สาววัย 30 ปี โพสต์อุทาหรณ์หลังป่วยด้วยอาการอาเจียนออกเป็นน้ำสีน้ำตาลถึงดำ ไปโรงพยาบาลพบค่าน้ำตาลสูงถึงกว่า 500 หมอเดินมาบอกครอบครัวว่า “ไม่รอดนะ เพราะคนไข้ไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวาน” ล่าสุดพ้นขีดอันตราย ขอเตือนคนกินหวาน กินน้ำอัดลม ชานม ระวังป่วยแบบตนเอง ยันทรมานมาก
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. เฟซบุ๊ก “Pornkanok Komvichian” ได้ออกมาโพสต์อุทาหรณ์อาการป่วยของตนเอง โดยระบุว่า คิดอยู่นานจะโพสต์ดีไหม แต่มันสามารถใช้เตือนใครหลายๆ คนได้ เดี๋ยวจะมาเล่าเป็นประสบการณ์ที่เป็นเรื่องใกล้ตัวแต่ถูกมองข้าม ตนเองนั้นกินไปเรื่อย อยากกินไรก็กินนาทีชีวิตที่ไม่มีลางบอกเหตุใดๆ นาทีชีวิตที่หมอเดินมาบอกครอบครัวว่า “ไม่รอดนะ น้องน่าจะไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวาน” เบาหวานน้ำตาลสะสม เบาหวานน้ำตาลขึ้นสูงทะลุ 500+ วัดครั้งแรก 530 ซึ่งค่าน้ำตาลคนปรกติจะอยู่ 70-120 ส่งผลให้เลือดเป็นกรด ปอดทำงานหนัก ค่ากรดด่างในเลือดเหลือเพียงเลขตัวเดียว วัดครั้งแรก 2 จากปกติหมอบอกว่าจะอยู่ที่ 20+ ตอนนั้นนอนหอบ เหงื่อ ทะลักท่วมตัวอยู่ที่บ้าน ถ้าส่งโรงพยาบาลไม่ทัน คงได้นอนอืดอยู่บนเตียงในห้องนอนแน่ๆ ขอบคุณคนพาส่งโรงพยาบาล
ด้านการรักษา ต้องสอดท่อช่วยหายใจ 4 ครั้ง แต่ละครั้งก็สุดแสนจะทรมาน จนแพทย์พยาบาลต้องจับมัดมือมัดเท้าไว้กับเตียง และฉีดยานอนหลับทุกชั่วโมงเพื่อพักปอด เจาะวัดน้ำตาลทุกชั่วโมงจนนิ้วพรุน เจาะเลือดไปตรวจ จนระบมไปทั้งตัว เจาะให้น้ำเกลือจนไม่มีที่จะเจาะ ต้องย้ายมาเจาะที่เส้นเลือดใหญ่ตรงคอ เจาะเส้นเลือดทุกเส้นในร่างที่สามารถเจาะได้ ห้อยถุงน้ำเกลือ ยาฆ่าเชื้อ อะไรก็ไม่รู้ นับได้ 6 ถุง สายระโยงระยางเต็มเตียง
สาเหตุ เริ่มแรกตนเองไม่มีอาการป่วยก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย แต่รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียนออกเป็นน้ำสีน้ำตาลถึงดำ มีสีเหมือนน้ำเป๊ปซี่ หายใจหอบเร็วเหมือนคนกำลังวิ่งอยู่ตลอดเวลา ทุกอย่างเริ่มทรุดลง ภาวะแทรกเริ่มเยอะขึ้น เข้าโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม จนถึงวันที่ 18 สิงหาคม 2563 ก็ยังพักฟื้นอยู่ และอยากขอเตือน หากใครกินอาการรสหวานจัด และดื่มแต่น้ำอัดลม กินแต่ชานมไข่มุก กินกาแฟครีมน้ำตาลเยอะๆ ระวังไว้มีสิทธิเสี่ยงเป็นโรคเดียวกับตนเองได้
โดยอาการล่าสุด ได้ถอดท่อหายใจเองได้ แต่ต้องตรวจน้ำตาลทุกอาหาร 3 เวลา และให้ยาตลอด เพราะน้ำตาลยัง 300+ อยู่ การให้ยาคือฉีดใส่พุงตัวเองเท่านั้น และหากออกจากโรงพยาบาลไปก็ต้องฉีดยาเอง แต่เนื่องจากตอนนี้ค่าน้ำตาลยังสูงมากๆ หมอเลยยังต้องให้พักฟื้นอยู่โรงพยาบาล”
ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวมีชาวเน็ตมากมายให้ความสนใจ เข้ามาแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจผู้ป่วย และแท็กเพื่อเตือนคนใกล้ตัวที่เสี่ยงเป็นโรคดังกล่าว โดยมียอดกดไลก์กว่า 2,100 ครั้ง และแชร์ไปกว่า 3,900 ครั้งด้วยกัน
