xs
xsm
sm
md
lg

อวสานไบค์แชร์ริ่งในไทย? "Mobike" ยุติให้บริการ ทยอยคืนเงินให้ลูกค้าแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แอปพลิเคชันบริการให้ยืมจักรยาน "โมไบค์" ยุติให้บริการในไทย หลังเปิดตัวมาได้ราว 2 ปี พร้อมทยอยคืนเงินที่เติมให้ลูกค้า สอดคล้องกับปิดตัวในหลายประเทศ เพื่อเน้นทำการตลาดในจีน

วันนี้ (21 ต.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า "โมไบค์" (Mobike) แอปพลิเคชันบริการให้ยืมจักรยาน (Bike Sharing) จากปรเทศจีน ได้ยุติการให้บริการในประเทศไทย โดยบริษัทฯ ได้ทำการคืนเงินที่เติมไว้กลับไปยังบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตที่ใช้เติมเงินมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา และเมื่อเปิดแอปพลิเคชัน จะมีข้อความระบุว่า "เราเสียใจที่ต้องบอกว่า เรากำลังยุติการให้บริการของเราในสาขาประเทศไทย คุณจะได้รับยอดคงเหลือและเงินฝากทั้งหมดคืน อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการใช้บริการ Mobike ในประเทศอื่น กรุณาลงทะเบียนสมัครใหม่อีกครั้งโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์ในเครือข่ายพื้นที่ของคุณ ขอบพระคุณ"

โมไบค์ริเริ่มโครงการจักรยานสาธารณะไร้สถานีจอด ระบบล็อกอัจฉริยะทั้งหมดกว่า 8 ล้านคัน กระจายตัวอยู่ใน 9 ประเทศ มากกว่า 200 เมือง มีผู้ลงทะเบียนใช้งานกว่า 200 ล้านคน และมีจำนวนการปั่นมากกว่า 30 ล้านทริปต่อวันทั่วโลก ให้บริการครั้งแรกในไทยที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน 360 คัน เมื่อเดือนธันวาคม 2560 ก่อนจะขยายไปยังจังหวัดเชียงใหม่ กว่า 1,000 คัน เมื่อเดือนมกราคม 2561 ต่อด้วยกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต รวมทั้งยังให้บริการแก่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังแห่งหนึ่งของไทยด้วย

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ก่อนหน้านี้ โมไบค์ ถูกบริษัทสตาร์ทอัพ "เหม่ยตวน เถียนผิง" ซื้อกิจการไปเมื่อเดือน เม.ย. 2561 ที่ผ่านมา ด้วยมูลค่า 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก่อนที่จะปรับโครงสร้างธุรกิจด้วยการลดจำนวนจักรยานลง ทำให้ต้องปิดให้บริการในหลายประเทศ เพื่อกลับมาโฟกัสตลาดในจีนมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจให้ยืมจักรยานในจีนพบว่ามีคู่แข่งนับสิบบริษัท และประสบปัญหามีจำนวนจักรยานมากเกินความต้องการ และเนื่องจากไร้สถานีจอด จึงทำให้ประสบปัญหาจอดจักรยานไม่เป็นที่เป็นทาง

อนึ่ง ก่อนหน้านี้บริการให้ยืมจักรยานรายใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ได้แก่ โอโฟ่ (Ofo) จากประเทศจีน ได้หยุดให้บริการทุกพื้นที่ในประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2561 ที่ผ่านมา สอดคล้องกับรายงานข่าวระบุว่า Ofo ได้ประกาศลดการดำเนินงานลง และถอนทุนออกจากหลายเมืองในสหรัฐ รวมถึงในประเทศไทยด้วย กระทั่งซีอีโอของโอโฟ่ยอมรับว่าบริษัทเผชิญปัญหาขาดกระแสเงินสดอย่างหนักมาตั้งแต่ปี 2560 ที่ผ่านมา และไม่สามารถระดมทุนจากภายนอกได้อีก ซึ่งบริษัทอาจจำเป็นต้องพิจารณายื่นล้มละลายตามมา
กำลังโหลดความคิดเห็น