“ธีระชัย” ชี้หมายแดง “โจโล” ผู้ต้องหาคดี 1MDB ออกโดยสิงคโปร์ในปี 16 และออกโดยมาเลเซียในปี 18 แต่กลับปรากฏในระบบ สตม.ปี 19 เป็นเรื่องแปลกไม่สมเหตุสมผล จี้นายกฯ ต้องมีคำตอบ ชม “ช่อ” อภิปรายนอกสภาครั้งแรกทำได้ดี เจาะลึกมีน้ำหนัก
วันที่ 24 ก.พ. 63 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “วิเคราะห์ข้อมูลศึกซักฟอกในสภา+นอกสภา”
โดยนายธีระชัยกล่าวถึงกรณี 1MDB ในตอนหนึ่งว่า ช่วงหนึ่งรัฐบาลประยุทธ์ 1 เคยคิดจะตั้งซูเปอร์โฮลดิ้ง คือเอารัฐวิสาหกิจ 11 แห่งมาควบคุม โดยอันนี้เป็นฝาชีครอบ แต่โชคดีพอตนทักท้วงไป โดยยกตัวอย่าง 1MDB นี้เลยว่ายิ่งรวมศูนย์ยิ่งกินง่ายยิ่งอันตราย โชคดีที่ประธานกรรมาธิการฟัง แล้วก็แก้ไขเปลี่ยนจากการครอบงำเป็นกำกับดูแลให้เข้มแข็งขึ้น กฎหมายก็เลยไม่ผ่าน
ส่วนการที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นำเรื่อง 1MDB มาอภิปรายนอกสภา เป็นการเสี่ยงเพราะโดนฟ้องได้ แต่ก็มีข้อดีคือไม่มีคนประท้วง
การออกหมายแดง นายโจโล นักธุรกิจชาวมาเลเซียเอี่ยวคดีทุจริต 1MDB ครั้งแรกออกหมายแดงโดยสิงคโปร์ เมื่อปี 2016 ครั้งที่ 2 ออกโดยมาเลเซียในปี 2018 แล้วระหว่างปี 2016-2018 นายโจโลเข้าออกประเทศไทย ตามข้อมูลที่ น.ส.พรรณิการ์ ให้ไว้คือ 5 ครั้ง และทราบมาว่ามีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบไปต้อนรับอย่างดีด้วย
นายธีระชัยกล่าวอีกว่า คำอธิบายของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง บอกว่าหมายแดงออกในปี 2016 และ 2018 แต่ปรากฏในระบบปี 2519 อันนี้ตลกมาก ถ้าจริงมันสมเหตุสมผลไหม น่าสงสัยเวลาออกหมายเขาแจ้งประเทศสมาชิกทั้งหมด ถ้าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอ้างว่าเข้าระบบปี 2019 เป็นเรื่องแปลก
นายธีระชัยกล่าวด้วยว่า การอภิปรายนอกสภาครั้งแรกไม่เลว เจาะได้ลึก มีน้ำหนัก และเป็นเรื่องท้าทายที่รัฐบาลตัดทิ้งไม่ได้ ตนอยากให้สื่อไทยช่วยขุดคุ้ยด้วย
นอกจากนี้ ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และนายกฯ ต้องให้คำตอบ ว่าป็นไปได้อย่างไร หมายออกโดยประเทศเพื่อนบ้านแต่อ้างว่าปรากฏในระบบปี 2019 มีใครนั่งทับอยู่
