ในภาพลักษณ์ถึงลูกถึงคนของ "มนัญญา ไทยเศรษฐ์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่บุกไปยังกรมวิชาการเกษตร เพื่อขอเอกสารด้วยตนเองจนผู้คนฮือฮา ต่อด้วยการพยายามชง ครม.ให้จัดการแบน 3 สารพิษที่ใช้ในทางการเกษตร แน่นอนหลายคนสงสัยว่า แท้จริงแล้วอะไรเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องลุกมาต่อสู้ นั่นทำให้ MGR online ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ รมช.หญิงคนกล้า ถึงเหตุผลทั้งมวลทั้งหมดว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่?
"เรื่องของเรื่องก็คือไปงานศพอยู่บ่อยๆ เป็นนายกเทศมนตรีมาหลายปี เริ่มปีหลังๆ เราเริ่มเห็นว่าเอ๊ะ ทำไมไปเผาศพ ทำไมถึงต้องบอกว่าเป็นมะเร็ง บางคนก็เป็นมะเร็งลำคอ บางคนก็เป็นมะเร็งที่ปอด ที่ตับ เราก็ถามเอ๊ะ ทำไมพี่น้องประชาชนถึงเป็นมะเร็งกันเยอะจังในตอนนี้ เราก็เข้าใจ เอ๊ะ ไปโดนควัน สูบบุหรี่ เราก็เริ่มถามสูบบุหรี่หรือเปล่า บอกเปล่า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า เราถามว่า เอ๊ะ แล้วเป็นมะเร็งได้ไง เขาจะบอกว่าฉีดยา ก็ถามว่า ฉีดอะไรอะ ก็ฉีดยาฆ่าหญ้านั่นแหละ บอกแล้วว่าไม่ให้มันฉีดมันก็ยังจะฉีดกันอีก คือยาพวกนี้พอฉีดปั๊บ ถ้าเหมือนตัว มันจะตามไปเลย พอเราฉีดปั๊บ มันตาย ตายตามหลัง แต่ถ้าเราหันไปข้างหลังเราจะรู้เลย ของพวกนี้มันจะขึ้นมาในตัวเรา"
นั่นยิ่งทำให้เราสงสัยว่า การลุกขึ้นมาลุยแบน 3 สารเคมี "พาราควอต" "คลอร์ไพริฟอส" และ "ไกลโฟเซต" นี่เป็นสิ่งแรกที่เธอทำเลยหรือไม่ หลังก้าวเข้ามาเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์
"โอ้โห สิ่งแรกที่หยิบจับเลย มันเหมือนมาดลใจนะ" รมต.มนัญญา ยืนยันความตั้งใจ พร้อมกล่าวต่อว่า ความมุ่งมั่น ความตั้งใจ มนุษย์ไม่เห็นพระจ้าเห็น เชื่อมั้ย ไม่น่าเชื่อนะว่าตัวเองไม่เคยคิดเลยว่าจะมาเป็นรัฐมนตรีอะไร แค่นายกเทศมนตรีเราก็ถือว่าแบกภาระมาเยอะแล้ว แล้วก็ว่าเราก็จะหยุดแล้ว จะพอแล้ว แต่เราก็บอกเษตรกรเสมอนะว่า อย่าไปมันฉีดนะ
"บางคนเลิกทำไร่ทำนาเลย ปล่อยให้แผ่นดินร้าง เพราะว่าตายกันหลายคนแล้ว ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง จะดำเนินชีวิตต่อไปยังไง ลูกก็ต้องเข้าไปอยู่กรุงเทพฯ แล้วส่งเงินมา มาเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ แล้วเอาหลานไว้ให้ปู่ย่าตายาย อันนี้ก็เป็นอีกกรณีนึงซึ่งประเทศไทยจริงๆ แล้ว ที่รกร้างต่อไปต้องควรมาพลิกให้อุดมสมบูรณ์"
รมต.มนัญญา ยังเล่าถึงการดำเนินการแบน 3 สารเคมีโดยตอนนี้อยู่ในระหว่างการตั้งกรรมการร่วม 4 ฝ่ายเพื่อประชุมสรุปข้อมูลก่อนส่งให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อนำข้อมูลไปให้กับคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งคาดว่าภายในอาทิตย์หน้าจะพยายามดำเนินการให้เสร็จ
"จริงๆ แล้วข้อมูลมันมีอยู่แล้ว มันอยู่ที่ว่าคุณจะฟังมั้น จะปฏิบัติมั้ย คุณจะหยุดมั้ยล่ะ มันอยู่ที่เขาด้วย ถ้าตราบใดที่คนที่อนุมัติหรือเป็นผู้ทำยังไม่หยุดมันก็ไปได้เรื่อยๆ มันต้องโจทย์ในใจด้วย โจทย์ในใจของคน อย่างเราเนี่ยเรามีโจทย์ในใจว่าเราหยุด มันเป็นพิษ แต่ถ้าโจทย์ในใจของเขาว่ามันไม่ผิด มันถูก มันไม่อันตราย โจทย์มันไม่เหมือนกัน แต่ใครมันจะมีพลังมากกว่ากัน อำนาจของเราอยู่ตรงไหน อำนาจของเขาอยู่ตรงไหน การตัดสินใจของเราไปได้แค่ไหน การตัดสินใจของเขาไปได้แค่ไหน มันเหมือนเป็นการลองพลังกันอย่างหนึ่งเลยนะ"
ทั้งนี้ รมช.เกษตรฯ ยังเชื่อว่าในแนวทางดีรัฐบาลคงอยากจะให้หยุด
"คือทุกคนก็จะถามว่าเมื่อไหร่จะหยุด เมื่อไหร่จะจบ เราก็รีบมากเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็มีระบบ ถ้าเราทำผิดเราก็ต้องเข้าแบบเดิม โดนตีกลับ แล้วข้อมูลทุกอย่างเอาไปกองในสิ่งที่คุณต้องการ มี 10 ข้อ เมื่อก่อนคุณบอกเราขาดข้อที่ 8 ขาดข้อที่ 7 เราก็เติมเต็มหมดแล้วนะ คุณขาดข้อไหนมา คุณเคยขาดอะไรมา เราเต็มหมดเลยคราวนี้ มันอยู่ที่เจตนาคุณแล้ว"
แน่นอนหากเลิกใช้ 3 สารเคมีนี้ แล้วมันก็มีคำถามตามมาว่า จะให้เกษตรกรหันไปใช้อะไร รมช.เกษตรฯ บอกว่า ทางเลือกมันมีมากอยู่แล้ว สมัยก่อนก็ไม่มี 3 สารนี้ ประเทศไทย แผ่นดินไทยอุดมสมบูรณ์ แต่ 3 สารเนี่ยมาแล้วมันง่าย มันเร็ว ตายเร็ว ฉีดปั๊บตายปุ๊บ อาจจะเป็นเพราะว่าคนเดี๋ยวนี้ใจร้อนขึ้น ทำไมเราไม่ใช้ตัวยาที่มันมีพิษน้อยลง หรือไม่หญ้าเนี่ย ถ้าเรามองมันเป็นมิตร มันก็จะอยู่กับเราอย่างมิตร แต่ถ้าเรามองเป็นศัตรู ถึงเวลามันก็จะตายตามระบบอยู่แล้ว
"แต่จริงๆ แล้วเนี่ยมันก็เป็นธรรมดานะ สมัยก่อนเรามีวัวมีควาย มันก็กินหญ้าเลาะตามทางไปอยู่แล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วตอนนี้ปศุสัตว์ประเทศเราขาดนะ อย่างกระบือเนี่ย กระบือปลักก็เป็นกระบือต้นกำเนิดของไทย รูปร่างสูงใหญ่ แต่ประเทศไทยเราไม่เคยเห็นคุณค่า แต่ต่างประเทศมาซื้อตัวเป็นแสนๆ ออกไปจากประเทศ มันเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่สุดยอดที่สุด ปศุสัตว์เนี่ยมันมีปุ๋ยอินทรีย์ในตัวมันอยู่แล้ว เราทำไมถึงไม่ใช้ปุ๋ยหมัก เราทำไมถึงไม่เล่นเกษตรอินทรีย์ เราไม่ได้ทำลายแค่ใคร เราเนี่ยทำลายตัวเรา ทำลายคนในครอบครัวเรา และเราก็ใช้ตัวนี้ไปทำลายคนอื่นด้วย"
แต่มันก็ยังมีข้อสงสัยโดยเฉพาะต้นทุนของเกษตรกรที่อาจจะเพิ่มขึ้น ตรงนี้ รมช.เกษตรฯ ได้พูดไว้อย่างน่าสนใจว่า สมัยก่อนเลยสารพวกนี้มาราคาแพงมากนะ พอใช้ๆ ไปราคามันก็ถูกลง สารทดแทนก็เหมือนกัน ใช้ๆ ไปราคามันก็ถูกลงอยู่แล้ว คือเกษตรกรเนี่ย มี ใช้ ไม่มี ไม่ใช้ ใช้อย่างอื่นได้ มันอยู่ที่เราไปบอกเขาเอง แต่ถ้าเราบอกเขาว่ามันเป็นพิษนะ เป็นอันตรายนะ ซึ่งจริงๆ แล้วประเทศเราขนาดนี้ (ทำมือเล็กๆ) อีกประเทศนึงใหญ่มากเลย แต่เขาใช้สารเคมีน้อยกว่าประเทศเรา มันหมายความว่าอย่างไร ต่อไปมันจะกลายเป็นว่าสารพวกนี้มันจะไปกินทุกอย่าง
"บางคนก็บอกว่าให้เห็นใจเกษตรกร เพราะเราเห็นใจสิ เราถึงไม่ให้ท่านใช้ เราหวังดี เราถึงให้ท่านหยุด มันมีทางเลือกเยอะแยะที่เราสามารถจะทำกันได้ ท่านคิดว่ามันลำบาก ลำบากแบบไหนอะ ลองกลับไปคิด ลำบาก แต่ชีวิตเราอยู่ครบสมบูรณ์ ลำบากกับที่เราจะต้องสูญเสียคนในครอบครัวไป เกษตรกรต้องคิดแล้วว่า คุณจะคิดแบบไหน"
เรื่อง , ตัดต่อวิดีโอ : ดรงค์ ฤทธิปัญญา
ภาพถ่าย : ลัดดา ล้อสกุลกานนท์
ภาพเคลื่อนไหว : ปฐมพงษ์ ช้างทอง