1.“บิ๊กตู่” รอด! ไม่ขาดคุณสมบัติ หลังศาล รธน.ชี้ หัวหน้า คสช.ไม่ใช่ “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ”

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดอ่านคำวินิจฉัยกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลฯ วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ กรณีดำรงหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ตำแหน่งหัวหน้า คสช.มาจากการยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ต่อมา มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้า คสช.เพื่อบริหารราชการแผ่นดิน การแต่งตั้งตำแหน่งหัวหน้า คสช.เป็นผลสืบเนื่องมาจากการยึดอำนาจ และเป็นตำแหน่งที่ใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งมีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ โดยเห็นได้จากการออกประกาศและคำสั่งหลายฉบับ หัวหน้า คสช.ไม่อยู่ภายใต้การบังคับหรือกำกับดูแลของรัฐหรือหน่วยงานใด ทั้งยังเป็นตำแหน่งที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งโดยกฎหมาย ไม่มีกฎหมายกำหนดวิธีการได้มาหรือการเข้าสู่ตำแหน่ง โดยมีอำนาจหน้าที่เป็นการเฉพาะชั่วคราวในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อให้มีอำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงปลอดภัยของประเทศและประชาชน
ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติว่า ตำแหน่งหัวหน้า คสช.จึงไม่มีสถานะหน้าที่หรือลักษณะงานทำนองเดียวกับพนักงาน ลูกจ้างของหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และไม่ใช่เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ตามมาตรา 98 (15) พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (6) ประกอบมาตรา 98 (15) จึงวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ผู้ตรวจการแผ่นดินเคยมีมติแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ แต่ภายหลัง 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นเรื่องพร้อมแนบรายชื่อ ส.ส.กว่า 100 คนต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกครั้ง
2.ฝ่ายค้านดาหน้าอภิปรายถล่ม “บิ๊กตู่” ปมถวายสัตย์ฯ จี้ลาออก ขณะที่ “บิ๊กตู่” ถาม คนไทยด้วยกัน จะเอากันให้ตายหรืออย่างไร!

สถานการณ์การเมืองสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ได้มีการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาญัตติด่วน ขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ ตามที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน พร้อม ส.ส.205 คนเป็นผู้เสนอ
ทั้งนี้ แม้ว่านายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลุกขึ้นหารือว่า กรณีถวายสัตย์ฯ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีความเห็นแล้วว่า เป็นการกระทำทางการเมืองอยู่ในความหมายของการกระทำของรัฐบาลและไม่รับคำร้องไว้พิจารณา แต่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ชี้แจงว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยแล้ว แต่ฝ่ายกฎหมายของสภาและรองประธานสภาฯ หารือร่วมกันและมีความเห็นว่า ญัตตินี้ไม่ได้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ สภาฯ จึงพิจารณาญัตตินี้ได้ตามมาตรา 152 และข้อบังคับการประชุมสภาฯ
ด้าน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรค พปชร.ได้ลุกขึ้นประท้วงนายชวน แต่นายชวนตัดบท เพราะประท้วงประธานไม่ได้ น.ส.ปารีณา จึงเปลี่ยนเป็นขอหารือ แต่นายชวนไม่ยอม และบอกให้หารือภายหลัง น.ส.ปารีณาจึงพูดอย่างมีอารมณ์ว่า “ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีอำนาจตรวจสอบเลย แล้วท่านใช้อำนาจประธานวินิจฉัยได้อย่างไร” ด้านนายชวนปิดไมค์ทันที
สำหรับบรรยากาศการอภิปรายของฝ่ายค้าน ต่างรุมโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ ว่าถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ กระทำการขัดรัฐธรรมนูญ พร้อมจี้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ รับผิดชอบด้วยการลาออก โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) อภิปรายตอนหนึ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์จงใจละเมิดรัฐธรรมนูญ ได้ทำลายความน่าเชื่อถือของประชาชนลงไปหมดสิ้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองต่อการถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วน เพื่อรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ
ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. อภิปรายว่า ส่วนตัวเห็นว่า ฝ่ายค้านไม่สามารถเปิดอภิปรายครั้งนี้ได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญให้ความเห็นว่า เรื่องดังกล่าวเป็นพระราชอำนาจโดยเฉพาะ ไม่สามารถให้ฝ่ายใดไปก้าวล่วงได้ เพราะไม่บังควร จะไปวิจารณ์ถกเถียงกันอีกไม่ได้ ไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรใด รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย จึงมีความเป็นห่วงฝ่ายค้าน เพราะจะโดนตรวจสอบเสียเอง จากการดำเนินการโดยไม่มีอำนาจ
หลังฝ่ายค้านอภิปรายประเด็นการถวายสัตย์ฯ และการแถลงนโยบายรัฐบาลที่ไม่ระบุที่มาของงบประมาณ พล.อ.ประยุทธ์ได้ตอบข้อซักถามเฉพาะประเด็นที่มาของงบประมาณ ประมาณครึ่งชั่วโมง โดยระหว่างการชี้แจง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอโทษสมาชิกเป็นระยะที่พูดเสียงดังและพูดเร็ว เพราะเวลามีจำกัด “วันนี้ขอบคุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติทั้งหลายนะครับ จะเห็นว่าผมก็ยิ้มให้ท่าน ...ยิ้มให้ทั้งหมด จะเห็นได้ว่าวันนี้ผมดุเดือดน้อยกว่าเก่าเยอะ ผมรักท่านทุกคนนั่นแหละ เพราะท่านคือคนไทย นี่คือประเทศไทย ท่านไม่ใช่คนประเทศอื่น จะเอากันให้เป็นให้ตายหรืออย่างไร แล้วประเทศไทยจะอยู่ตรงไหน ประชาชนของท่านจะอยู่ตรงไหน ขอจบคำชี้แจงเพียงเท่านี้”
ส่วนประเด็นการถวายสัตย์ฯ พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงแทน ซึ่งนายวิษณุ ชี้แจงคล้ายๆ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า การถวายสัตย์ฯ เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลกับพระมหากษัตริย์ “ในคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา เขียนเอาไว้ในคำวินิจฉัยว่า การถวายสัตย์ฯ เป็นการยืนยันความสัมพันธ์ระหว่าง ครม.กับพระมหากษัตริย์ และเมื่อสิ้นสุดถ้อยคำถวายสัตย์ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำรัสให้ปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นพระบรมราชานุญาต และรัฐบาลได้ปฏิบัติหน้าที่ตามพระบรมราโชวาทตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา”
เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติกรณีถวายสัตย์ฯ จะผ่านไปแล้ว แต่ดูเหมือนฝ่ายค้านจะยังไม่ยอมให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆ โดยเตรียมหารือ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อนำไปสู่การยื่นเรื่องให้มีการเอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ ในแง่จริยธรรม โดยอ้างว่า การไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญถือว่าผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอีกด้วย
3.ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน 80 ส.ส. “ธนาธร” อู้ฟู่ 5.6 พันล้าน-“มงคลกิตติ์” 173 ล้าน-“ปารีณา” 140 ล้าน!

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ ส.ส. รอบที่ 2 กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 25 พ.ค. จำนวน 80 คน ซึ่ง ส.ส.กลุ่มนี้ คือ ส.ส.ที่ขอเลื่อนการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ออกมาจากกำหนดเดิม
สำหรับบัญชีทรัพย์สินที่หลายฝ่ายจับตา ได้แก่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มีทรัพย์สิน 5,623 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุน 3,012 ล้านบาท ของคู่สมรส 192 ล้านบาท เงินฝาก 1,527 ล้านบาท คู่สมรส 237 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 285 ล้านบาท คู่สมรส 11 ล้านบาท มีหนี้สินรวมคู่สมรส 683 ล้านบาท นอกจากนี้นายธนาธรยังได้ระบุทรัพย์สินในส่วนของเงินกู้ยืม จำนวน 202 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ กู้ยืมโดยพรรคอนาคตใหม่ 191 ล้านบาท ส่วนทรัพย์สินอื่น ได้แก่ เรือยอชต์ มูลค่า 10 ล้านบาท หนังสือในห้องสมุด 2,000 เล่ม มูลค่า 1 ล้านบาท เป็นต้น
นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส. และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ มีทรัพย์สิน 9 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินฝาก 430,000 บาท คู่สมรส 3,400,000 บาท ที่ดิน 3,900,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 1,500,000 บาท ได้แก่ หนังสือภาษาไทยและต่างประเทศ 1,200,000 บาท โดยมีหนี้สิน 2,300,000 บาท นอกจากนี้ยังแจ้งรายได้จากเงินเดือนสำนักงานพรรคอนาคตใหม่จำนวน 70,000 บาทด้วย
น.ส.พรรณิการ์ วานิช มีทรัพย์สิน 3,300,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 940,000 บาท โดยส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับ และมีหนี้สิน 710,512 บาท
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีทรัพย์สิน 137 ล้านบาท ส่วนใหญ่คือ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง มูลค่า 60 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 30 ล้านบาท ที่ดิน 18 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจ คือ รองเท้า 8 คู่ 2 แสนบาท และมีหนี้สิน 22 ล้านบาท
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส. และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และคู่สมรส มีทรัพย์สิน 192 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นทรัพย์สินอื่น 147 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นพระเครื่องหายาก เช่น พระกริ่งปวเรศทองคำ 50 ล้านบาท พระสมเด็จไกเซอร์ทองคำ 30 ล้านบาท พระสมเด็จวัดระฆัง 40 ล้านบาท พระร่วงรางปืน 12 ล้านบาท มีหนี้สิน 19 ล้านบาท
น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ มีทรัพย์สิน 169 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 61 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 21 ล้านบาท และเงินฝาก 21 ล้านบาท ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สิน 5 ล้านบาท มีหนี้สิน 29 ล้านบาท นอกจากนี้ น.ส.ปารีณายังระบุว่า มีรายได้จากการเลี้ยงไก่ 109 ล้านบาท เลี้ยงวัว 675,000 บาท รวมทั้งยังพบการให้เงินกู้ยืมกับนายก อบต. นายกเทศบาล กำนัน อบต. และข้าราชการอีกหลายคน วงเงินรวม 11 ล้านบาท
นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.พรรคพลังไทยรักไทย มีทรัพย์สิน 1,112 ล้านบาท เกือบทั้งหมดเป็นทรัพย์สินอื่น 1,100 ล้านบาท โดยมีโคตรเหล็กไหลมูลค่า 700 ล้านบาท มหาเหล็กไหล 300 ล้านบาท อุกาบาต (อุกามณีดำ) 10 ล้านบาท สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ต่างๆ อีกหลายองค์ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ ส.ส. รอบที่สอง ซึ่งพบว่า มีการยื่นบัญชีทรัพย์สินอื่นในมูลค่าที่สูงเกินจริงว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.จะต้องไปดูรายละเอียด รวมไปถึงมูลค่าที่แท้จริงต่อไป
นายวรวิทย์ เผยด้วยว่า ขณะนี้มี ส.ส.ที่ยังไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน 3 คน ประกอบด้วย นางจุมพิตา จันทรขจร ส.ส.นครปฐม พรรคอนาคตใหม่, นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร พรรคพลังประชารัฐ และนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช.ได้ทำหนังสือเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลที่ไม่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินแล้ว นอกจากนั้น ในวันที่ 9 ต.ค.นี้ สำนักงาน ป.ป.ช.จะเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคณะรัฐมนตรี โดยพบว่า มีรัฐมนตรีที่ยังไม่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินภายในกำหนดเวลา 1 คน คือ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช.ได้ทำหนังสือเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลที่ไม่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินแล้วเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ทั้ง ส.ส.และรัฐมนตรีที่ยังไม่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน จะมีเวลา 15 วัน ในการชี้แจงเหตุผล ซึ่ง ป.ป.ช.จะต้องนำเรื่องเสนอเข้าในที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาว่า เหตุผลฟังขึ้นและมีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ แต่ระหว่างนี้ยังสามารถยื่นบัญชีทรัพย์สินได้
4.“ลัลลาเบล” พริตตี้สาวดับปริศนา กล้องวงจรปิด-แชตไลน์มัด “น้ำอุ่น” พริตตี้บอย ตร.รอผลพิสูจน์ก่อนออกหมายจับ!

เมื่อวันที่ 17 ก.ย. เวลาประมาณ 02.00 น. มีผู้พบศพ น.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ หรือ “ลันลาเบล” อายุ 25 ปี พริตตี้สาว นอนเสียชีวิตอยู่บนโซฟาบริเวณล็อบบี้ชั้นล่างของคาซ่า คอนโด รัชดา-ราชพฤกษ์ แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กรุงเทพฯ
นายณัฐนัย หอมเทียนทอง อายุ 31 ปี แฟนของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ลัลลาเบลรับงานเป็นพริตตี้จากลูกค้าที่จ้างไปดูแลเครื่องดื่มในงานเลี้ยงย่าน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ค่าจ้าง 3,500 บาท เลิกงาน 17.00 น. จนมาทราบว่าเสียชีวิต จากการตรวจดูกล้องวงจรปิดของคอนโด เห็นผู้ชายอุ้มแฟนสาวเข้ามาที่คอนโดในสภาพหมดสติในเวลาประมาณ 18.00 น. โดยพาขึ้นไปที่ชั้น 6 แล้วอุ้มลงมาส่งในสภาพเดียวกัน มาวางไว้ที่โซฟาบริเวณล็อบบี้ชั้นล่างในเวลาประมาณ 02.00 น.
หลังเกิดเหตุ ตำรวจ สน.บุคคโล ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบห้องพักของนายรัชเดช วงศ์ทะบุตร หรือน้ำอุ่น อายุ 24 ปี พริตตี้บอย ที่ชั้น 6 ของคอนโดดังกล่าว หลังพบเป็นบุคคลในภาพจากกล้องวงจรปิดที่อุ้มลัลลาเบลในสภาพหมดสติจากชั้นล่างขึ้นลิฟท์ไปที่ห้อง และอุ้มจากห้องลงลิฟท์มาไว้ที่โซฟาบริเวณล็อบบี้ชั้นล่างของคอนโด แต่นายน้ำอุ่นไม่ยอมเปิดประตูห้องให้ตำรวจ จนตำรวจต้องงัดห้อง ก่อนคุมตัวไปสอบสวน ซึ่งนายน้ำอุ่น ให้การว่า วันเกิดเหตุ ตนและน้องลัลลาเบลและกลุ่มเพื่อนประมาณ 10 คน ไปดื่มกินกันในงานปาร์ตี้ที่บ้านหลังหนึ่งย่านบางบัวทอง ระหว่างนั้นตนและลัลลาเบลเกิดชอบพอกัน จึงตกลงกันว่า หลังจบปาร์ตี้จะไปต่อกันที่คอนโดตนย่านตลาดพลู
นายน้ำอุ่น ยังบอกด้วยว่า ไม่ได้ชงเหล้าให้ลัลลาเบล แต่ลัลลาเบลดื่มเหล้าไปหลายแก้ว จนทำให้เมาไม่ได้สติ จึงพยุงขึ้นรถและขับกลับคอนโด เมื่อถึงคอนโดก็อุ้มขึ้นห้อง และว่า ขณะขึ้นลิฟท์ ลัลลาเบลปัสสาวะราด 1 ครั้ง และปัสสาวะราดอีกครั้งบนเตียงนอนในห้องตน จึงเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ แล้วต่างคนต่างหลับ โดยไม่มีการนอนด้วยกัน ก่อนจะตื่นมาประมาณเที่ยงคืน เพราะคนรู้จักโทรมาบอกว่า ญาติของลัลลาเบลกำลังตามหา จึงส่งพิกัดไปให้ว่าอยู่ที่นี่ หลังจากนั้นได้อุ้มลัลลาเบลลงมาวางที่โซฟาหน้าล็อบบี้ รู้สึกมีเสียงหายใจเฮือกหนึ่ง เมื่อวางเสร็จตนก็รีบกลับขึ้นห้องไป เพราะทราบว่าแฟนหนุ่มและญาติของลัลลาเบลมาด้วยรถ 3 คัน จึงกลัวจะถูกรุมทำร้าย ตอนนั้นยังไม่ทราบว่าลัลลาเบลเสียชีวิต “ยืนยันว่าตั้งแต่พาน้องออกบ้านที่ปาร์ตี้จนมาถึงคอนโด ยังไม่เคยล่วงละเมิดทางเพศหรือมีเพศสัมพันธ์กัน เพราะต่างฝ่ายต่างเมามาก...”
เป็นที่น่าสังเกตว่า คำให้การของนายน้ำอุ่นดูขัดแย้งกับสิ่งที่เจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊กและคุยผ่านไลน์กับกลุ่มเพื่อน โดยมีการโพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กเป็นภาพลัลลาเบลตอนหมดสติอยู่บนเตียง พร้อมข้อความว่า “เมียคนที่ 100 .....เสื้อผ้ากูหมดนะ กูใส่ให้ด้วย...” ฯลฯ และคุยกับเพื่อนผ่านกลุ่มไลน์ตั้งแต่ออกจากบ้านงานปาร์ตี้กระทั่งอุ้มลัลลาเบลจากห้องที่คอนโดลงมาไว้ที่โซฟาหน้าล็อบบี้ชั้นล่าง ซึ่งข้อความที่คุยสะท้อนว่า มีการมอมเหล้า มีการแบกไปจัด นอกจากนี้ยังมีการส่งภาพขณะลัลลาเบลหมดสติฟุบอยู่ในรถให้เพื่อนดูด้วย ซึ่งหลักฐานต่างๆ เหล่านี้ถึงมือตำรวจแล้ว
ขณะที่นายชัยพล พรรณา อายุ 26 ปี เจ้าของบ้านที่จัดงานปาร์ตี้ ให้ปากคำกับตำรวจว่า เริ่มดื่มกินกันตั้งแต่เวลา 13.00-17.00 น. โดยจ้างลัลลาเบลให้มาคอยเอ็นเตอร์เทนตามเวลาดังกล่าวในราคา 3,500 บาท เพียงคนเดียว มีเงื่อนไขแค่นั่งชงเหล้าหมดชั่วโมง งานก็จบ และว่า หลังจากนั้น ตนก็แยกย้ายไปนั่งดื่มกับแฟนสาว ไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งเมาหลับไปและตื่นมา 20.00 น. ก็ไม่พบลัลลาเบลกับนายน้ำอุ่นแล้ว แต่หน้าบ้านมีกล้องวงจรปิด จึงมอบให้ตำรวจแล้ว
นายชัยพลบอกด้วยว่า ไม่ได้รู้จักนายน้ำอุ่นเป็นการส่วนตัว แต่เคยจ้างมาเอ็นเตอร์เทนให้เพื่อนสาวในกลุ่มมาแล้ว 2-3 ครั้ง และว่า ทราบจากเพื่อนๆ ว่า นายน้ำอุ่นมีพฤติกรรมแปลกๆ ชอบโพสต์เฟซบุ๊กโอ้อวดเรื่องผู้หญิงเหมือนล่าแต้ม และบางครั้งก็พูดจากันไม่รู้เรื่อง
มีรายงานว่า ผลการตรวจชันสูตรลัลลาเบลอย่างไม่เป็นทางการ พบว่า ช่องคลอดฉีกขาดและมีสารคัดหลั่งตกค้างอยู่ภายใน ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นสารคัดหลั่งของผู้ใด ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตยังระบุได้เพียงว่า เกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะและมีภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลพิสูจน์สารพิษ สารเคมี อาหาร และอื่นๆ ในระบบย่อยภายในร่างกายมาประกอบอีกครั้ง ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 15-45 วัน
ด้าน พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 เผยเมื่อ 19 ก.ย.ว่า คดีนี้สอบสวนไปได้ 80% แล้ว ยังไม่ได้รับรายงานผลตรวจสารเสพติดหรือสารคัดหลั่ง โดยเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากผู้เสียชีวิตและนายน้ำอุ่นแล้ว หากเป็นจริงจะขอเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อไปยืนยันกับศาลในการขอหมายจับต่อไป
เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังเกิดเหตุกับลัลลาเบล ได้มีพริตตี้บางรายที่เคยรับงานที่บ้านย่านบางบัวทองที่ลัลลาเบลรับงานเช่นกัน โดยเจ้าตัวได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเตือนว่า หากมารับงานที่บ้านหลังนี้ จะถูกข่มขืน
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบตัวยาลักษณะคล้ายยาเสียสาว ไวอากร้า และยาอื่นๆ ทั้งลักษณะน้ำและเม็ดในกระเป๋าของนายน้ำอุ่น จึงส่งไปตรวจว่าเป็นชนิดเดียวกับที่พบในร่างกายของลัลลาเบลหรือไม่ เนื่องจากตัวยาดังกล่าวอยู่ภายในบ้านที่จัดปาร์ตี้ย่านบางบัวทอง ซึ่งในการสืบสวน ตำรวจจะเน้นไปที่บ้านจัดปาร์ตี้หลังดังกล่าวด้วยว่า ถูกใช้เพื่อเป็นจุดนัดพบสำหรับจุดประสงค์อื่นนอกจากพบปะสังสรรค์หรือไม่ เพราะมักจัดงานปาร์ตี้ทุกวัน ส่วนที่เจ้าของบ้านอ้างว่ามีอาชีพเล่นหุ้น ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่าเหตุใดจึงสามารถจ้างพริตตี้มาร่วมงานปาร์ตี้ได้ตลอด จึงต้องตรวจสอบประวัติย้อนหลังของบุคคลที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ทั้งหมด
ด้าน พ.ต.อ.พยงค์ เอี่ยมสกุล ผกก.สน.บุคคโล ได้ออกมายืนยันว่า ยังไม่พบยาเสียสาวแต่อย่างใด "ผลการตรวจของทางนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่ออก แบบนี้จะสามารถระบุว่าเป็นยาเสียสาวได้อย่างไร คิดว่าทางสื่อมวลชนคิดกันไปเอง" พ.ต.อ.พยงค์ ยืนยันด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับแต่อย่างใด อยู่ในขั้นตอนการรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาในสำนวนคดีนี้ ซึ่งต้องรอหลังจากวันจันทร์ที่ 23 ก.ย. ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบปากคำพยานแวดล้อม
ขณะที่นางศุภมาส นรพันธ์พิพัฒน์ แม่ของลัลลาเบล เผยว่า มีลูกสาว 2 คน คนโตมีครอบครัวไปแล้ว ตอนนี้ลำบากมาก ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ รายได้หลักมาจากลัลลาเบลคนเดียว และลัลลาเบลยังมีลูกสาวที่ต้องเลี้ยงดู และว่า หลังสวดศพเสร็จ จะยังไม่เผาศพลัลลาเบล เนื่องจากสาเหตุการเสียชีวิตยังไม่ชัดเจน
ด้านเพจ “ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม” ของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับคดีของลัลลาเบลว่า ทางชมรมฯ รับให้การช่วยเหลือคดีนี้แล้ว พร้อมเผยว่า ตนเองมีหลักฐานเด็ดอยู่ในมือ และเชื่อว่าหลักฐานชิ้นนี้สามารถจับได้ทั้งแก๊ง นอกจากนี้ทางเพจฯ ยังได้โพสต์ภาพตารางงานที่อ้างว่า น้ำอุ่นเป็นผู้จัดหาเด็กป้อนให้บ้านบางบัวทองด้วย
5.เศร้า! แพนด้า “ช่วงช่วง” ทูตสันถวไมตรีไทย-จีนตายแล้ว จีนส่งผู้เชี่ยวชาญร่วมพิสูจน์หาสาเหตุการตาย

เมื่อวันที่ 16 ก.ย. นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์ เชียงใหม่ ได้เผยข่าวเศร้าต่อสาธารณะว่า “ช่วงช่วง” แพนด้าเพศผู้ วัย 19 ปี เสียชีวิตแล้ว โดยได้รับแจ้งจากพี่เลี้ยงที่ดูแลช่วงช่วงเมื่อเวลา 16.00 น.ว่า ช่วงช่วงมีอาการผิดปกติขณะอยู่ภายในส่วนจัดแสดง หลังจากช่วงช่วงนั่งกินอาหาร ได้เดินเล่นตามปกติ เมื่อใกล้เวลากลับเข้าคอกแล้ว แต่ไม่ทันได้กลับ ขณะเดินอยู่ได้ล้มลงและไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย ทีมสัตวแพทย์และพี่เลี้ยงที่ดูแลได้เข้าช่วยเหลือ แต่ไม่ทัน
รายงานแจ้งว่า หลังเกิดเหตุและพยายามกู้สัญญาณชีพให้ช่วงช่วง แต่ไม่สำเร็จ ได้มีการนำร่างช่วงช่วงส่งโรงพยาบาลสัตว์ และเอกซเรย์ พบบริเวณลำคอถึงปอด มีวัตถุสีขาวขุ่นออกเหลืองตรงบริเวณหลอดลม แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เบื้องต้น ได้มีการแจ้งสถานทูตจีนแล้ว โดยจีนจะส่งผู้เชี่ยวชาญเดินทางมาร่วมผ่าพิสูจน์กับฝ่ายไทย มีรายงานด้วยว่า อายุขัยของแพนด้าในธรรมชาติ จะมีอายุประมาณ 25 ปี ขณะที่แพนด้าเลี้ยง จะมีอายุขัย 38 ปี
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา สวนสัตว์เชียงใหม่เพิ่งจัดกิจกรรมฉลองวันเกิดให้ช่วงช่วง ในโอกาสอายุครบ 19 ปี ในฐานะทูตสันถวไมตรีระหว่างประเทศไทย-จีน โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าร่วมงานจำนวนมาก
หลังช่วงช่วงเสียชีวิต 1 วัน วันต่อมา (17 ก.ย.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยว่า ขณะนี้เก็บรักษาร่างของช่วงช่วงไว้อย่างดีเพื่อผู้เชี่ยวชาญจากจีนเดินทางมาร่วมชันสูตรสาเหตุการตาย ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ร่วมกันไว้ ยืนยันว่า ที่ผ่านมา เรามีมาตรการดูแลแพนด้าอย่างดี
ขณะที่ผู้บริหารองค์การสวนสัตว์ รวมถึงผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ สัตวแพทย์ และทีมพี่เลี้ยงแพนด้า ได้แถลงถึงการตายของช่วงช่วงเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ว่า ช่วงช่วงเสียชีวิตลงเมื่อเวลา 16.30 น. ณ บริเวณส่วนจัดแสดงหมีแพนด้า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ก่อนเกิดเหตุ ช่วงช่วงนั่งกินไผ่และเดินเป็นปกติ หลังจากนั้นเวลา 16.28 น. ช่วงช่วงเดินเซ สะบัดคอไปมา หยุดเดินและล้มลง เจ้าหน้าที่ตำรวจอาสาที่ประจำจุดภายในส่วนจัดแสดงได้แจ้งให้พนักงานเลี้ยงทราบ และสัตวแพทย์เข้าไปตรวจพบว่า เสียชีวิตแล้ว สวนสัตว์เชียงใหม่และองค์การสวนสัตว์ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อการจากไปของช่วงช่วง ขวัญใจชาวไทยและชาวจีนในระยะ 16 ปีที่ผ่านมา สำหรับการชดเชยการเสียชีวิตของช่วงช่วง ต้องรอผลการชันสูตรของสองฝ่าย ซึ่งในการทำเอ็มโอยู มีการทำประกันไว้ 15 ล้านบาทต่อตัว ส่วนหลินฮุ่ยนั้น ยังคงมีสัญญาที่ทำร่วมกันไว้ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 12 ต.ค.2566
สำหรับช่วงช่วง แพนด้าเพศผู้ เกิดเมื่อวันที่ 6 ส.ค.2543 ที่ศูนย์วิจัยและอนุรักษ์แพนด้ายักษ์ เขตอนุรักษ์วู่หลง เมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน ต่อมาเดือน ต.ค.2546 จีนส่งมอบช่วงช่วงให้ไทยยืมจัดแสดงที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ในฐานะทูตสันถวไมตรีไทย-จีน ร่วมกับหลินฮุ่ย แพนด้าเพศเมีย โดยช่วงช่วง มีชื่อไทยว่า “เทวัญ” และมีชื่อล้านนาว่า “คำอ้าย” โดยช่วงช่วงและหลินฮุ่ย มีลูกจากการผสมเทียม 1 ตัว คือ “หลินปิง” ก่อนถูกส่งกลับไปจีนตามสัญญาและปัจจุบันมีลูกแฝด
ด้านนายเหริน ยี่เชิง กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ ได้เดินทางมาวางช่อดอกไม้เพื่อแสดงความอาลัยต่อการจากไปของช่วงช่วงที่สวนสัตว์เชียงใหม่เมื่อวันที่ 18 ก.ย. โอกาสนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีที่มีแฟนคลับชาวจีนเรียกร้องให้ส่งหลินฮุ่ยกลับประเทศจีน นายเหรินกล่าวว่า คงเป็นความรู้สึกของแฟนคลับว่า หลินฮุ่ยอยู่โดดเดี่ยวที่นี่คงจะรู้สึกเหงา แต่ไว้พูดคุยทีหลัง ทั้งนี้ นายเหรินยอมรับว่า ได้ย้ำกับผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่แล้วว่า อยากให้เพิ่มมาตรฐานในการดูแลหลินฮุ่ยให้ดีขึ้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 ก.ย. สวนสัตว์เชียงใหม่ได้ออกแถลงการณ์ว่า ผู้เชี่ยวชาญแพนด้าจากจีนได้เดินทางถึงไทยเรียบร้อยแล้ว และทั้งสองฝ่ายไทย-จีนได้ตั้งคณะทำงานร่วมกันแล้ว และจะสรุปผลให้ทราบต่อไป
ด้านนายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ กล่าวว่า จากการหารือเบื้องต้น ทางการจีนขอทำงานให้เสร็จสิ้นตามภารกิจก่อน หลังจากนั้นจะนำข้อมูลแจ้งให้ทราบต่อไป
เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดอ่านคำวินิจฉัยกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลฯ วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ กรณีดำรงหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ตำแหน่งหัวหน้า คสช.มาจากการยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ต่อมา มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้า คสช.เพื่อบริหารราชการแผ่นดิน การแต่งตั้งตำแหน่งหัวหน้า คสช.เป็นผลสืบเนื่องมาจากการยึดอำนาจ และเป็นตำแหน่งที่ใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งมีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ โดยเห็นได้จากการออกประกาศและคำสั่งหลายฉบับ หัวหน้า คสช.ไม่อยู่ภายใต้การบังคับหรือกำกับดูแลของรัฐหรือหน่วยงานใด ทั้งยังเป็นตำแหน่งที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งโดยกฎหมาย ไม่มีกฎหมายกำหนดวิธีการได้มาหรือการเข้าสู่ตำแหน่ง โดยมีอำนาจหน้าที่เป็นการเฉพาะชั่วคราวในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อให้มีอำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงปลอดภัยของประเทศและประชาชน
ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติว่า ตำแหน่งหัวหน้า คสช.จึงไม่มีสถานะหน้าที่หรือลักษณะงานทำนองเดียวกับพนักงาน ลูกจ้างของหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และไม่ใช่เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ตามมาตรา 98 (15) พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (6) ประกอบมาตรา 98 (15) จึงวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ผู้ตรวจการแผ่นดินเคยมีมติแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ แต่ภายหลัง 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นเรื่องพร้อมแนบรายชื่อ ส.ส.กว่า 100 คนต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกครั้ง
2.ฝ่ายค้านดาหน้าอภิปรายถล่ม “บิ๊กตู่” ปมถวายสัตย์ฯ จี้ลาออก ขณะที่ “บิ๊กตู่” ถาม คนไทยด้วยกัน จะเอากันให้ตายหรืออย่างไร!
สถานการณ์การเมืองสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ได้มีการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาญัตติด่วน ขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ ตามที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน พร้อม ส.ส.205 คนเป็นผู้เสนอ
ทั้งนี้ แม้ว่านายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลุกขึ้นหารือว่า กรณีถวายสัตย์ฯ ศาลรัฐธรรมนูญได้มีความเห็นแล้วว่า เป็นการกระทำทางการเมืองอยู่ในความหมายของการกระทำของรัฐบาลและไม่รับคำร้องไว้พิจารณา แต่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ชี้แจงว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยแล้ว แต่ฝ่ายกฎหมายของสภาและรองประธานสภาฯ หารือร่วมกันและมีความเห็นว่า ญัตตินี้ไม่ได้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ สภาฯ จึงพิจารณาญัตตินี้ได้ตามมาตรา 152 และข้อบังคับการประชุมสภาฯ
ด้าน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรค พปชร.ได้ลุกขึ้นประท้วงนายชวน แต่นายชวนตัดบท เพราะประท้วงประธานไม่ได้ น.ส.ปารีณา จึงเปลี่ยนเป็นขอหารือ แต่นายชวนไม่ยอม และบอกให้หารือภายหลัง น.ส.ปารีณาจึงพูดอย่างมีอารมณ์ว่า “ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีอำนาจตรวจสอบเลย แล้วท่านใช้อำนาจประธานวินิจฉัยได้อย่างไร” ด้านนายชวนปิดไมค์ทันที
สำหรับบรรยากาศการอภิปรายของฝ่ายค้าน ต่างรุมโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ ว่าถวายสัตย์ฯ ไม่ครบ กระทำการขัดรัฐธรรมนูญ พร้อมจี้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ รับผิดชอบด้วยการลาออก โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) อภิปรายตอนหนึ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์จงใจละเมิดรัฐธรรมนูญ ได้ทำลายความน่าเชื่อถือของประชาชนลงไปหมดสิ้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองต่อการถวายสัตย์ฯ ไม่ครบถ้วน เพื่อรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ
ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. อภิปรายว่า ส่วนตัวเห็นว่า ฝ่ายค้านไม่สามารถเปิดอภิปรายครั้งนี้ได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญให้ความเห็นว่า เรื่องดังกล่าวเป็นพระราชอำนาจโดยเฉพาะ ไม่สามารถให้ฝ่ายใดไปก้าวล่วงได้ เพราะไม่บังควร จะไปวิจารณ์ถกเถียงกันอีกไม่ได้ ไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรใด รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย จึงมีความเป็นห่วงฝ่ายค้าน เพราะจะโดนตรวจสอบเสียเอง จากการดำเนินการโดยไม่มีอำนาจ
หลังฝ่ายค้านอภิปรายประเด็นการถวายสัตย์ฯ และการแถลงนโยบายรัฐบาลที่ไม่ระบุที่มาของงบประมาณ พล.อ.ประยุทธ์ได้ตอบข้อซักถามเฉพาะประเด็นที่มาของงบประมาณ ประมาณครึ่งชั่วโมง โดยระหว่างการชี้แจง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอโทษสมาชิกเป็นระยะที่พูดเสียงดังและพูดเร็ว เพราะเวลามีจำกัด “วันนี้ขอบคุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติทั้งหลายนะครับ จะเห็นว่าผมก็ยิ้มให้ท่าน ...ยิ้มให้ทั้งหมด จะเห็นได้ว่าวันนี้ผมดุเดือดน้อยกว่าเก่าเยอะ ผมรักท่านทุกคนนั่นแหละ เพราะท่านคือคนไทย นี่คือประเทศไทย ท่านไม่ใช่คนประเทศอื่น จะเอากันให้เป็นให้ตายหรืออย่างไร แล้วประเทศไทยจะอยู่ตรงไหน ประชาชนของท่านจะอยู่ตรงไหน ขอจบคำชี้แจงเพียงเท่านี้”
ส่วนประเด็นการถวายสัตย์ฯ พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงแทน ซึ่งนายวิษณุ ชี้แจงคล้ายๆ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า การถวายสัตย์ฯ เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลกับพระมหากษัตริย์ “ในคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา เขียนเอาไว้ในคำวินิจฉัยว่า การถวายสัตย์ฯ เป็นการยืนยันความสัมพันธ์ระหว่าง ครม.กับพระมหากษัตริย์ และเมื่อสิ้นสุดถ้อยคำถวายสัตย์ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำรัสให้ปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นพระบรมราชานุญาต และรัฐบาลได้ปฏิบัติหน้าที่ตามพระบรมราโชวาทตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา”
เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติกรณีถวายสัตย์ฯ จะผ่านไปแล้ว แต่ดูเหมือนฝ่ายค้านจะยังไม่ยอมให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆ โดยเตรียมหารือ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อนำไปสู่การยื่นเรื่องให้มีการเอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ ในแง่จริยธรรม โดยอ้างว่า การไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญถือว่าผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอีกด้วย
3.ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน 80 ส.ส. “ธนาธร” อู้ฟู่ 5.6 พันล้าน-“มงคลกิตติ์” 173 ล้าน-“ปารีณา” 140 ล้าน!
เมื่อวันที่ 20 ก.ย. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ ส.ส. รอบที่ 2 กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 25 พ.ค. จำนวน 80 คน ซึ่ง ส.ส.กลุ่มนี้ คือ ส.ส.ที่ขอเลื่อนการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ออกมาจากกำหนดเดิม
สำหรับบัญชีทรัพย์สินที่หลายฝ่ายจับตา ได้แก่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มีทรัพย์สิน 5,623 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุน 3,012 ล้านบาท ของคู่สมรส 192 ล้านบาท เงินฝาก 1,527 ล้านบาท คู่สมรส 237 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 285 ล้านบาท คู่สมรส 11 ล้านบาท มีหนี้สินรวมคู่สมรส 683 ล้านบาท นอกจากนี้นายธนาธรยังได้ระบุทรัพย์สินในส่วนของเงินกู้ยืม จำนวน 202 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ กู้ยืมโดยพรรคอนาคตใหม่ 191 ล้านบาท ส่วนทรัพย์สินอื่น ได้แก่ เรือยอชต์ มูลค่า 10 ล้านบาท หนังสือในห้องสมุด 2,000 เล่ม มูลค่า 1 ล้านบาท เป็นต้น
นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส. และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ มีทรัพย์สิน 9 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินฝาก 430,000 บาท คู่สมรส 3,400,000 บาท ที่ดิน 3,900,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 1,500,000 บาท ได้แก่ หนังสือภาษาไทยและต่างประเทศ 1,200,000 บาท โดยมีหนี้สิน 2,300,000 บาท นอกจากนี้ยังแจ้งรายได้จากเงินเดือนสำนักงานพรรคอนาคตใหม่จำนวน 70,000 บาทด้วย
น.ส.พรรณิการ์ วานิช มีทรัพย์สิน 3,300,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 940,000 บาท โดยส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับ และมีหนี้สิน 710,512 บาท
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีทรัพย์สิน 137 ล้านบาท ส่วนใหญ่คือ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง มูลค่า 60 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 30 ล้านบาท ที่ดิน 18 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจ คือ รองเท้า 8 คู่ 2 แสนบาท และมีหนี้สิน 22 ล้านบาท
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส. และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และคู่สมรส มีทรัพย์สิน 192 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นทรัพย์สินอื่น 147 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นพระเครื่องหายาก เช่น พระกริ่งปวเรศทองคำ 50 ล้านบาท พระสมเด็จไกเซอร์ทองคำ 30 ล้านบาท พระสมเด็จวัดระฆัง 40 ล้านบาท พระร่วงรางปืน 12 ล้านบาท มีหนี้สิน 19 ล้านบาท
น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ มีทรัพย์สิน 169 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 61 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 21 ล้านบาท และเงินฝาก 21 ล้านบาท ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สิน 5 ล้านบาท มีหนี้สิน 29 ล้านบาท นอกจากนี้ น.ส.ปารีณายังระบุว่า มีรายได้จากการเลี้ยงไก่ 109 ล้านบาท เลี้ยงวัว 675,000 บาท รวมทั้งยังพบการให้เงินกู้ยืมกับนายก อบต. นายกเทศบาล กำนัน อบต. และข้าราชการอีกหลายคน วงเงินรวม 11 ล้านบาท
นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.พรรคพลังไทยรักไทย มีทรัพย์สิน 1,112 ล้านบาท เกือบทั้งหมดเป็นทรัพย์สินอื่น 1,100 ล้านบาท โดยมีโคตรเหล็กไหลมูลค่า 700 ล้านบาท มหาเหล็กไหล 300 ล้านบาท อุกาบาต (อุกามณีดำ) 10 ล้านบาท สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ต่างๆ อีกหลายองค์ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ ส.ส. รอบที่สอง ซึ่งพบว่า มีการยื่นบัญชีทรัพย์สินอื่นในมูลค่าที่สูงเกินจริงว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.จะต้องไปดูรายละเอียด รวมไปถึงมูลค่าที่แท้จริงต่อไป
นายวรวิทย์ เผยด้วยว่า ขณะนี้มี ส.ส.ที่ยังไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน 3 คน ประกอบด้วย นางจุมพิตา จันทรขจร ส.ส.นครปฐม พรรคอนาคตใหม่, นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร พรรคพลังประชารัฐ และนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช.ได้ทำหนังสือเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลที่ไม่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินแล้ว นอกจากนั้น ในวันที่ 9 ต.ค.นี้ สำนักงาน ป.ป.ช.จะเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคณะรัฐมนตรี โดยพบว่า มีรัฐมนตรีที่ยังไม่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินภายในกำหนดเวลา 1 คน คือ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช.ได้ทำหนังสือเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลที่ไม่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินแล้วเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ทั้ง ส.ส.และรัฐมนตรีที่ยังไม่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน จะมีเวลา 15 วัน ในการชี้แจงเหตุผล ซึ่ง ป.ป.ช.จะต้องนำเรื่องเสนอเข้าในที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาว่า เหตุผลฟังขึ้นและมีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ แต่ระหว่างนี้ยังสามารถยื่นบัญชีทรัพย์สินได้
4.“ลัลลาเบล” พริตตี้สาวดับปริศนา กล้องวงจรปิด-แชตไลน์มัด “น้ำอุ่น” พริตตี้บอย ตร.รอผลพิสูจน์ก่อนออกหมายจับ!
เมื่อวันที่ 17 ก.ย. เวลาประมาณ 02.00 น. มีผู้พบศพ น.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ หรือ “ลันลาเบล” อายุ 25 ปี พริตตี้สาว นอนเสียชีวิตอยู่บนโซฟาบริเวณล็อบบี้ชั้นล่างของคาซ่า คอนโด รัชดา-ราชพฤกษ์ แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กรุงเทพฯ
นายณัฐนัย หอมเทียนทอง อายุ 31 ปี แฟนของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ลัลลาเบลรับงานเป็นพริตตี้จากลูกค้าที่จ้างไปดูแลเครื่องดื่มในงานเลี้ยงย่าน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ค่าจ้าง 3,500 บาท เลิกงาน 17.00 น. จนมาทราบว่าเสียชีวิต จากการตรวจดูกล้องวงจรปิดของคอนโด เห็นผู้ชายอุ้มแฟนสาวเข้ามาที่คอนโดในสภาพหมดสติในเวลาประมาณ 18.00 น. โดยพาขึ้นไปที่ชั้น 6 แล้วอุ้มลงมาส่งในสภาพเดียวกัน มาวางไว้ที่โซฟาบริเวณล็อบบี้ชั้นล่างในเวลาประมาณ 02.00 น.
หลังเกิดเหตุ ตำรวจ สน.บุคคโล ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบห้องพักของนายรัชเดช วงศ์ทะบุตร หรือน้ำอุ่น อายุ 24 ปี พริตตี้บอย ที่ชั้น 6 ของคอนโดดังกล่าว หลังพบเป็นบุคคลในภาพจากกล้องวงจรปิดที่อุ้มลัลลาเบลในสภาพหมดสติจากชั้นล่างขึ้นลิฟท์ไปที่ห้อง และอุ้มจากห้องลงลิฟท์มาไว้ที่โซฟาบริเวณล็อบบี้ชั้นล่างของคอนโด แต่นายน้ำอุ่นไม่ยอมเปิดประตูห้องให้ตำรวจ จนตำรวจต้องงัดห้อง ก่อนคุมตัวไปสอบสวน ซึ่งนายน้ำอุ่น ให้การว่า วันเกิดเหตุ ตนและน้องลัลลาเบลและกลุ่มเพื่อนประมาณ 10 คน ไปดื่มกินกันในงานปาร์ตี้ที่บ้านหลังหนึ่งย่านบางบัวทอง ระหว่างนั้นตนและลัลลาเบลเกิดชอบพอกัน จึงตกลงกันว่า หลังจบปาร์ตี้จะไปต่อกันที่คอนโดตนย่านตลาดพลู
นายน้ำอุ่น ยังบอกด้วยว่า ไม่ได้ชงเหล้าให้ลัลลาเบล แต่ลัลลาเบลดื่มเหล้าไปหลายแก้ว จนทำให้เมาไม่ได้สติ จึงพยุงขึ้นรถและขับกลับคอนโด เมื่อถึงคอนโดก็อุ้มขึ้นห้อง และว่า ขณะขึ้นลิฟท์ ลัลลาเบลปัสสาวะราด 1 ครั้ง และปัสสาวะราดอีกครั้งบนเตียงนอนในห้องตน จึงเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ แล้วต่างคนต่างหลับ โดยไม่มีการนอนด้วยกัน ก่อนจะตื่นมาประมาณเที่ยงคืน เพราะคนรู้จักโทรมาบอกว่า ญาติของลัลลาเบลกำลังตามหา จึงส่งพิกัดไปให้ว่าอยู่ที่นี่ หลังจากนั้นได้อุ้มลัลลาเบลลงมาวางที่โซฟาหน้าล็อบบี้ รู้สึกมีเสียงหายใจเฮือกหนึ่ง เมื่อวางเสร็จตนก็รีบกลับขึ้นห้องไป เพราะทราบว่าแฟนหนุ่มและญาติของลัลลาเบลมาด้วยรถ 3 คัน จึงกลัวจะถูกรุมทำร้าย ตอนนั้นยังไม่ทราบว่าลัลลาเบลเสียชีวิต “ยืนยันว่าตั้งแต่พาน้องออกบ้านที่ปาร์ตี้จนมาถึงคอนโด ยังไม่เคยล่วงละเมิดทางเพศหรือมีเพศสัมพันธ์กัน เพราะต่างฝ่ายต่างเมามาก...”
เป็นที่น่าสังเกตว่า คำให้การของนายน้ำอุ่นดูขัดแย้งกับสิ่งที่เจ้าตัวโพสต์เฟซบุ๊กและคุยผ่านไลน์กับกลุ่มเพื่อน โดยมีการโพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กเป็นภาพลัลลาเบลตอนหมดสติอยู่บนเตียง พร้อมข้อความว่า “เมียคนที่ 100 .....เสื้อผ้ากูหมดนะ กูใส่ให้ด้วย...” ฯลฯ และคุยกับเพื่อนผ่านกลุ่มไลน์ตั้งแต่ออกจากบ้านงานปาร์ตี้กระทั่งอุ้มลัลลาเบลจากห้องที่คอนโดลงมาไว้ที่โซฟาหน้าล็อบบี้ชั้นล่าง ซึ่งข้อความที่คุยสะท้อนว่า มีการมอมเหล้า มีการแบกไปจัด นอกจากนี้ยังมีการส่งภาพขณะลัลลาเบลหมดสติฟุบอยู่ในรถให้เพื่อนดูด้วย ซึ่งหลักฐานต่างๆ เหล่านี้ถึงมือตำรวจแล้ว
ขณะที่นายชัยพล พรรณา อายุ 26 ปี เจ้าของบ้านที่จัดงานปาร์ตี้ ให้ปากคำกับตำรวจว่า เริ่มดื่มกินกันตั้งแต่เวลา 13.00-17.00 น. โดยจ้างลัลลาเบลให้มาคอยเอ็นเตอร์เทนตามเวลาดังกล่าวในราคา 3,500 บาท เพียงคนเดียว มีเงื่อนไขแค่นั่งชงเหล้าหมดชั่วโมง งานก็จบ และว่า หลังจากนั้น ตนก็แยกย้ายไปนั่งดื่มกับแฟนสาว ไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งเมาหลับไปและตื่นมา 20.00 น. ก็ไม่พบลัลลาเบลกับนายน้ำอุ่นแล้ว แต่หน้าบ้านมีกล้องวงจรปิด จึงมอบให้ตำรวจแล้ว
นายชัยพลบอกด้วยว่า ไม่ได้รู้จักนายน้ำอุ่นเป็นการส่วนตัว แต่เคยจ้างมาเอ็นเตอร์เทนให้เพื่อนสาวในกลุ่มมาแล้ว 2-3 ครั้ง และว่า ทราบจากเพื่อนๆ ว่า นายน้ำอุ่นมีพฤติกรรมแปลกๆ ชอบโพสต์เฟซบุ๊กโอ้อวดเรื่องผู้หญิงเหมือนล่าแต้ม และบางครั้งก็พูดจากันไม่รู้เรื่อง
มีรายงานว่า ผลการตรวจชันสูตรลัลลาเบลอย่างไม่เป็นทางการ พบว่า ช่องคลอดฉีกขาดและมีสารคัดหลั่งตกค้างอยู่ภายใน ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นสารคัดหลั่งของผู้ใด ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตยังระบุได้เพียงว่า เกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะและมีภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลพิสูจน์สารพิษ สารเคมี อาหาร และอื่นๆ ในระบบย่อยภายในร่างกายมาประกอบอีกครั้ง ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 15-45 วัน
ด้าน พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 เผยเมื่อ 19 ก.ย.ว่า คดีนี้สอบสวนไปได้ 80% แล้ว ยังไม่ได้รับรายงานผลตรวจสารเสพติดหรือสารคัดหลั่ง โดยเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากผู้เสียชีวิตและนายน้ำอุ่นแล้ว หากเป็นจริงจะขอเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อไปยืนยันกับศาลในการขอหมายจับต่อไป
เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังเกิดเหตุกับลัลลาเบล ได้มีพริตตี้บางรายที่เคยรับงานที่บ้านย่านบางบัวทองที่ลัลลาเบลรับงานเช่นกัน โดยเจ้าตัวได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเตือนว่า หากมารับงานที่บ้านหลังนี้ จะถูกข่มขืน
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบตัวยาลักษณะคล้ายยาเสียสาว ไวอากร้า และยาอื่นๆ ทั้งลักษณะน้ำและเม็ดในกระเป๋าของนายน้ำอุ่น จึงส่งไปตรวจว่าเป็นชนิดเดียวกับที่พบในร่างกายของลัลลาเบลหรือไม่ เนื่องจากตัวยาดังกล่าวอยู่ภายในบ้านที่จัดปาร์ตี้ย่านบางบัวทอง ซึ่งในการสืบสวน ตำรวจจะเน้นไปที่บ้านจัดปาร์ตี้หลังดังกล่าวด้วยว่า ถูกใช้เพื่อเป็นจุดนัดพบสำหรับจุดประสงค์อื่นนอกจากพบปะสังสรรค์หรือไม่ เพราะมักจัดงานปาร์ตี้ทุกวัน ส่วนที่เจ้าของบ้านอ้างว่ามีอาชีพเล่นหุ้น ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อว่าเหตุใดจึงสามารถจ้างพริตตี้มาร่วมงานปาร์ตี้ได้ตลอด จึงต้องตรวจสอบประวัติย้อนหลังของบุคคลที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ทั้งหมด
ด้าน พ.ต.อ.พยงค์ เอี่ยมสกุล ผกก.สน.บุคคโล ได้ออกมายืนยันว่า ยังไม่พบยาเสียสาวแต่อย่างใด "ผลการตรวจของทางนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่ออก แบบนี้จะสามารถระบุว่าเป็นยาเสียสาวได้อย่างไร คิดว่าทางสื่อมวลชนคิดกันไปเอง" พ.ต.อ.พยงค์ ยืนยันด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับแต่อย่างใด อยู่ในขั้นตอนการรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาในสำนวนคดีนี้ ซึ่งต้องรอหลังจากวันจันทร์ที่ 23 ก.ย. ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบปากคำพยานแวดล้อม
ขณะที่นางศุภมาส นรพันธ์พิพัฒน์ แม่ของลัลลาเบล เผยว่า มีลูกสาว 2 คน คนโตมีครอบครัวไปแล้ว ตอนนี้ลำบากมาก ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ รายได้หลักมาจากลัลลาเบลคนเดียว และลัลลาเบลยังมีลูกสาวที่ต้องเลี้ยงดู และว่า หลังสวดศพเสร็จ จะยังไม่เผาศพลัลลาเบล เนื่องจากสาเหตุการเสียชีวิตยังไม่ชัดเจน
ด้านเพจ “ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม” ของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับคดีของลัลลาเบลว่า ทางชมรมฯ รับให้การช่วยเหลือคดีนี้แล้ว พร้อมเผยว่า ตนเองมีหลักฐานเด็ดอยู่ในมือ และเชื่อว่าหลักฐานชิ้นนี้สามารถจับได้ทั้งแก๊ง นอกจากนี้ทางเพจฯ ยังได้โพสต์ภาพตารางงานที่อ้างว่า น้ำอุ่นเป็นผู้จัดหาเด็กป้อนให้บ้านบางบัวทองด้วย
5.เศร้า! แพนด้า “ช่วงช่วง” ทูตสันถวไมตรีไทย-จีนตายแล้ว จีนส่งผู้เชี่ยวชาญร่วมพิสูจน์หาสาเหตุการตาย
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์ เชียงใหม่ ได้เผยข่าวเศร้าต่อสาธารณะว่า “ช่วงช่วง” แพนด้าเพศผู้ วัย 19 ปี เสียชีวิตแล้ว โดยได้รับแจ้งจากพี่เลี้ยงที่ดูแลช่วงช่วงเมื่อเวลา 16.00 น.ว่า ช่วงช่วงมีอาการผิดปกติขณะอยู่ภายในส่วนจัดแสดง หลังจากช่วงช่วงนั่งกินอาหาร ได้เดินเล่นตามปกติ เมื่อใกล้เวลากลับเข้าคอกแล้ว แต่ไม่ทันได้กลับ ขณะเดินอยู่ได้ล้มลงและไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย ทีมสัตวแพทย์และพี่เลี้ยงที่ดูแลได้เข้าช่วยเหลือ แต่ไม่ทัน
รายงานแจ้งว่า หลังเกิดเหตุและพยายามกู้สัญญาณชีพให้ช่วงช่วง แต่ไม่สำเร็จ ได้มีการนำร่างช่วงช่วงส่งโรงพยาบาลสัตว์ และเอกซเรย์ พบบริเวณลำคอถึงปอด มีวัตถุสีขาวขุ่นออกเหลืองตรงบริเวณหลอดลม แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เบื้องต้น ได้มีการแจ้งสถานทูตจีนแล้ว โดยจีนจะส่งผู้เชี่ยวชาญเดินทางมาร่วมผ่าพิสูจน์กับฝ่ายไทย มีรายงานด้วยว่า อายุขัยของแพนด้าในธรรมชาติ จะมีอายุประมาณ 25 ปี ขณะที่แพนด้าเลี้ยง จะมีอายุขัย 38 ปี
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา สวนสัตว์เชียงใหม่เพิ่งจัดกิจกรรมฉลองวันเกิดให้ช่วงช่วง ในโอกาสอายุครบ 19 ปี ในฐานะทูตสันถวไมตรีระหว่างประเทศไทย-จีน โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าร่วมงานจำนวนมาก
หลังช่วงช่วงเสียชีวิต 1 วัน วันต่อมา (17 ก.ย.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยว่า ขณะนี้เก็บรักษาร่างของช่วงช่วงไว้อย่างดีเพื่อผู้เชี่ยวชาญจากจีนเดินทางมาร่วมชันสูตรสาเหตุการตาย ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ร่วมกันไว้ ยืนยันว่า ที่ผ่านมา เรามีมาตรการดูแลแพนด้าอย่างดี
ขณะที่ผู้บริหารองค์การสวนสัตว์ รวมถึงผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ สัตวแพทย์ และทีมพี่เลี้ยงแพนด้า ได้แถลงถึงการตายของช่วงช่วงเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ว่า ช่วงช่วงเสียชีวิตลงเมื่อเวลา 16.30 น. ณ บริเวณส่วนจัดแสดงหมีแพนด้า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ก่อนเกิดเหตุ ช่วงช่วงนั่งกินไผ่และเดินเป็นปกติ หลังจากนั้นเวลา 16.28 น. ช่วงช่วงเดินเซ สะบัดคอไปมา หยุดเดินและล้มลง เจ้าหน้าที่ตำรวจอาสาที่ประจำจุดภายในส่วนจัดแสดงได้แจ้งให้พนักงานเลี้ยงทราบ และสัตวแพทย์เข้าไปตรวจพบว่า เสียชีวิตแล้ว สวนสัตว์เชียงใหม่และองค์การสวนสัตว์ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อการจากไปของช่วงช่วง ขวัญใจชาวไทยและชาวจีนในระยะ 16 ปีที่ผ่านมา สำหรับการชดเชยการเสียชีวิตของช่วงช่วง ต้องรอผลการชันสูตรของสองฝ่าย ซึ่งในการทำเอ็มโอยู มีการทำประกันไว้ 15 ล้านบาทต่อตัว ส่วนหลินฮุ่ยนั้น ยังคงมีสัญญาที่ทำร่วมกันไว้ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 12 ต.ค.2566
สำหรับช่วงช่วง แพนด้าเพศผู้ เกิดเมื่อวันที่ 6 ส.ค.2543 ที่ศูนย์วิจัยและอนุรักษ์แพนด้ายักษ์ เขตอนุรักษ์วู่หลง เมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน สาธารณรัฐประชาชนจีน ต่อมาเดือน ต.ค.2546 จีนส่งมอบช่วงช่วงให้ไทยยืมจัดแสดงที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ในฐานะทูตสันถวไมตรีไทย-จีน ร่วมกับหลินฮุ่ย แพนด้าเพศเมีย โดยช่วงช่วง มีชื่อไทยว่า “เทวัญ” และมีชื่อล้านนาว่า “คำอ้าย” โดยช่วงช่วงและหลินฮุ่ย มีลูกจากการผสมเทียม 1 ตัว คือ “หลินปิง” ก่อนถูกส่งกลับไปจีนตามสัญญาและปัจจุบันมีลูกแฝด
ด้านนายเหริน ยี่เชิง กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ ได้เดินทางมาวางช่อดอกไม้เพื่อแสดงความอาลัยต่อการจากไปของช่วงช่วงที่สวนสัตว์เชียงใหม่เมื่อวันที่ 18 ก.ย. โอกาสนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีที่มีแฟนคลับชาวจีนเรียกร้องให้ส่งหลินฮุ่ยกลับประเทศจีน นายเหรินกล่าวว่า คงเป็นความรู้สึกของแฟนคลับว่า หลินฮุ่ยอยู่โดดเดี่ยวที่นี่คงจะรู้สึกเหงา แต่ไว้พูดคุยทีหลัง ทั้งนี้ นายเหรินยอมรับว่า ได้ย้ำกับผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่แล้วว่า อยากให้เพิ่มมาตรฐานในการดูแลหลินฮุ่ยให้ดีขึ้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 ก.ย. สวนสัตว์เชียงใหม่ได้ออกแถลงการณ์ว่า ผู้เชี่ยวชาญแพนด้าจากจีนได้เดินทางถึงไทยเรียบร้อยแล้ว และทั้งสองฝ่ายไทย-จีนได้ตั้งคณะทำงานร่วมกันแล้ว และจะสรุปผลให้ทราบต่อไป
ด้านนายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ กล่าวว่า จากการหารือเบื้องต้น ทางการจีนขอทำงานให้เสร็จสิ้นตามภารกิจก่อน หลังจากนั้นจะนำข้อมูลแจ้งให้ทราบต่อไป