xs
xsm
sm
md
lg

ส่งตรงจากอเมริกา “สุวภาคย์ เศวตศิลา” นักทำโปสเตอร์หนังมือรางวัลระดับโลก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

จากบัณฑิตมัณฑณศิลป์ รั้วศิลปากร ที่เดินทางสู่อเมริกาเพื่อตามหาความฝันและเพิ่มประสบการณ์ของตนเอง กลับกลายเป็นว่า มาร์ค-สุวภาคย์ เศวตศิลา กลายเป็นนักออกแบบโปสเตอร์หนังฮอลลีวู้ด ที่เริ่มเป็นที่ยอมรับในวงการออกแบบไปทั่วโลก จนอีกนัยหนึ่งอาจจะเรียกได้ว่า ได้สร้างชื่อเสียงให้กับคนไทย ผ่านทางการแสดงศักยภาพทางด้านศิลปะอีกคนหนึ่งก็คงไม่ผิดนัก


ความรักในภาพยนตร์ของคุณ มันเริ่มมาจากอะไร

เริ่มจากผมรักงานศิลปะครับ ซึ่งภาพยนตร์ถือได้ว่าเป็นการรวมศิลปกรรมไว้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ดนตรี, แฟชั่น รวมถึงวรรณกรรม ผลงานภาพยนตร์ที่ผ่านกระบวนการคิดที่ดี สามารถสร้างแรงบันดาลใจและต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ให้กับผมด้วยครับ ผมอยากยกตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง 'Dunkirk' ซึ่งผมได้มีโอกาสทำงานและออกแบบโปสเตอร์นั้น ครั้งแรกที่ผมได้ชมภาพยนตร์ ผมเห็นถึงการจัดองค์ประกอบภาพที่ดี โทนสีที่เลือกใช้อย่างเหมาะสม รวมไปถึงการออกแบบเสียงที่ควบคู่กันไปในการดำเนินเรื่อง เป็นสุนทรียภาพที่เข้าใจและรู้สึกได้ ซึ่งถ้าผมจะเปรียบภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพวาดก็อาจจะคล้ายกับเวลาที่ชื่นชมผลงานของ Monet อย่าง 'Impression, Sunrise'

แสดงว่าการเริ่มสะสมแฮนด์บิลหนังของคุณ ก็คือการเริ่มมาจากความรักหนังประมาณนั้น

สมัยเด็กๆ ผมชอบมองโปสเตอร์ที่ติดอยู่ตามโรงภาพยนตร์ สมัยนั้นเวลาดูคงไม่ได้คิดลึกซึ้งอะไรครับ เพียงแต่รู้ว่าชอบแบบไหนก็จะไปหามาเก็บสะสม จนถึงปัจจุบันก็ยังสะสมโปสเตอร์ที่ชอบรวมถึงผลงานที่ออกแบบเองทุกชิ้นครับ ถามว่าเสน่ห์ของโปสเตอร์หนังมันคืออะไร สำหรับผมแล้วโปสเตอร์ภาพยนตร์คือการกลั่นภาพยนตร์ให้ถึงสาระสำคัญเพื่อนำเสนอในภาพศิลปะเพียงภาพเดียว


ในการมาเรียนมัณฑนศิลป์ ก็คือการตอบโจทย์ที่ว่านี้ด้วยมั้ย

เป็นความตั้งใจที่อยากเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปากรครับ คณะมัณฑนศิลป์ให้ความรู้ด้านทฤษฎีและทักษะการออกแบบครบสมบูรณ์ ซึ่งนอกเหนือจากทักษะการออกแบบที่ดีแล้ว ยังพัฒนาความคิดด้านสุนทรียศาสตร์ รู้จักแสดงความคิดเห็นและวิจารณ์งานศิลปะ รวมถึงการอธิบายวิธีแก้ปัญหาได้อย่างมีเหตุผลซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่นักออกแบบที่ดีควรมีครับ

ได้แนวคิดอะไรเพิ่มเติมจากการเรียนที่นั่นบ้างครับ

นอกจากวิชาความรู้และทักษะต่างๆแล้ว ผมคิดว่าที่สำคัญกว่าคือแนวคิดในการใช้ชีวิตครับ มีคำสอนประโยคหนึ่งของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี กล่าวไว้ว่า "ศิลปะไม่ได้สอนให้วาดรูปเป็น แต่สอนให้รู้จักการใช้ชีวิต" เปรียบได้กับศิลปินก่อนที่จะวาดภาพต้องจินตนาการภาพขึ้นมาในหัวก่อนจึงลงมือวาดภาพได้ เช่นเดียวกับการใช้ชิวิตที่ควรไตร่ตรอง วางแผนอย่างมีจุดหมาย


หลังจากเรียนจบ คุณก็มาที่อเมริกาเลยตอนนั้นคิดยังไงบ้างครับ

ตอนแรกไม่คิดว่าจะมาอยู่นานครับ ที่ตัดสินใจมาคืออยากจะศึกษาต่อและหาประสบการณ์เพิ่ม แต่ระหว่างเตรียมตัวและทำportfolioนั้น ผมได้ลองส่งงานไปตามบริษัทต่างๆดูด้วย ปรากฎว่ามีตอบรับมาบ้างและบริษัทหนึ่งที่ผมสนใจและได้เข้าไปสัมภาษณ์งานนั้นเป็น Creative Agency ระดับใหญ่ใน ณ ขณะนั้น มีผลงานออกแบบให้กับภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงมากมายระหว่างที่คุยกันผมมองไปรอบๆเห็นโปสเตอร์ต่างๆ จึงมีความคิดย้อนกลับไปว่าสมัยเด็กๆผมเคยสะสมแฮนด์บิลภาพยนตร์และคิดว่าน่าจะดีถ้าเราได้ออกแบบเองบ้าง ก็ได้เริ่มทำงานมาตั้งแต่ปี2007 โดยที่ไม่ได้ไปศึกษาต่ออย่างที่คิดไว้ทีแรกครับ แต่ผมกลับคิดว่าการได้มาทำงานนั้นก็เหมือนกับการศึกษาในชีวิตจริงเลย ได้เรียนรู้ระบบการทำงานแบบอเมริกัน วิธีคิดการตลาดเชิงกลยุทธ์ของภาพยนตร์แต่ละรูปแบบที่แตกต่างกันไป ที่สำคัญคือได้พัฒนาทักษะการออกแบบและระบบความคิดของตนเองควบคู่กันไปกับการทำงานครับ

พอได้เข้ามาทำงานที่สตูดิโอแล้วความรู้สึกและความคาดหวังเป็นยังไงบ้างครับ

ความสุขอย่างหนึ่งในการทำงานนี้คือความเป็นอิสระของ Art Director ครับ แต่ล่ะคนจะคิด, วางแผนการ และ ออกแบบผลงานเองตั้งแต่ต้นจนจบ และมีการวิจารณ์งานกันเพื่อแบ่งปันความคิดจากผู้อื่นครับ ผมได้ร่วมงานกับคนหลากหลายเชื้อชาติ ในด้านงานออกแบบแล้ว ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากที่เราได้รับความหลากหลายจากพื้นฐานทางความคิดและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป ช่วยส่งเสริมความคิดให้กว้างขึ้นครับ


อยากให้ช่วยเล่าถึงการออกแบบโปสเตอร์หนังชิ้นแรกให้ฟังมาพอสังเขปหน่อยครับ

งานชิ้นแรกคือ Justin Timberlake FutureSex/LoveShow ทำให้ HBO ครับ ถือว่าเป็นผลงานที่มีความสำคัญสำหรับผมเองมาก ซึ่งขณะนั้นผมได้เริ่มทำงานไม่กี่เดือน พอได้เห็นผมงานออกแบบของตัวเองติดอยู่ทั่วอเมริกา ทำให้ผมสนใจที่จะพัฒนาทักษะของตัวเองมากขึ้นครับ

ผลงานชิ้นไหนที่ทำให้ชื่อของพี่เป็นที่ถูกพูดถึงในวงกว้างครับ

น่าจะเป็น Harry Potter ครับ เพราะเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ภูมิใจมากครับโปสเตอร์ที่ผมออกแบบถูกเลือกนำไปใช้ทุกปีตั้งแต่ผมเริ่มทำงานเรื่องนี้จนถึงภาคสุดท้าย Harry Potter and the Half-Blood Prince (2009), Harry Potter and the Deathly Hallows Part 1 (2010) and the final Harry Potter and the Deathly Hallows Part 2 (2011)

นอกจากนั้นผลงานบางส่วนที่ผมเริ่มต้นแนวคิดและรวมการออกแบบให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางการตลาดเช่น Ad Astra, Ocean's 8, Blade Runner 2049, Justice League, Batman v Superman: Dawn of Justice, The Man จาก U.N.C.L.E. , Jupiter Ascending ซึ่งผลงานส่วนใหญ่ได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจากงานต่างๆเกือบทุกปี จนปีที่ผ่านมาได้รับรางวัลจาก Golden Trailer Awards เป็น Best Teaser Poster จากเรื่อง Ocean’s 8 ครับ


ในการทำผลงานในแต่ละชิ้น ปัจจัยสำคัญของแต่ละชิ้นงาน ตามความเห็นของคุณคืออะไรครับ

ผมเชื่อว่างานออกแบบโปสเตอร์ที่ดีไม่เพียงแต่สร้างสุนทรียภาพเพื่อดึงดูดความสนใจในระยะสั้น แต่ควรส่งผลสำหรับเอกลักษณ์ของภาพยนตร์ในระยะยาว เป็นการสร้างการเชื่อมต่อทางอารมณ์ระหว่างภาพยนตร์กับผู้ชม

หลังจากที่เริ่มถูกพูดถึงในวงกว้างที่เมืองไทยในความรู้สึกของคุณเอง ถือว่าได้เข้าเส้นชัยแล้วหรือยัง

เป็นความภูมิใจและเป็นเกียรติมากกว่าครับ ดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งให้คนไทยได้ชื่นชมยินดีครับ

จากการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมา คิดว่าความสำเร็จในครั้งนี้ จะมีแรงผลักดันให้นักออกแบบไทยในทิศทางใดต่อไปครับ

ยังมีนักออกแบบไทยที่มีความสามารถอีกมากครับ ค้นหาบทบาทที่แท้จริงของการออกแบบในชีวิต ใช้ความคิดสร้างสรรค์ให้เกินกว่างานที่กำหนดเพื่อพัฒนาตัวเอง นักออกแบบที่ดีควรออกแบบงานมากกว่าให้งานเป็นตัวกำหนดมาออกแบบตัวเราครับ


เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : สุวภาคย์ เศวตศิลา



กำลังโหลดความคิดเห็น