xs
xsm
sm
md
lg

สุดยิ่งใหญ่สง่างามสมพระเกียรติ ทหาร-ตำรวจ 6,812 นาย พร้อมใจสามัคคี สวนสนามครั้งแรกในรัชกาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรกำลังสวนสนามภาคอากาศ และกองพันสวนสนาม ในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณทหาร-ตำรวจ และเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก วันกองทัพไทย

วันนี้ (18 ม.ค.) ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัสจบแล้ว กรมสวนสนามแปรขบวนเตรียมการสวนสนาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรกำลังสวนสนามภาคอากาศ ประกอบด้วย หมู่บินปล่อยควันสสีรูปธงชาติ จำนวน 3 เครื่อง เฮลิคอปเตอรบินผ่าน 2 หมู่บิน ประกอบด้วน ฮ.บินหมู่ 6 เครื่อง และ ฮ.บินหมู่9 เครื่อง รวม 15 เครื่อง เครืองบินรบบินผ่าน 2 หมู่บิน ประกอบด้วย เครื่องบินรบ หมู่บิน 9 และเครื่องบินรบ หมู่บิน 10 รวม19 เครื่อง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงยืนรับการถวายความเคารพจากกองพันสวนสนาม ที่ประกอบไปด้วย กรมเดินเท้าสวนสนาม 7 กรม 28 กองพัน โดยวงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ช 4 เหล่า อันเป็นเพลงที่นาวาตรีพยงค์ มุกดา ประพันธ์ขึ้น เพื่อเป็นการปลุกใจ และสร้างความสามัคคีระหว่างทหารเหล่าทัพต่างๆ และตำรวจ ในฐานะที่เป็นผู้ที่มีหน้าที่ปกป้องอธิปไตย และความมั่นคงของประเทศ ทั้งภายใน และภายนอกราชอาณาจักร ประกอบการเดินสวนสนาม ตามด้วยกรมวิ่งสวนสนาม จำนวน 1 กรม 4 กองพัน วงดุริยางค์บรรเลงเพลง Tiger Rag กองพันทหารม้ารักษาพระองค์ จำนวน 1 กองพัน วงดุริยางค์บรรเลงเพลง king Cotton กรมยานยนต์ จำนวน 2 กรม 6 กองพัน วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมาร์ช 4 เหล่า

รายงานข่าวแจ้งว่าการสวนสนามเทิดพระเกียรติฯ ครั้งนี้ถือเป็นการสวนสนามครั้งยิ่งใหญ่ต่อหน้าพระพักตร์เป็นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทหาร – ตำรวจทุกหมู่เหล่าได้ร่วมในพิธีสวนสนามถวายสัตย์ปฏิญาณโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความสามัคคี ความสามารถ ความเข้มแข็ง และความพร้อมเพรียงของเหล่าทัพ และเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งดำรงพระราชสถานะเป็น “องค์จอมทัพไทย” โดยเหล่าทัพได้นำยุทโธปกรณ์เกือบทุกแบบที่มีประจำการเข้าร่วม ไม่ต่างจากสวนสนามแสนยานุภาพ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2539 ที่พระลานพระราชวังดุสิต ในงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ทั้งนี้ การจัดกำลังสวนสนามแบ่งออกเป็นกำลังภาคพื้น 10 กรมสวนสนาม 39 กองพัน จำนวน 6,812 นาย ประกอบด้วย และ 1 กองพันทหารม้า ประกอบด้วย 7 กรมสวนสนามเดินเท้า (กรมละ 4 กองพัน ), 2 กรมยานยนต์สวนสนาม และ 1 กองพันทหารม้า รวมถึงกำลังทางอากาศจำนวน 37 เครื่อง ประกอบด้วยหมู่บิน AU-23 บินปล่อยควันสีรูปธงชาติ ตามด้วยหมู่บินเฮริลคอปเตอร์ 4 เหล่าทัพ โดย บินหมู่ 6 และหมู่ 9 รวมถึงหมู่เครื่องบินรบ ทำการบินหมู่ 9 และ หมู่10

สำหรับยุทโธปกรณ์ที่นำมาสวนสนามในส่วนของกองทัพบก เช่น ยานเกราะล้อยาง stryker BTR-3E1 รถถัง M60A3 ปืนใหญ่ 105มม.,155มม. ปตอ. 35 มม. รถบรรทุกจรวด จรวดหลายลำกล้อง รถถัง OPLOT รถถัง VT-4 กองทัพเรือ เช่น รถสะเทินน้ำสะเทินบก AAVP ยานเกราะล้อยาง BTR-3E1 จรวด TOW ปืนใหญ่ 155มม. กองทัพอากาศ เช่น เครื่องบิน F-5 ,F - 16, T-50 , Gripen JAS-39 และ เฮริลคอปเตอร์ แบบ EC 725.


**สดุดีจอมราชา ทรงพระเจริญดังกึกก้อง


เมื่อกำลังพลสวนสนามเสร็จแล้ว วงดุริยางค์ได้บรรเลงเพลงสดุดีจอมราชา โดยกำลังพลสวนสนามจากทุกเหล่าทัพ และผู่ร่วมในพิธีร่วนกันร้องเพลงถวาย จากนั้นได้มีการจุดพลุเฉลิมพระเกียรติจำนวน 500 นัด


ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จลงจากพระที่นั่งชุมสายไปยังรถยนต์พระที่นั่งเปิดประทุน เสด็จออกจากลานสวนสนามฯ ไปยังอาคารประมณฑ์ผลาสินธุ์ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร และประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จตฯพระราชดำเนินยังพระลานพระราชวังดุสิต


ระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปยังรถพระที่นั่งพลโท ธรรมนูญ วิถี ผู้บังคับกกองผสม กล่าวนำถวายพระพร “ทรงพระเจริญ”ดังกึกก้อง


















กำลังโหลดความคิดเห็น