วันนี้ (24 ก.ย.) เมื่อเวลา 16.20 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงประกอบพิธีเปิดอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี (ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางโรคเด็ก) ณ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ศาตราจารย์พิเศษ สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ประธานอำนวยการ คณะกรรมการจัดหาทุนอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาราชินี นายสุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายอดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขาภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี พร้อมคณะกรรมการจัดหาทุนฯ เฝ้าฯรับเสด็จ
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าเฝ้าฯทูลเกล้าฯถวายสูจิบัตรและหนังสือที่ระลึก 6ปี กองทุนอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี พระราชทานพระราชวโรกาสให้ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าเฝ้าฯทูลเกล้าฯถวายสูจิบัตรและหนังสือที่ระลึก 6ปี กองทุนอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดผ้าแพรคลุมป้ายอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี (ศูนยน์การแพทย์เฉพาะทางโรคเด็ก) และทรงลงพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย ในแผ่นศิลา
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเข้าภายในอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี ทอดพระเนตรนิทรรศการ และกิจกรรมต่างๆของสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ที่บริเวณชั้น 1 ประกอบด้วย นิทรรศการพระราชกรณียกิจสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราขินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 2.วีดิทัศน์ โมเดล และข้อมูลอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ จากนั้นทรงเยี่ยมและทอดพระเนตรเด็กป่วยผ่าตัดโรคลมชัก,เปลี่ยนลิ้นหัวใจ โดยใช้สายสวน อันเป็นอุปกรณ์การแพทย์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชทรัพย์ ให้แก่สถาบันสุขาภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี จำนวน จำนวน 83,400,400บาท เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยเด็กที่เจ็บป่วยให้หายจากโรคภัย พร้อมผู้ปกครองจำนวน 2 ครอบครัว การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงซักถามถึงอาการป่วยของผู้ป่วยเด็กที่เข้ารับการรักษาด้วยความสนพระราชหฤทัย ดังใจความตอนหนึ่งว่า “หลังผ่าตัดแล้วตอนนี้อาการดีขึ้นบ้างไหม”
ผู้ปกครองของเด็กหญิงอลิสา ฤทธิ์แช่งทอง วัย 1 ขวบ 1 เดือน ที่เข้ารับการรักษาสมองโตกว่าปกติ ตั้งแต่อายุได22 วัน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้บุตรสาวมีอาการชักอยู่ตลอดเวลาและเข้ารับการรักษาที่สถาบันสุขาภาพเด็กแห่งชาติมาโดยตลอด แต่กลับมีอาการดื้อยากันชัก แต่ภายหลังที่ทางสถาบันฯได้รับอุปกรณ์การแพทย์พระราชทานอย่างเครื่องไมโครสโคป มาเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์อันทันสมัยมาใช้ในการรักษาพยาบาล เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมาตนจึงได้พาบุตรสาวเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการส่องกล้องเข้าไปที่ก้านสมอง จึงทำให้อาการดีขึ้นและกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปรกติ
เช่นเดียวกันกับเด็กหญิงรุ่งนภา ผลลำใย อายุ9ขวบ ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจพิการมาแต่กำเนิด ตั้งแต่อายุได้เพียงขวบเศษ กล่าวว่า ตั้งแต่จำความได้ต้องใช้ชีวิตบนโรคภัยไข้เจ็บอยู่ตลอดเวลามีอาการเหนื่อยง่าย เรียนไม่ทันเพื่อนๆ การสั่งการช้าลง แต่เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ตนได้รับการรักษาด้วยวิธีการใช้สายสวนซึ่งเป็นวิธีการรักษาด้วยการใช้สายยางสวนจากต้นขาไปที่ลิ้นหัวใจ และได้รับการติดตามผลด้วยเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์พระราชทานตอนนี้สามารถกลับไปเรียนหนังสือได้เป็นปกติเหมือนกับเด็กคนอื่นทั่วๆไป
สำหรับอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี เป็นอาคารสูง 27 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอย 45,140 ตารางเมตร ใช้เวลาในการก่อสร้าง6ปี แล้วเสร็จเมื่อปี 2558 โดยอาคารแห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับเด็กปริมาณผู้ป่วยเด็กที่เพิ่มมากขึ้น และยกระดับคุณภาพการให้บริการและรักษาพยาบาล การเรียนการสอนของสถาบันฯ โดยการจัดสร้างอาคารดังกล่าว เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงเจริญพระชนมายุ80พรรษา ในปีพุทธศักราช 2555 และเป็นการสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้านการแพทย์และการอนามัย แม่และเด็กโดยไม่เลือกเชื้อชาติ สัญชาติ และศาสนา ซึ่งพระมหาราชการุณยธรรมเป็นที่ประจักษ์ชัด และนำไปสู่การที่องค์กรสหประชาชาติและหน่วยงานระหว่างประเทศทูลเกล้าฯถวายรางวัลเป็นราชสุดีในพระราชกรณียกิจดังกล่าว
ปัจจุบันอาคารแห่งนี้ใช้เป็นศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทางโรคเด็กจำนวน 4 ศูนย์ คลินิกเฉพาะทางโรคเด็กอ้วน อายุรกรรม 15 คลินิค ศูนย์วิจัยข้อมูลสุขภาพเด็ก โครงการแลกเปลี่ยนกับสถาบันต่างประเทศ หอพักแพทย์ประจำบ้านและเฉพาะทางสาขาต่อยอด และในปีพุทธศักราช 25562 ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานพระราชทรัพย์จำนวน 83,400,400บาท เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยเด็กที่เจ็บป่วยให้หายจากโรคภัย