“ลุงพล” ลุงน้องชมพู่ ออกมาเปิดใจในรายการโหนกระแส ยืนยันไม่ได้ฆ่าน้องชมพู่ เพราะรักเหมือนลูกคนหนึ่ง ตั้งข้อสงสัยทำไมพ่อแม่ไม่ล้างหน้าศพซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเห็นหน้าลูกตัวเอง ขณะที่คนอื่นล้างหมด เสียใจยังไงก็เป็นวาระสุดท้ายที่พ่อแม่จะทำให้ลูก
จากกรณีน้องชมพู่ (สงวนนามสกุล) อายุ 3 ขวบ หายตัวออกจากบ้านหมู่ 3 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ห่างจากบ้านช่วงเช้าระหว่างที่พ่อกับแม่ออกไปทำงาน โดยน้องชมพู่อยู่กับพี่สาวอายุ 13 ปี ต่อมาครอบครัวได้ออกตามหาน้องชมพู่ และได้นำร่างทรงมาประกอบพิธีตามความเชื่อเพื่อขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์เปิดทางให้หาเจอ จนพบศพน้องชมพู่นอนเสียชีวิตในสภาพเปลือยบนเนินเขา ไม่สวมเสื้อผ้า ขณะที่ “ลุงพล” ลุงของน้องชมพู่ ตกเป็นผู้ต้องหาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 ก.ค. รายการโหนกระแส “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20 น. ทางช่อง 3HD เปิดใจสัมภาษณ์นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ลุงน้องชมพู่ ได้ออกมาเปิดใจในรายการ ระบุว่าไม่รู้สึกอึดอัดใจ ถ้าแม่น้องกล้าออกมาพูดแบบนี้ ตนเองก็กล้าออกมาพูดเรื่องประเด็นอื่นที่สังคมต้องรับรู้ และยืนยันว่าสภาพที่ไปเจอน้องชมพู่บนภูเขา มันเป็นที่สูงซึ่งเด็กอายุ 3 ขวบไม่สามารถขึ้นไปเองได้ ทุกคนก็คิดเหมือนกันหมด ถ้าไม่มีคนพาขึ้นไป เป็นไปไม่ได้ ในส่วนเรื่องแม่ยายของตนออกมาพูดแล้วว่าแม่ยายและพ่อตาไม่ได้สงสัยในตัวตน น่าจะเป็นฝ่ายแม่น้องชมพู่มากกว่าที่สงสัย ทั้งนี้ แม่ของน้องชมพู่และยายบอกว่าให้ญาติพี่น้องมาประชุมกันเพื่อพูดคุยกัน ทุกคนมาหมด แต่ลุงพลไม่ไปคนเดียว เพราะไม่รู้ประเด็นนี้ รวมถึงป้าก็ไม่รู้เรื่องเช่นกันเพราะไม่มีใครบอก
ลุงพลสนิทกับน้องชมพู่ช่วงหลังๆ ที่น้องเข้าเตรียมอนุบาล มีโอกาสคลุกคลีกันเยอะ หลังน้องเสียชีวิต ลุงไม่ได้ขึ้นไปบ้านน้อง เพราะงานศพน้องเสร็จแล้ว เผาศพน้องแล้ว ประเด็นที่ตนสงสัยอยากจะถามแม่น้องว่าวันเผาศพน้องชมพู่ คนอื่นล้างหน้าศพชมพู่หมด ทำไมพ่อแม่เลี่ยงไม่ไปล้างหน้าศพ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเห็นหน้าลูกตัวเอง ขณะที่คนอื่นล้างหมด เสียใจยังไงก็เป็นวาระสุดท้ายที่พ่อแม่จะทำให้ลูก ถ้ารักลูกจริงๆ ต้องทำ
ลุงยังกล่าวอีกว่า ทุกคนในหมู่บ้านมีสิทธิ์สงสัย แต่วันเกิดเหตุตนไม่เจอหน้าน้องชมพู่เลย ถ้าสงสัยเรื่องความผูกพันระหว่างตนกับชมพู่ เหมือนสามีคู่หนึ่งที่มาออกรายการครั้งก่อนที่เอ่ยชื่อผมออกไป ก็ขอบคุณที่เขาบอกว่าผมมีความสนิทสนมกับครอบครัวชมพู่ แต่จริงๆ ต้องพูดให้มากกว่านี้ คนในครอบครัวสนิทกับชมพู่หมด มีความรักและเอื้ออาทรหมด ไม่ใช่มีแค่ตนที่สนิท ควรพูดให้หมดเลย ไม่ต้องสะกิดกันขนาดนั้นหรอก
พิธีกรถามเพิ่มเติม ถ้าตำรวจออกหมายจับ ทำไง? ลุงพลตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ผมต้องสู้ เพราะผมไม่ได้ทำ” และกลัวเป็นแพะรับบาป ยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ฆ่าน้องชมพู่ เพราะรักน้องเหมือนลูกคนหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะทำกับหลาน เพราะผมเคยพูดอยู่แล้วว่าถ้าเขาไม่เลี้ยงชมพู่ ตนสามารถเอาเขามาเลี้ยงเองได้ ตนพูดกับคนอื่น ไม่ได้พูดกับแม่เขา น้องมีความผูกพันกับตน รู้ว่าครอบครัวน้องอยู่กันยังไง แต่ละวันอยู่กันยังไง ตนในฐานะที่เป็นลุงเขย