ดรามาล้นทวิตเตอร์ เผยแชตครูบังคับนักเรียนเปลี่ยนชื่อและรูปโปรไฟล์ในแอปพลิเคชันไลน์ ตามที่ครูกำหนด สำหรับการเรียนออนไลน์ ชาวเน็ตจวกครูเข้าข่ายลิดรอนสิทธิจริง พร้อมชื่นชม นร.อธิบายเหตุผลกลับครูได้สุภาพและตรงกับความเป็นจริง
จากกรณีสถานการณ์ช่วงโรคโควิด-19 ระบาด ทำให้รัฐบาลต้องออกประกาศให้สถานศึกษาทั่วประเทศ ปรับเปลี่ยนการเรียนในห้องเรียนและการเดินทางไปโรงเรียนเป็นการเรียนออนไลน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และนักเรียนทุกคนต้องเรียนออนไลน์ โดยประกาศเริ่มทดลองการเรียน-การสอนออนไลน์ไปในวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมาแล้วนั้น และพบว่า มีดรามาจากโซเชียลอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าทั้งครูและนักเรียนส่วนหนึ่งยังไม่มีความพร้อมต่อการเรียนการสอนออนไลน์ และเกิดปัญหาตามมามากมาย
ล่าสุด เมื่อวันที่ (20 พ.ค.) สมาชิกทวิตเตอร์รายหนึ่งได้ทวีตข้อความระบุว่า “จากใจนักเรียน ม.6 ที่ต้องเปลี่ยนชื่อไลน์ และดิสไลน์ตามคำสั่งของครูที่ปรึกษาค่ะ”ประเด็นการตั้งกลุ่มไลน์ระหว่างครูและนักเรียน เพื่อใช้สำหรับสื่อสารกันโดยครูรายนี้ได้บังคับให้นักเรียน ให้นักเรียนทุกคนเปลี่ยนชื่อ และรูปโปรไฟล์ไลน์ตามที่ครูต้องการ
ซึ่งมีนักเรียนรายหนึ่งได้ทักท้วง พร้อมระบุเหตุผลว่า “ขออนุญาตนะคะ หนูคิดว่าไลน์เป็นช่องทางการสื่อสารส่วนบุคคล ใช้สื่อสารได้หลายๆ เรื่อง กับหลายๆ คน ทั้งพ่อแม่ เพื่อน คุณครู สังคมอื่นๆ ซึ่งหนูคิดว่าการตั้งชื่อไลน์มันขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ความเหมาะสมของแต่ละคน ส่วนตัวแล้วหนูคิดว่าเรื่องดังกล่าวเหมือนเป็นการที่คุณครูบังคับให้นักเรียนต้องเปลี่ยนชื่อไลน์ แล้วก็รูปตามที่คุณครูต้องการหรือคิดว่าเหมาะสม หนูคิดว่ามันสะท้อนให้ความสัมพันธ์เชิงอำนาจของครูกับนักเรียน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทุกคนมีสิทธิและอิสระในชีวิตค่ะ ใครพึงพอใจจะใช้ชื่อหรือรูปอะไรนั่นเป็นสิทธิของเขา แล้วอีกอย่าง คุณครูสามารถที่จะเปลี่ยนชื่อในแชทไลน์ของนักเรียนโดยไม่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของนักเรียนค่ะ หนูแสดงความคิดเห็นด้วยความเคารพ คุณครูสามารถชี้แนะได้นะคะ”
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวนี้ที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก โดยมีชาวทวิตเตอร์มาให้กำลังนักเรียนคนดังกล่าว พร้อมชื่นชมที่ใช้ภาษาสุภาพไม่ใช้อารมณ์ และยังมีบางความคิดเห็นระบุอีกด้านว่าครูหลายท่านในไทยอาจใช้โซเชียลไม่เก่งหรือใช้ไม่เป็นเลยทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนชื่อนักเรียนเองได้ ในไลน์ ทั้งที่สามารถทำเองได้ และมีครูหลายรายที่เล่นทวิตเตอร์ก็มาแสดงความคิดเห็นว่าตนเองก็เปลี่ยนเอง ไม่เคยให้เด็กต้องแก้ไข และชี้ว่าเข้าข่ายลิดรอนสิทธิตามที่นักเรียนพูดถึงจริงๆ