วันนี้ (19 ก.ค.) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” ระบุว่า
ผมได้รับข่าวสารจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่เป็นคนรุ่นใหม่ พออ่านแล้วตนตกใจมากจึงต้องขอโพสต์ชี้แจง เพื่อให้ประชาชนและเยาวชนที่กำลังเติบโตมาเป็นกำลังหลักของชาติ ได้เข้าใจข้อมูลที่ถูกต้อง การที่ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าแม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะลาออกจากตำแหน่ง ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้ เพราะประชาชนมองข้าม พล.อ.ประยุทธ์ ไปแล้ว เพียงแต่ต้องยุบสภาเท่านั้น นอกจากนั้น ในส่วนของกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นได้ระบุว่า รัฐบาลไม่ร่วมมือกรรมาธิการชุดดังกล่าว
ทั้งสองเรื่องเป็นเรื่องที่ต้องชี้แจงให้กับประชาชนได้ทราบว่า ในส่วน กรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นของนักศึกษานั้น เป็นความตกลงร่วมกันของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีทั้ง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ส.ฝ่ายค้าน มีความเห็นเจตจำนงร่วมกัน จึงมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมา ตนไม่เข้าใจว่าในส่วนโควตาของพรรคก้าวไกล ได้เข้าประชุมกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าวหรือไม่ หรือชอบโดดร่มจนชินแบบในสภาที่องค์ประชุมไม่ครบ เพราะฝ่ายค้านไม่เคยแสดงตนเป็นองค์ประชุมเลย ชอบโยนความผิดให้แต่รัฐบาลนั้นคือ การเล่นการเมืองแบบเก่า ตนคาดหวังว่า นายณัฐชา จะเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ เป็นคนรุ่นใหม่น่าจะทำอะไรที่ถูกต้อง ถูกระเบียบ และถูกกติกา การพูดชี้นำควรจะอยู่บนพื้นฐานของความจริง ไม่ใช่เอาความรู้สึกแบบโมหาคติมาบอกประชาชน โดยสภาได้มี การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขปัญหาเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มีสัดส่วนของ ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมประชุมในคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ด้วย และมีการตั้งอนุกรรมาธิการประชาสัมพันธ์ และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขปัญหาเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 โดยมีการตั้ง นายวัฒนา เมืองสุข เป็นประธานอนุกรรมาธิการ มี นายรังสิมันต์ โรม เป็นโฆษกอนุกรรมาธิการ โดยตนจะขอพูดให้ นายณัฐชา ฟังว่าในอนุฯนี้มีการกำหนดกรอบแนวทางของอนุกรรมาธิการไว้อย่างชัดเจนว่า จะต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน มีทั้งในรูปแบบที่เปิดกว้าง และรูปแบบที่เป็นประเด็นเฉพาะ
โดยอนุกรรมาธิการได้มอบหมายให้ ศ.วุฒิสาร ตันไชย เป็นรองประธานอนุธรรมธิการ ในฐานะเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ดำเนินการเกี่ยวข้องกับกรอบแนวทางการรับฟังคิดเห็นของประชาชน ศ.วุฒิสาร เป็นบุคคลนอกไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง เป็นเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ตนคิดว่าเป็นสถาบันที่ทุกฝ่ายให้การยอมรับและเป็นกลาง แต่การที่ นายณัฐชา พูดซึ่งตนคิดว่าอาจจะพูดด้วยโทสาคติ หรือพูดเพราะขาดข้อมูล หรือเพราะ นายณัฐชา ไม่ได้คุยประชุมในพรรคก้าวไกล ว่า การทำงานคณะทำงานชุดนี้เป็นอย่างไร การที่ นายณัฐชา ออกมาชี้นำให้สังคมเข้าใจผิดนั้นตนคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นนักการเมืองต้องพูดความจริงกับประชาชน บนพื้นฐานความจริงและบนข้อมูลที่ถูกต้อง
การที่ นายณัฐชา ออกมาพูดว่า ประชาชนมองข้าม พล.อ.ประยุทธ์ ไปแล้ว ตนก็แปลกใจคำว่าประชาชนของ นายณัฐชา มีสัดส่วนเท่าไร ถ้าเป็นสัดส่วนของพรรคฝ่ายค้านก็ไม่แปลก แต่อย่าลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะยุบสภาซึ่งถือว่าเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี แต่นายกฯต้องไม่ทำลายหัวใจของประชาชน ที่รักและศรัทธาตัว พล.อ.ประยุทธ์ ตนเองได้รับโทรศัพท์จากชาวบ้านมากมาย ทั้งในอีเมลและอินบ็อกซ์ว่าให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จงลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องประชาชนให้อยู่ดีกินดี และเหนือสิ่งอื่นใดคือปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่รักและหวงแหนของประชาชนคนไทย
ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ มีกำลังใจที่เข้มแข็ง และมีกำลังกายสุขภาพที่แข็งแรง ที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า นอกจากนี้ ชาวบ้านบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีจิตใจที่บริสุทธิ์ และมีความตั้งมั่นตั้งใจที่จะช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย หลายครั้งที่เราเห็นว่ารัฐบาลนี้พร้อมรับฟังปัญหาประชาชน เช่น การแก้ปัญหาม็อบสมัชชาคนจน การแก้ปัญหาโรคระบาดโควิด-19 การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และการแก้ปัญหายาเสพติด
นายสามารถ กล่าวต่อว่า วันนี้เศรษฐกิจทั่วโลกซบเซาเนื่องจากโรคโควิด-19 ระบาด แต่ประเทศไทยได้รับการยอมรับ โดยตนจะเอาข้อมูลการจัดอันดับของ “โกลเบอร์โควิด-19 อินเด็กซ์” มาบอก นายณัฐชา เพื่อจะได้ไปบอกประชาชนได้ถูกต้อง องค์กรโกลเบอร์โควิด-19 หรือ จีซีไอ พัฒนาโดยเพนมาดูร์ แอสซีแอดท์ โดยการร่วมมือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนวัตกรรมโมซีสของประเทศมาเลเซีย และกลุ่มซานเวย์ ได้จัด 20 อับดับแรก ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 2 ของโลก ที่มีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ดี ถ้าดูใน 20 อันดับแรก จะมี 6 ประเทศในเอเชียได้แก่ ไทย ฮ่องกง ใต้หวัน เกาหลีใต้ เวียดนาม และ มาเลเซีย
โดยไทยได้คะแนนอันดับที่ 1 ของเอเชีย การจัดอันดับดังกล่าวใช้ข้อมูล จากผู้ติดเชื้อต่อประชากรจำนวนผู้รักษาหาย ต่อผู้ติดเชื้อยืนยัน จำนวนประชากรตรวจสอบโรคติดต่อผู้ติดเชื้อยืนยัน และจำนวนการทดสอบต่อประชากร รวมถึงการเข้าถึงระบบสาธารณะสุขของคนในประเทศ และขีดความสามารถในการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19ซึ่งทั้งหมดก็ล้วนมาจากผลงานของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี การที่ นายณัฐชา ออกมาพูดให้ร้ายรัฐบาล และตัว พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการใช้ความคิดเห็นส่วนตัวแบบโมหาคติ ขาดข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง ตนเป็นห่วงโฆษกพรรคก้าวไกลว่า จะชี้นำประชาชนไปในทางที่ผิด จึงขอเตือนสติ นายณัฐชา พร้อมขอยกคำโบราณ ไม่อยากให้ นายณัฐชา นั้นมีโมหาคติ ต่อ พล.อ.ประยุทธ์
โมหาคติ หมายความว่า เป็นความลำเอียงเพราะความเขลา เป็น 1 ในอคติ 4 ตนจึงนำข้อมูลบอก นายณัฐชา ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล ด้วยความเป็นห่วง นอกจากนี้ อยากฝากอีกหนึ่งประโยคไปถึง นายณัฐชา เพื่อให้นำไปพัฒนาตัวเองและพรรคก้าวไกล “จงฟังให้มากกว่าพูด ในสุภาษิตภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Having two ears and one tougue we should listen twice as much as we speak.” ทั้งนี้ ตนอยากฝากไปถึงคนรุ่นใหม่ที่สนใจการเมือง ขอให้ใช้สติและวิจารณาญาณ ในการแสดงออกทางการเมือง เพราะการเมืองบนถนนนั้น ไม่สามารถแก้ปัญหาการเมืองได้ การเมืองจะต้องแก้ด้วยจิตสำนึกของคนไทยทุกคน การเมืองต้องใช้สภาและใช้กลไกของรัฐสภา ในการแก้ปัญหาจึงจะเป็นทางออกที่ถูกต้อง ไว้ตนจะมาเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ ปี 2549 ให้น้องๆ ฟังในคราวหน้าต่อไป.เพราะที่ผ่านมาคนลงถนนโดนคดี คนสั่งการอยู่เบื้องหลังเสพสุขอยู่บนหอคอย จึงเป็นห่วงน้องๆทุกคน ท้ายสุดนี้ฝากเตือน นายณัฐชา ว่า อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับม็อบ เพราะเป็นห่วงจะถูกยุบพรรคอีก ที่เตือนเพราะหวังดีต่อ นายณัฐชา และพรรคก้าวไกลอย่างแท้จริง