นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์จากโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า การระบาดรอบ 2 อาจเกิดขึ้นได้ และจะรุนแรงกว่ารอบแรก เนื่องจากเชื้อไวรัสมีการวิวัฒนาการ เตือนอย่าชะล่าใจ การ์ดอย่าตกเหมือนเดิม
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. เพจ “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” หรือ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของประเทศเพื่อนบ้าน อย่างประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ “หมอมนูญ” ยังได้เผยอีกว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบที่ของในประเทศไทยจะเกิดขึ้นแน่ และจะรุนแรงกว่ารอบแรก เนื่องจากเชื้อมีการวิวัฒนาการเป็นเชื้อที่ติดต่อได้ง่าย และรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์ที่ระบาดก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม “หมอมนูญ” ได้ระบุข้อความว่า “บทเรียนจากโรคไวรัสโควิด-19 ระบาดรอบที่ 2 ประเทศเวียดนาม
ระบาดรอบแรก
วันที่ 23 มกราคม ผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 คนแรกของประเทศเวียดนามเป็นคนจีน เดินทางจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นถึง 415 คน และไม่มีคนเสียชีวิต หลังจากล็อกดาวน์ประเทศต้นเดือนเมษายนเป็นเวลา 15 วัน ห้ามนักเดินทางจากต่างประเทศเข้าประเทศ และออกมาตรการต่างๆ ประเทศเวียดนามไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศตั้งแต่กลางเดือนเมษายนนานถึง 99 วัน ประเทศเวียดนามเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เปิดร้านอาหาร สถานบันเทิง บาร์ โรงแรม โรงเรียน สนับสนุนคนในประเทศ ท่องเที่ยวเดินทางด้วยเครื่องบินโดยสารในประเทศ
ระบาดรอบที่สอง
ประเทศเวียดนามเผชิญการระบาดครั้งใหม่แบบกลุ่มก้อนในชุมชน ระบาดไปหลายเมือง ไม่สามารถระบุที่มาของการระบาดครั้งใหม่ รู้แต่ว่าเชื่อมโยงเมืองดานังศูนย์กลางของการระบาด วันที่ 22 กรกฎาคม เริ่มพบผู้ติดเชื้อใหม่ คนไข้คนที่ 416 ในเมืองดานัง หลังจากนั้น มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพิ่ม 332 คน รายงานผู้เสียชีวิตคนแรกวันที่ 31 กรกฎาคม ภายใน 2 สัปดาห์มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ 10 ศพ ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเวียดนามสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเพิ่มเป็น 747 ราย
เหวึยน แถ่ง ลอง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สายพันธุ์ของไวรัสที่พบในการระบาดครั้งใหม่เป็นสายพันธุ์มาจากต่างประเทศที่แพร่ระบาดได้ง่าย ผู้ป่วยหนึ่งคนแพร่เชื้อให้กับคนอื่น 5-6 คน เมื่อเทียบกับการระบาดรอบแรก ผู้ป่วยหนึ่งคนแพร่เชื้อให้กับ 1.8 ถึง 2.2 คน และสายพันธุ์นี้รุนแรง ทำให้ป่วยหนักเร็วขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า และทำให้เสียชีวิตถึง 10 รายในเวลาอันสั้น การระบาดในรอบนี้อาจส่งผลกระทบหนักกว่าครั้งก่อนหน้า
เจ้าหน้าที่ต้องเริ่มล็อกดาวน์เมืองดานัง และอีกหลายเมืองอีกครั้งวันที่ 28 กรกฎาคม ประชาชนต้องอยู่แต่ในบ้าน ยกเว้นเมื่อจำเป็นต้องออกมาซื้อสิ่งของ ธุรกิจที่ไม่จำเป็นต้องหยุดดำเนินกิจการชั่วคราว งดทำกิจกรรมสาธารณะต่างๆ ตั้งแต่ 10 วันที่แล้ว
เวียดนาม มีประชากร 96 ล้านคน เคยได้รับการชื่นชมจากทั่วโลกเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผลงานการควบคุมการระบาดของโรคที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ประเทศไทยก็ได้รับการยกย่องความสำเร็จของการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัส จากองค์การอนามัยโลก ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศติดต่อกัน 72 วัน
การระบาดรอบที่ 2 ในประเทศไทยมาแน่ และจะรุนแรงกว่ารอบแรก เพราะเชื้อไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ทั่วโลกขณะนี้เป็นเชื้อที่กลายพันธุ์ ทำให้มีการระบาดติดต่อได้ง่าย และรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์ที่ระบาดก่อนหน้านี้ ถ้าใครเชื่อว่าเชื้อกลายพันธุ์ไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของโรค ขอให้ดูอัตราตายจากโรคไวรัสโควิด-19 ในประเทศอิตาลี 58.19 ต่อแสนประชากร เมื่อเทียบกับประเทศจีน 0.34 ต่อแสนประชากร มากกว่ากัน 170 เท่า และประเทศที่รับเชื้อจากอิตาลี เช่น สหรัฐอเมริกา บราซิล อัตราตายจากโรคไวรัสโควิด-19 สูงกว่าประเทศจีนประมาณ 140 เท่า
เราต้องไม่หลงคำเยินยอขององค์การอนามัยโลก อย่าชะล่าใจหลังจากประสบความสําเร็จ ยิ่งเรากำลังผ่อนคลายมาตรการต่างๆเหมือนประเทศเวียดนาม เราต้องระมัดระวังมากขึ้น การ์ดห้ามตก ทุกคนใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เราใส่เพื่อเขา เขาใส่เพื่อเรา เว้นระยะห่าง 1-2 เมตร และล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลก่อนเอามือมาแคะจมูก ขยี้ตา”