"Drama-addict" ระบุปัญหาของการผ่าคลอดในประเทศไทย เกิดจากการผ่าคลอดโดยไม่จำเป็นที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก หรือการกลัวการเบ่งและปัจจุบันกับการรฝากท้องพิเศษ หรือ ผ่าตามฤกษ์งามยามดี
จากกรณี เฟซบุ๊กข้อความปริศนาจากสภาการพยาบาล เผยห้องผ่าตัดโรงพยาบาลรัฐทางภาคอีสาน "ถ้าคุณพร้อมเราก็พร้อม" สะพัดแพทย์สูตินรีเวชเหวี่ยงทำร้ายร่างกายพยาบาลจัดคิวห้องผ่าตัด เหตุรับเงินค่าฝากพิเศษ ต้องผ่าคลอดตามฤกษ์แต่ห้องเต็ม ทั้งนี้ เป็นที่วิจารณ์ว่าแพทย์รายดังกล่าวมีการเรียกเก็บเงินค่าฝากพิเศษ รายละ 3,000-5,000 บาท ทั้งที่อาศัยห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลรัฐ จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโลกโซเชียล
ล่าสุด วันนี้ (19 พ.ย.) เพจ "Drama-addict" ได้ออกมาโพสต์รูปภาพ เรื่อง "การผ่คลอดโดยไม่จำเป็นในประเทศไทย" ซึ่งพบว่า ประเทศไทยมีการผ่าคลอดโดยไม่จำเป็นสูงถึง 40 % สูงกว่าตัวเลขขององค์การอนามัยโลกกว่า 2 เท่า การคลอดในประเทศไทย มีการคลอดประมาณ 700,000 คนต่อปี แบ่งเป็นการผ่าคลอด ร้อยละ 35 หรือ ประมาณ 300,000 คน ผ่าคลอดโดยไม่จำเป็น 150,000 คน
ทั้งนี้ทางเพจ ได้ระบุข้อความว่า "ข้อบ่งชี้ในการผ่าคลอด จริงๆมันก็ง่ายๆตรงไปตรงมา นั่นคือการคลอดนั้น ไม่สามารถคลอดตามปรกติได้ หมอเลยต้องเลือกใช้การผ่าคลอด เพื่อความปลอดภัยของแม่และเด็ก ยกตัวอย่าง เช่น เด็กตัวใหญ่เกินไป จนคลอดไม่ได้ เด็กอยู่ท่าก้น (หมายถึงเอาก้นลงแทนที่จะเอาหัวลง) ทารกมีความผิดปรกติ เช่น หัวใจเต้นผิดปรกติ บอกว่าเด็กกำลังขาดออกซีเจน ภาวะรกเกาะต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด แต่การฝากท้องพิเศษ หรือ ฤกษ์งามยามดี
ไม่ใช่ และไม่มีวันเป็นข้อบ่งชี้ในการผ่าคลอด จริงๆแล้วบ้านเรานี่มีปัญหาการผ่าคลอดเยอะเกินจำเป็นไปไกลมาก แม่บางคนก็เชื่อเรื่องฤกษ์งามยามดี บางคนก็ขี้เกียจเบ่ง หรือกลัวการเบ่ง เลยไปให้หมอผ่าคลอดให้โดยไร้ข้อบ่งชี้ จริงๆแล้วไม่มีอะไรที่ทำแล้วสบายหายห่วงไม่มีผลข้างเคียงหรอก การผ่าคลอดเนี่ย ถ้าเทียบกับการคลอดตามธรรมชาติแล้ว ฟื้นตัวใช้เวลานานกว่ามาก แถมบางคนอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน รกฝังลึก ในท้องหลังๆหลังจากผ่าคลอดไป ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะถ้าเกิดรกฝังลึก อาจมีปัญหาเลือดออกหลังคลอดเยอะมาก บางคนอาจถึงขั้นต้องตัดมดลูกทิ้งเลยก็มี ดังนั้น หมอที่ทำตามข้อบ่งชี้ จะไม่ผ่า ถ้าไม่จำเป็น เพราะมันคือการเพิ่มความเสี่ยงให้กับคนไข้เปล่าๆปรี้ๆ"