xs
xsm
sm
md
lg

เสี่ยทุบรถ! อ้างยอมไม่ได้กระบะจอดที่คนพิการ เรียกให้เลื่อนรถกว่า 20 นาทีเงียบเฉย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พบนักธุรกิจรายหนึ่งในจังหวัดเชียงรายยอมไม่ได้ เห็นกระบะจอดรถที่คนพิการ บิ๊กซีเชียงราย แยกสนามบิน ทั้งที่ไม่ใช่คนพิการ แจ้งทางห้างฯ ให้ประกาศเลื่อนรถไป 2 ครั้ง กว่า 20 นาทีไม่ตอบสนอง ตัดสินใจทุบรถไปเลย ฝ่ายคู่กรณีเรียกค่าซ่อม 2 หมื่น บวกค่าเสียเวลาอีก 5 หมื่น ตำรวจต่อให้เหลือหมื่นเดียว เตือนทำไม่ถูกต้อง โต้กลับ "ต้องทำยังไง"

วันนี้ (8 ธ.ค.) เฟซบุ๊ก Peerapong Amornpich ของนายพีระพงค์ อมรพิชญ์ ซึ่งเป็นนักธุรกิจรายหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงเหตุการณ์ที่ตนเองตัดสินใจทุบกระจกรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน กอ 4205 เชียงราย ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี เชียงราย 2 สี่แยกท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ต.บ้านดู่ อ.เมืองฯ จ.เชียงราย เนื่องจากรับไม่ได้ที่รถกระบะคันนี้จอดรถบนช่องที่จอดรถคนพิการ โดยระบุว่า "ผมทุบรถ คนไม่พืการ มาจอดรถที่คนพิการ ผมยินดีจ่ายค่าเสียหาย แต่ไม่ขอยินยอมปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดในสังคมไทย โดยที่ผมไม่ยอมทำอะไร"

นายพีระพงค์ กล่าวว่า ตนเห็นรถคู่กรณีมาจอดในที่คนพิการ แล้วเดินออกไป 2 คน มองจากด้านหลัง สูงยาว เข่าดี ไม่ได้พิการ หรือตั้งครรภ์ ตนผมมากับครอบครัว อุ้มลูกอยู่ ไม่สามารถตามไปทันได้ จึงจำหมายเลขทะเบียนรถแล้วเดินไปแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประกาศ ตามเจ้าของรถมาเลื่อนรถ รออยู่นานก็ไม่มา จึงฝากประชาสัมพันธ์จัดการและกลับไปหาครอบครัวที่รออยู่ที่ร้านเอ็มเค เรสโตรองต์ หลังจากนั่งทานไปสักพัก ก็เดินไปดู พบว่ารถกระบะยังอยู่ที่เดิม จึงไปที่ประชาสัมพันธ์อีกครั้ง ถามว่าเป็นอย่างไร ก็ได้รับคำตอบว่ายังไม่มาเลย จึงแจ้งว่าให้ประกาศอีกครั้งและทำอย่างไรก็ได้ให้มาเลื่อนรถภายใน 10 นาที ถ้าไม่มาจะทุบรถ

ผ่านไป 10 นาที จึงเดินไปที่รถเพื่อทุบรถ ขณะกำลังจะทุบ ผู้จัดการห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ก็มาขอร้องว่า อย่าทุบเลย เดี๋ยวโดนไล่ออก ก็เลยหยุดและบอกว่าให้เวลาอีก 10 นาที ถ้าไม่มาเลื่อนรถ คราวนี้ทุบจริง ก่อนกลับไปทานสุกี้กับครอบครัว ให้เวลามากกว่า 10 นาที ทานจนเสร็จ เช็คบิล ก็เอาลูกให้ภรรยาอุ้ม และขอตัวกลับมาที่รถกระบะคันดังกล่าว ก็ยังอยู่ที่เดิม จึงตัดสินใจทุบรถกระบะคันดังกล่าว หลังจากนั้น จะเอากุญแจรถให้ภรรยาขับกลับบ้านไปก่อน ส่วนตนรอคุยกับคู่กรณีที่เกิดเหตุ แต่ภรรยาแจ้งว่าให้พี่น้องที่โบสถ์มารับกลับบ้านแล้ว

เมื่อคุยกับตำรวจ รออยู่สักพัก ก็ตัดสินใจเฟซบุ๊กไลฟ์ ว่าผมได้ตัดสินใจทุบรถ และ ทุบรถแล้ว โดยผมยินดีจ่ายค่าเสียหาย แต่ไม่ยินดีปล่อยให้เมืองไทยเป็นแบบนี้ โดยที่ผมไม่ยอมทำอะไร ระหว่างนั้นคู่กรณีก็มาถึง ถามว่าใครเป็นคนทำ ตนได้ยินหันกลับไป ตนแจ้งว่าน้องจอดรถในที่คนพิการ ผมยินดีจ่ายค่าเสียหายที่ผมทุบ คู่กรณีจึงกล่าวว่าไม่เป็นไร ต่อมาที่โรงพัก คู่กรณีเรียกร้องเงิน 70,000 บาท โดยเป็นค่าซ่อม 20,000 บวกค่าเสียเวลาและเช่ารถ 50,000 บาท ถ้าไม่ให้จะฟ้องศาล และขู่ว่าถ้าไม่จ่ายจะต้องจ่ายมากกว่านี้อีกเยอะ

จากการคุยกับผู้หญิงฝ่ายคู่กรณี กล่าวว่า บ้านอยู่แถวบิ๊กซี เชียงราย 2 และ มาใช้บริการที่นี่เป็นประจำ แต่ในเฟซบุ๊กไลฟ์อ้างว่าไม่รู้เลยว่าตรงนั้นเป็นจอดรถคนพิการ แม้ที่จอดรถคนพิการจะโล่งมาก มีสีน้ำเงิน และสัญลักษณ์ต่างๆ ให้เห็นเด่นชัดเจนก็ตาม หลังจากเดินลงจากรถแล้วก็มองเห็นอยู่ดี ไม่ได้เป็นตามที่กล่าวอ้าง แก้ตัวเร็วมากจนทำให้เชื่อว่าเตรียมคำแก้ตัวไว้ล่วงหน้ามาแล้ว จึงตอบได้ทันทีแบบไม่ต้องนึกย้อนไปที่เหตุการณ์เลยว่า ทำไมตัวเองจึงตัดสินใจทำแบบนั้น ผิดธรรมชาติที่ถ้าคนไม่ได้ตั้งใจ เขาจะงงๆ และทบทวนเหตุการณ์สักพัก ถึงจะตอบได้ ไม่ใช่ตอบได้ทันที

ที่สถานีตำรวจ หลังจากฝ่ายคู่กรณีเรียกร้องเงิน 7 หมื่นบาท โดยเฉพาะค่าเสียเวลาและค่าเช่ารถ 5 หมื่นบาท ร้อยเวรได้ยินก็เรียกทั้งสองไปคุยอีกครั้ง และ ต่อมาก็เรียกตนเข้าไปบอกว่า ลดค่าเสียเวลาและค่าเช่ารถ เหลือ 1 หมื่นบาท ซึ่งตนก็ได้โอนเงินจ่ายให้คู่กรณีไป ตำรวจกล่าวว่า ตนทำไม่ถูกต้อง ควรใช้วิธีอื่นๆ ตนก็ถามกลับไปว่า ผมควรทำอย่างไร ตำรวจก็ไม่ได้ให้คำตอบ และว่า ผมทำในส่วนของผมแล้วให้สังคมไทย ได้เริ่มที่จะหยุด “คนไม่พิการมาเบียดเบียนแย่งจอดรถในที่คนพิการ” ถ้ามีวิธีอื่นที่ผมเลี่ยงได้ได้ผมก็จะทำ แต่นี่มันไม่มี ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ เหตุการณ์ก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม คือ มีแต่คนบ่นว่าคนร่างกายดีมาจอดรถที่คนพิการ โดยที่ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย ตนต้องการสังคมไทยที่ดีให้ลูกหลาน และตนเองได้อยู่อาศัย แต่ผมทำคนเดียวไม่ได้ก็อยู่ที่คนในสังคม






กำลังโหลดความคิดเห็น