ร้านกาแฟย่านราชพฤกษ์สุดทน ประจานร้านเสื้อผ้าในไอจี ยกโขยงทีมงานนับสิบเข้าไปถ่ายภาพโดยไม่ขออนุญาต หน้ากากไม่ใส่ เข้าไปในพื้นที่ต้องห้าม แถมย้ายเก้าอี้นั่งรอเครื่องดื่มที่จัดห่างๆ ตามหลัก Social Distancing พอถามก็โกหกว่า “มาถ่ายเล่น” อ้างที่ร้านให้ทำได้ ด้านเจ้าของร้านเสื้อผ้าเจอทัวร์ลง ขอโทษยกใหญ่เตรียมจ่ายค่าเสียหาย หนึ่งในนั้นเป็นศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ เคยฝากร้านด้วย
เรื่องของร้านกาแฟที่ต้องเจอผู้ค้าออนไลน์ถ่ายรูปและวิดีโอเพื่อการค้าโดยไม่ได้ขออนุญาต ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เกิดขึ้นที่ร้านกาแฟ คัม เอสเคป คาเฟ่ (COME escape cafe) ซอยราชพฤกษ์ 6 แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ เมื่อเฟซบุ๊กของทางร้าน ออกมาตีแผ่ถึงร้านเสื้อผ้าออนไลน์แห่งหนึ่งที่ชื่อว่า สไตล์ ทู สตีล (Style to Steal) เข้ามาถ่ายรูปและวิดีโอเพื่อรีวิวสินค้าโดยไม่ได้ขออนุญาต โดยมีนางแบบ ช่างภาพ และทีมงานนับสิบคน สั่งเครื่องดื่มเพียงแก้วเดียว อ้างว่า มาถ่ายเล่น แต่พบว่ามีการเดินเข้าไปถ่ายในส่วนที่ร้านปิดให้บริการ
แม้ทางร้านจะแจ้งว่าไม่อนุญาตให้ถ่ายแบบเพื่อการค้า แต่ก็อ้างว่าถ่ายเล่น เมื่อวานโทร.มาสอบถามว่าถ่ายรูปเล่นได้ไหม ทางร้านแจ้งว่าได้ หุ้นส่วนของร้านรายหนึ่งก็ชี้แจงว่า ทางร้านให้เดินเล่นถ่ายรูปได้เล็กน้อยระหว่างรอรับเครื่องดื่ม เพราะช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ถามว่าลูกค้าถ่ายเล่น ไม่ใช่ค้าขายหรือไม่ ทีมงานก็ยืนยันว่าถ่ายเล่น หลังจากนั้น มีการย้ายเก้าอี้เกิดขึ้น ซึ่งที่ร้านได้จัดเก้าอี้ตามหลัก Social Distancing แต่ก็ไม่ย้ายกลับ ทางร้านจึงแจ้งว่า ไม่อนุญาตให้ย้ายเก้าอี้ และย้ำอีกครั้งว่า ไม่ได้อนุญาตให้ลูกค้าถ่ายแบบ เมื่อถามว่าถ่ายเล่นไม่ใช่ค้าขายใช่หรือไม่ ทีมงานก็ตอบว่าใช่ ถ่ายเล่น
ทีมงานและนางแบบกลุ่มนี้ยังคงเดินวนถ่ายภาพไปเรื่อย ตั้งแต่หลังร้าน หน้าร้าน และป้ายหน้าร้าน ทางเจ้าของและทีมงานเห็นป้ายด้วย แต่ก็ไม่หยุดถ่ายยังคงขำๆ ตลอดเวลา หลังจากกลับไป ทางร้านก็นิ่งนอนใจ เพราะคิดว่าพูดจริง ปรากฏว่า มีภาพเซตเสื้อผ้าที่ถ่ายทำที่ร้าน ลงเพจของร้านเสื้อผ้าและออกขายแล้ว ในฐานะเจ้าของร้านและเจ้าของพื้นที่รู้สึกอายมาก นอกเหนือจากพฤติกรรมการละเมิดอย่างไร้จิตสำนึกที่ว่ามาแล้ว พบว่า นางแบบ ช่างภาพ และทีมงานนับสิบคน ไม่สวมหน้ากาก ทั้งที่ทางร้านต้องปรับเปลี่ยนเพื่อความสะอาดและสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้า เป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรการภาครัฐ
“เจ้าของร้านหลายๆ ร้านที่เปิดมาก่อนเรา ที่รู้จักกันก็เจอปัญหาในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่มีใครเคยออกมาพูดว่าพวกเราทำยังไงได้บ้าง ต่างคนก็ต่างแก้ปัญหากันไปตามแต่ที่แต่ละคนจะทำได้ คิดว่ามันง่ายไหมในการจะเปิดร้าน เราต้องใช้เงินเท่าไหร่ เราต้องเสียลูกค้าไปเท่าไหร่จากการโดนทำแบบนี้ คนเราค้าขายเหมือนกัน การเอาเปรียบและใช้ของคนอื่นฟรีๆ มันสมควรที่จะเกิดขึ้นไหมคะ ร้านเสื้อผ้าถ้ามีคนมาก๊อปรูปที่คุณถ่ายเองไปใช้คุณจะสบายใจไหมคะ ถ้าเป็นตัวคุณเองเจอแบบนี้คุณจะโอเคไหม น่าจะลองถามตัวเองดูบ้าง” เพจร้านกาแฟ ระบุ
เพจร้านกาแฟระบุว่า ก่อนหน้านี้ พยายามทุกวิถีทาง ทั้งรับงานน้อยๆ จัดคิวให้แค่วันละ 1 คิว ในวันที่ลูกค้าไม่มากเท่านั้น เพื่อความสะดวกของคนถ่าย และให้ลูกค้ามาหน้าร้านได้ใช้บริการอย่างสบายใจ บางคนมาแอบถ่ายเล่นเล็กๆ น้อยๆ ก็ปล่อยไม่เคยว่า บางคนเตือนแล้วเลิกก็ไม่ว่า ที่ผ่านมาเจอมาเยอะ แต่ครั้งนี้ไม่ไหวแล้ว ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะออกมาปกป้องตัวเอง ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเรา แต่เพื่อลูกค้า และสังคมส่วนรวม ฝากช่วยกันแชร์โพสต์นี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับคนที่เปิดร้านแล้วกำลังเจอปัญหาเดียวกันให้ช่วยกัน สังคมจะน่าอยู่ขึ้นกว่านี้อีกมาก ถ้าคิดถึงใจเขาใจเราให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะในสถานการณ์เช่นนี้ด้วย
ด้านเพจของทางร้านเสื้อผ้าสไตล์ ทู สตีล หลังกระแสโซเชียลโจมตีก็ได้ออกมาขอโทษ ระบุว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางโบกับตอย ในฐานะเจ้าของแบรนด์ ขอน้อมรับความผิดทุกอย่างที่เกิดขึ้น ที่สร้างความเดือดร้อนและความไม่สบายใจให้กับทางร้าน ตอนนี้ตระหนักถึงการกระทำในครั้งนี้แล้วว่า เป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง รู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก และอยากจะขอโทษพร้อมทั้งรับผิดชอบทุกอย่าง โดยกำลังพยายามติดต่อเจ้าของร้านเพื่อขอแสดงความรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น และจะเดินทางไปขอโทษทางเจ้าของร้านกาแฟด้วยตัวเอง พร้อมทั้งจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการใช้สถานที่ถ่ายภาพทั้งหมด ต้องขอโทษทางร้านจากใจจริง และสัญญาว่าจะนำบทเรียนครั้งนี้ไปพัฒนาตัวเองและการทำงานต่อไป
อนึ่ง สำหรับร้านเสื้อผ้าดังกล่าวพบว่าเคยฝากร้านในเพจ “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการฝากร้าน” โดยหนึ่งในหุ้นส่วนของร้านเป็นศิษย์เก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีอีกด้วย