรชอยู่กลุ่มโน้น ก็มาช่วยกลุ่มเราบ้าง หลายๆ ท่านก็ใจดีกับเรามากจริงๆ ครับ