แม้กรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า ฤดูหนาวของปีนี้ได้เริ่มมาแต่วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ แสดงว่าลมหนาวจากทางเหนือได้พัดลงมาแล้ว แต่พายุก็ยังหอบฝนย้อนศรเข้าไทยไม่หยุดหย่อน ทั้งนี้ก็เพราะช่วงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนเป็นช่วงของการเกิดพายุในซีกโลกด้านนี้ ส่วนลูกไหนจะหนักจะเบาก็แล้วแต่อัธยาศัย ในตำนานพายุที่ถล่มสร้างความเสียหายไว้หนัก มีคนตายเป็นพัน เกิดขึ้นในวันที่ ๒๔ ตุลาคม อีก ๒ ลูกก็เป็นพายุประวัติศาสตร์ต่างเกิดขึ้นในวันที่ ๔ พฤศจิกายน มีคนตายเป็นพันเหมือนกัน
พายุลูกแรกที่สร้างความตกตะลึงให้คนทั้งประเทศ ก็คือ พายุแฮเรียต ที่ถล่มแหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช จนราบเรียบ ทำให้ตกอกตกใจกันมาก เพราะไม่เคยเกิดภัยธรรมชาติรุนแรงถึงขนาดนี้มาก่อน
พายุนี้ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งแหลมตะลุมพุกในตอนค่ำของวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๐๕ ชาวบ้านว่าเกิดคลื่นยักษ์สูงเท่ากับยอดต้นมะพร้าว กวาดบ้านเรือนลงทะเลหายไป และเอ่อล้นเข้าท่วมตัวเมืองภายในเวลาไม่กี่นาที ทั้งยังส่งผลกระทบต่อ ๑๒ จังหวัดภาคใต้ ตั้งแต่ประจวบคีรีขันธ์ลงไปถึงนราธิวาส มีผู้เสียชีวิต ๙๑๑ คน สูญหาย ๑๔๒ คน บ้านเรือนพังทั้งหลัง ๒๒,๒๙๖ หลัง เสียหาย ๕๐,๗๗๕ หลัง อีกทั้งโรงเรียน วัด และสถานที่ราชการ ประเมินค่าเสียหายถึง ๑,๐๐๐ ล้านบาทในสมัยนั้น
หลังจากนั้นก็ยังมีพายุในระดับเป็นไต้ฝุ่นเข้ามาเป็นระยะ แต่ก็ไม่ไดสร้างความเสียหายให้มากนัก จนกระทั่งในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๓๒ ก็มีพายุดีเปรสชั่นก่อตัวขึ้นในอ่าวไทยช่วงจังหวัดสงขลา และพัฒนาขึ้นจนเป็นพายุไต้ฝุ่นเกย์ เคลื่อนตัวเข้าจังหวัดชุมพรในวันที่ ๔ พฤศจิกายน มีกำลังแรงยิ่งกว่าพายุแฮเรียตเสียอีก ต้นไม้ เสาไฟฟ้า ตลอดจนบ้านเรือน ราบเป็นหน้ากลองเหมือนถูกทิ้งระเบิด เกิดฝนตกหนักในพื้นที่พายุผ่าน และส่งผลมาถึงกรุงเทพฯด้วย ส่วนในทะเลมีเรืออับปางหลายสิบลำ มีผู้เสียชีวิต ๒๗๕ คน ในจำนวนนี้ ๙๑ คนเสียชีวิตจากเรือของบริษัทขุดเจาะน้ำมันสหรัฐยาว ๑๐๐ กว่าเมตรพลิกคว่ำ
ความเสียหายจากพายุเกย์ทั้งหมดเป็นเงินถึง ๑๒,๗๐๘ ล้านบาท มีคนตายทั้งในทะเลและบนบกราวพันคน เมื่อผ่านไทยไปแล้วยังไปถล่มอินเดียเสียหายหนัก มีคนตายเป็นร้อยเช่นกัน
ในวันที่ ๔ พฤศจิกาเช่นเดียวกัน ในปี ๒๕๔๐ ได้เกิดพายุรุนแรงขึ้นอีกลูกคือ พายุลินดา ก่อตัวขึ้นในทะเลจีนใต้เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม แล้วทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนพัดเข้าถล่มเวียดนาม สร้างความเสียหายอย่างหนัก มีคนตายกว่า ๓,๐๐๐ คน ทำเอาคนไทยสยองขวัญไปตามกัน เพราะเมื่อออกจากเวียดนามก็จะพุ่งมาไทย ทั้งยังทวีความแรงขึ้นอีกเป็นพายุไต้ฝุ่น ความเร็วลม ๑๒๐ กม./ชม. แต่พอจะขึ้นฝั่งที่ อ.ทับสะแก ประจวบคีรีขันธ์ ในเวลา ๐๒.๐๐ น.ของวันที่ ๔ พฤศจิกายน ก็เกิดอ่อนแรงเสียเฉยๆ เหลือความเร็วลมเพียง ๘๐ กม./ชม. แต่กระนั้นพายุลินดาก็ทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม กาญจนบุรี เฉพาะที่ประจวบคีรีขันธ์ บ้านเรือน ๙,๒๔๘ หลัง ถนน สะพาน และสถานที่สาธารณะอีกหลายแห่งเสียหาย เรือทะเลอับปาง ๕๐ ลำ มีผู้เสียชีวิต ๙ คน สูญหาย ๒ คน บาดเจ็บ ๒๐ คน มูลค่าความเสียหาย ๒๑๓ ล้านบาท
นี่ก็เป็นตำนานพายุครั้งรุนแรงของไทย อย่างไรก็ดี สำหรับในปี ๒๕๖๒ นี้ มีพายุเข้าไทยแล้ว ๒ ลูก คือในวันที่ ๔ มกราคม พายุปาบึก ได้ขึ้นฝั่งที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรธรรมราช นับเป็นพายุโซนร้อนที่เข้าไทยเป็นลูกแรกนับตั้งแต่พายุลินดาเข้ามาเมื่อปี ๒๕๔๐ พายุปาบึกทำให้มีผู้เสียชีวิต ๘ คน ในจำนวนนี้เป็นชาวรัสเซีย ๑ คน สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ๓.๒๐๐ ล้านบาท
อีกลูกคือพายุโซนร้อนโพดุล เข้ามาเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคมทางจังหวัดนครพนม มีความเร็วลม ๖๕ กม./ชม. และอ่อนกำลังลงเป็นลำดับ แต่ก็ก่อผลกระทบต่อบ้านเรือน ๑๐๒,๐๗๔ หลัง ใน ๓๑ จังหวัดทั้งในภาคอีสานจนถึงน่าน เพชรบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย มีผู้เสียชีวิต ๑๖ คน
แต่อย่างไรก็ตาม พยากรณ์อากาศระหว่างวันที่ ๒ -๘ พฤศจิกายนนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า ทุกภาคของประเทศไทย นอกจากภาคใต้ จะมีฝนเพียงประปราย ส่วนภาคใต้จะมีฝนมากหน่อยไม่หนักหนาสาหัส แต่ที่ลดลงอย่างฮวบฮาบก็คืออุณหภูมิ ซึ่งจะเข้าหน้าหนาว และเป็นข่าวดีตรงข้ามกับข่าวพายุเข้า