พบโชเฟอร์แท็กซี่ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ไปพบแพทย์ก่อนรักษาฟันโยกเป็นหนอง ปฏิเสธภาวะเสี่ยงทุกอย่าง พอถอนฟันเสร็จ เพิ่งจะสารภาพว่าโกหก เพิ่งไปสนามมวยลุมพินี เท่านั้นแหละส่งตรวจเชื้อ พบเป็นโควิด-19 ส่วนทันตแพทย์กลายเป็นผู้ป่วยสอบสวนโรค กักตัวอยู่บ้าน เชื่อคนไข้ที่ปกปิดข้อมูล มีอยู่จริงในทุกพื้นที่
วันนี้ (31 มี.ค.) ในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อความที่โพสต์ลงเฟซบุ๊กเมื่อเมื่อวันที่ 27 มี.ค. จากทันตแพทย์รายหนึ่ง ระบุว่า “งานทันตกรรมก็โดนทำร้าย จากคนโกหก เช่นกัน ขอเล่าเป็นอุทาหรณ์ และเตือนสติทันตแพทย์ทุกท่าน
มีคนไข้ เพศชาย มาด้วยอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ไปพบแพทย์ ผ่านการคัดกรองวัดอุณหภูมิ ได้ 36.6 องศาเซลเซียส ปฏิเสธภาวะเสี่ยงทุกอย่าง แพทย์ตรวจร่างกาย จ่ายยา และส่งให้พบทันตแพทย์เพื่อจะถอนฟัน เพราะฟันโยกเป็นหนอง อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่สบาย ปวดศีรษะ
ทันตแพทย์ที่ถอนฟัน ซักประวัติอีกครั้งเรื่องความเสี่ยง คนไข้ก็ปฏิเสธ และแอบเห็นคนไข้แต่งตัวเหมือนคนขับแท็กซี่ เลยถามว่า มีรับส่งผู้โดยสารไปกลับสนามมวยบ้างไหม คนไข้บอกเคยไปสนามมวยมาเมื่อ 2-3 เดือนก่อน ถามย้ำอีกครั้งว่าไปมาเมื่อไหร่ คนไข้ก็ตอบแบบเดิม ทันตแพทย์ตัดสินใจถอนฟันให้ เพราะฉุกเฉินและถอนไม่ยาก
พอถอนเสร็จให้กัดก๊อซ คนไข้บอกว่า จริงๆ เพิ่งไปมาสนามมวยลุมพินี เมื่อ 6 มี.ค. เพื่อนที่ไปด้วยกัน ถูกตำรวจตามมากักตัวหมดแล้ว แต่เค้าไม่โดน เลยขับแท็กซี่รับส่งผู้โดยสารเรื่อยๆ 2-3 วันที่แล้ว มีไข้ไม่หาย กินยาพาราไข้ลด แล้วมาหาหมอ
ตั้งสติขั้นสูงสุด ติดต่อเจ้าหน้าที่ให้นำตัวไปตรวจเชื้อโควิด-19 รอผลวันรุ่งขึ้น วันต่อมา ผลเพาะเชื้อเป็น positve (บวก) ทันตแพทย์กลายเป็นเคส PUI (ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค) เพราะสัมผัสผู้ติดเชื้อโดยตรง พักงาน กักตัวอยู่บ้าน
นี่คือเรื่องที่เกิดจริง ขนาดเคสที่เร่งด่วน ยังกลายเป็นคนไข้โควิด-19 ที่ปกปิดข้อมูล เคสที่ไม่เร่งด่วน ยิ่งไม่ควรทำ เคส PUI ที่ปกปิดข้อมูล มีอยู่จริงในทุกพื้นที่ อย่าคิดว่าการคัดกรองจะได้ผล 100% เล่าเพื่อเตือนสติ”
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
อนึ่ง ช่วงวันที่ 6 มี.ค. เป็นวันที่มีการจัดชกมวยที่เวทีมวยแห่งหนึ่ง และเกิดการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 จากสนามมวยดังกล่าวไปทั่วประเทศจนถึงปัจจุบัน และมีผู้เสียชีวิตหนึ่งในนั้นเกิดจากกลุ่มสนามมวยด้วย