xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” ขอบคุณคนทำติดคุก ช่วยให้ตกผลึกความคิดทบทวนข้อผิดพลาดในอดีต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“สนธิ” เชื่ออำนาจเผด็จการอาจมีส่วนทำให้ติดคุก ขอบคุณที่ทำให้อยู่ในเรือนจำได้ตกผลึกทางความคิดทบทวนความผิดพลาดหลายอย่างในอดีต ย้ำการเมืองยังเละเทะเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พร้อมแนะ “อนาคตใหม่” แนวคิดเรื่องงบทหารไม่ผิด แต่การแสดงออกก้าวร้าวทำให้เจอตอบโต้แรง



วันที่ 17 ก.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คม ชัด ลึก” ออกอากาศทางช่องเนชั่น ในหัวข้อ “มองการเมืองผ่าน “สนธิ” เฮงซวยหรือเปลี่ยนแปลง?”

โดยนายสนธิกล่าวถึงข้อกล่าวหาที่ว่าอยู่ในเรือนจำแบบวีไอพีว่า ไม่จริง ใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ กินอาหารหลวง นอนผ้าห่มสามผืนเหมือนนักโทษคนอื่นทุกคน แล้วก็มีข่าวตลอดว่าตนปลุกปั่นแอบใช้โทรศัพท์ ทั้งที่ไม่มีโทรศัพท์ การเมืองข้างนอกพยายามก่อกวนให้ตนอยู่ไม่สุข

เมื่อถามว่า การสั่งขัง การลงโทษ เป็นใบสั่งการเมืองหรือไม่ นายสนธิกล่าวว่า การปล่อยตัวสั่งไม่ได้ เพราะโทษชัดเจน ส่วนเข้าเรือนจำนั้นตนขอพูดกลางๆ ผู้พิพากษาคงสั่งยาก แต่อำนาจเผด็จการอาจเหนืออำนาจศาลก็มีความเป็นไปได้ หากเป็นยุคประชาธิปไตยคงทำได้ลำบาก กรณีนายทักษิณหากยอมมาติดคุกในสมัยยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ โทษจำคุก 2 ปี ติดจริง 1 ปี ทำเรื่องพักโทษได้ทันทีตามกติกา หรือแค่ 6 เดือน แล้วขอพระราชทานอภัยโทษ

นายสนธิกล่าวอีกว่า อยู่ข้างในเรือนจำเมื่อก่อนยังให้ดูข่าวได้ ตนก็เห็นว่าเรื่องการเมืองไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย เหมือนกันทุกประการแค่เปลี่ยนคนเท่านั้น นอกนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่นิดเดียว

“วันนี้ถือเป็นโชคดีของผม อยู่ในคุก 2 ปี 11 เดือน 27 วัน ใครก็ตามที่วางแผนเอาผมเข้าคุก ผมต้องกราบขอบพระคุณ เพราะว่าจิตใจสงบ ผมนิ่ง และสามารถมองย้อนหลังไปอดีตที่ผมทำงานมาตั้งแต่ปี 2548 เห็นข้อผิดพลาดของผมหลายประการ แล้วก็ถามตัวเองว่าผิดพลาดแบบนี้ ถ้าเริ่มใหม่จะทำแบบนี้ไหม ผมก็ตอบว่าผมคงไม่ทำ แต่คำตอบสุดท้ายก็คือผมคงไม่ทำอีกแล้ว เพราะอายุมากแล้ว พอกันที” นายสนธิกล่าว

นายสนธิกล่าวด้วยว่า ถ้ามันเป็นเจตนาของใครก็ตามที่ให้ตนติดคุก ทำให้ตนตกผลึกทางความคิด ตนโดนคดี พ.ร.บ.หลักทรัพย์ คือ เอาบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ค้ำประกันอีกบริษัทที่อยู่นอกตลาด ทุกคนทำหมดในปี 40 ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ทุกท่านถูกปรับ 5 แสนแล้วจบไป แต่ตนโดนดำเนินคดี ตนไม่สู้ เพราะรู้ว่าผิดเรื่องค้ำประกันจริง แต่ไม่มีสิทธิอ้างว่าเพราะวิกฤตเศรษฐกิจทุกคนก็ทำ จึงยอมรับสารภาพผิด แต่ศาลตัดสินว่าเบิกเงินกู้ 1 ครั้ง คือ 1 กรรม เลยโดนไป 85 ปี

นายสนธิกล่าวว่า ในเรือนจำได้เจอหลายคนทั้งรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วย และเจอนายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ผู้ต้องขังคดีปล่อยกู้กรุงไทย นายวิโรจน์ขมขื่นใจมาก ท่านยอมรับคำตัดสินศาล แต่ท่านไม่เห็นด้วย ตนได้ถามว่าใครคือบิ๊กบอสในคดีกรุงไทย ได้คำตอบว่าบิ๊กบอสคืออดีตพลเอกคนหนึ่ง อย่าให้เอ่ยชื่อดีกว่า แล้วถามว่าทำไมมาสั่งให้ปล่อยเงินกู้แบบนี้ นายวิโรจน์ตอบว่าอาจได้รับใบสั่งมาจากเมืองนอก

รวมทั้งเจอนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ศาล ซึ่งนิ่งกว่าเก่า ไม่ก้าวร้าวเหมือนเคย ตนได้คุยกับนายจตุพรว่าถ้าเขาก้าวข้ามนายทักษิณและพวกแฝงล้มล้างสถาบันฯ การสู้เพื่อการกระจายอำนาจไม่ต่างกับที่ตนสู้เลย สู้เรื่องเดียวกัน ทิศทางเดียวกัน

นาสนธิกล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้หลายพรรคยังไม่ก้าวข้ามทักษิณ เพราะหลายคนยังต้องพึ่งบารมีในการหาเสียง ฉะนั้น จะดีจะชั่วทักษิณมีข้อดีหลายข้อ ที่ทำให้หลายคนจดจำ ตนสนิทกับนายทักษิณ แต่ไม่ได้มาก อย่างมากก็เคยมากินก๋วยเตี๋ยวที่บ้านตน และก่อนเล่นการเมืองมาขอให้ตนสนับสนุน แต่ปรากฏว่าเขาเปลี่ยนไป ตนเลยต้องขึ้นมาสู้

นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค กับรื้อระบบราชการ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพียงแต่ทักษิณรื้อเพื่อพวกพ้องไม่ใช่เพื่อส่วนรวม แต่ชาวบ้านชื่นชม ความทรงจำต่อรากหญ้าจึงยังอยู่ไปได้อีกนาน แต่อิทธิพลน้อยลงแล้ว

นายทักษิณควรวางมือทางการเมืองเด็ดขาดได้แล้ว คิดผิดตั้งแต่วันแรกที่ไม่ยอมติดคุก การติดคุกไม่เสียหาย เพียงแต่ต้องยอมรับยอมอยู่กับปัจจุบัน

นายสนธิยังกล่าวถึงพรรคอนาคตใหม่ว่า จุดยืนของนายธนาธรในอดีตที่ทำนิตยสารฟ้าเดียวกัน ตนเชื่อว่าคนที่ร่วมกับพรรคนี้ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เห็นด้วยกับแนวคิดของนายธนาธร แต่ 90 เปอร์เซ็นต์ต้องการเพียงแสดงออก เป็นฐานเสียงคนรุ่นใหม่จริง แต่เกิดจากการอึดอัดใจในหลายเรื่อง ถ้ารัฐบาลยังทำอยู่อย่างนี้ คนก็จะร่วมกับพรรคนี้มากยิ่งขึ้น ซึ่งตนเชื่อว่านายทักษิณไม่ได้มีส่วนร่วมกับพรรคอนาคตใหม่

สิ่งที่เรียกร้องอย่างเรื่องงบทหาร นายธนาธรไม่ผิด แต่ต้องอธิบาย รู้ว่าเจตนาดี แต่การเสนอทำให้ดูก้าวร้าว แล้วทหารไทยธรรมดาที่ไหน เลยเกิดกระแสสวนกันไปมา

คำต่อคำ : คม ชัด ลึก (17 ก.ย. 2562)

[ช่วงที่ 1]

วรเทพ- สวัสดีครับคุณผู้ชม นี่คือ คม ชัด ลึก กับผม วรเทพ สุวัฒนพิมพ์ รายการที่คมในทุกคำถาม ชัดในทุกคำตอบ และลึกในทุกประเด็น กับแหล่งข่าวตัวจริงที่จะนั่งสนทนากับผมตรงนี้ ทุกค่ำคืนวันจันทร์ถึงศุกร์ ทางเนชั่นทีวี 22

คุณผู้ชมครับ นับตั้งแต่การเมืองบ้านเรามีการแบ่งพวก แบ่งฝ่าย จากปี 2544 จนมาถึงปีนี้ 2562 เรายังคงอยู่กับความขัดแย้ง เรายังคงอยู่กับวาทกรรมที่บอกว่าฝ่ายตรงข้ามไม่มีอะไรดีเลย วันนี้เราลองมาหาคำตอบกันครับว่าการเมืองในสายตาของบุคคลผู้นี้ยังคงเฮงซวย หรือเปลี่ยนแปลงแล้ว หรือไม่ ผมอยู่กับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล สวัสดีครับ

สนธิ- สวัสดีครับคุณวรเทพ

วรเทพ- ขออนุญาต ขอบพระคุณมากคุณสนธิ ที่สละเวลามาคมชัดลึกคืนนี้ คำถามแรกแบบคมชัดลึกเลย เขาบอกว่าคุณสนธิอยู่ในเรือนจำแบบวีไอพี สะดวกสบาย ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ต้องอยู่กับนักโทษปกติ จริงหรือไม่ อย่างไร

สนธิ- ไม่จริงเลยแม้แต่นิดเดียว ในเรือนจำนั้น ทุกคนใส่ขาสั้นกันหมด ใส่รองเท้าแตะกันหมด ทานอาหารหลวง นอกจากคุณไม่ทานอาหารหลวงแล้ว คุณสามารถจะสั่งอาหารจากร้านค้าได้ ตามลิสต์ที่เขาให้สั่ง ซึ่งทุกคนก็สั่งได้ เมื่อเข้ามาแล้วอาหารจะเข้ามาหลังจากที่คุณสั่ง 1 วัน

วรเทพ- สั่งวันนี้ ได้พรุ่งนี้

สนธิ- ได้พรุ่งนี้ เพราะฉะนั้นแล้วทุกคนใช้ชีวิตอย่างนี้เหมือนกันหมด ไม่มีอะไรวีไอพี นอนห้องขังเดียวกัน ลุกขึ้นมา นอนผ้าห่ม 3 ผืน ผืนหนึ่งปูที่นอน ผืนหนึ่งพับเป็นหมอน อีกผืนหนึ่งห่มร่างกาย เปิดห้อง 6 โมงครึ่ง ทุกคนก็เปิดห้องแล้วก็เดินลงมา แต่ละคนมีหน้าที่ไปทำ ผมอายุมากแล้ว เขายกเว้นไม่ให้ต้องออกกำลังกาย แต่ผมเดินรอบๆ สนาม จนกระทั่งถึงอาหารเช้าที่เขาเรียกไปทาน ก็เข้าไปในโรงอาหาร ไปทาน คือทานอาหารจากแผนกสูทกรรมของเรือนจำคลองเปรม ไม่มีอะไรแตกต่าง ออกไปไหนก็ออกไม่ได้ นอกจากจะต้องมีนัดหมอ หรือว่าไปทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ผมก็เลยถามว่า แล้วผมจะมีอภิสิทธิ์แบบวีไอพีได้อย่างไร

วรเทพ- เขาบอกคุณสนธินอนห้องแยก อยู่ห้องแอร์ มีทีวีดู สบาย สะดวก มีเตียง มีฟูก มีทุกอย่าง จริงไหม

สนธิ- ผมว่าคนที่พูดน่ะ สติแตกไปเรียบร้อยแล้ว ไม่เข้าใจ ห้องเหมือนกันหมดทุกคน ห้องที่ผมนอน แดน 7 ห้อง 6 มีคนนอนอยู่ 8 คน 8 คนนี่นอนแล้วมันติดกันเลยนะ คุณพลิกซ้ายก็ไม่ได้ เจอคน พลิกขวาก็ไม่ได้ เจอคน ห้องน้ำเล็กๆ ที่ไม่มีม่านปิด คุณเข้าไปนั่งปัสสาวะ อุจจาระ อาบน้ำ ทุกคนเห็นหมด เพราะฉะนั้นมันจะเป็นห้องวีไอพี ห้องเดี่ยว ห้องเล็กๆ ได้อย่างไร ผมไม่เคยเจอแอร์มาเป็นเวลา 2 ปี 11 เดือน กับ 27 วัน ผมออกไปวันที่ 4 ผมนอนที่ห้องของผม ปิดไฟมืดสนิท ผมนอนไม่หลับ เหตุผลเพราะว่านอนที่ห้องในเรือนจำนั้น เขาเปิดไฟตลอดเวลา เพราะฉะนั้นมันชินกับการที่ไฟต้องเปิด แล้วคุณต้องตื่นทุกๆ ชั่วโมง แล้วพอตกกลางคืน พอนอนแล้ว ความที่เจอแต่พัดลมตลอดเวลา ไม่เคยเจอแอร์ ปรากฏว่าไข้ขึ้น

เมื่อเดือนเมษายน ปี 2562 ที่คุณวรเทพ และพี่น้องประชาชนชาวไทยเจอคลื่นความร้อน ถ้าคุณคิดว่าคุณร้อนนะ ในคุกที่ผมอยู่น่ะ ร้อนนรก

วรเทพ- ข้างนอกว่าร้อนแล้ว

สนธิ- ข้างในร้อนอีกร้อยเท่า เพราะฉะนั้นแล้วผมจะอยู่ห้องวีไอพี มีแอร์ได้อย่างไร คุณไม่ต้องกังวล ถ้าอยู่เช่นนั้นจริงนะ ผู้บัญชาการเรือนจำถูกย้ายไปแน่นอน ปกติทุกอย่าง แต่ทุกคนมองว่าความที่เป็นสนธิ ลิ้มทองกุล มันโชคร้าย นัดหมอ หมอนัดออกมาเพื่อตรวจสมอง ที่ผมโดนยิงเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 ยังมีเศษกระสุนเหลืออยู่ 2 ชิ้น ผมเป็นคนคนเดียวในนักโทษ 7 พันคน ที่เรือนจำคลองเปรม ที่ออกไปเมื่อไร พร้อมกับผู้คุมที่คุมผมไป 2 คน ผู้คุมจะต้องรายงานทันที ออกมาแล้วนะครับ ไปถึงโรงพยาบาลตำรวจ พอถึงแล้วต้องรายงานว่าถึงแล้วนะครับ พอหมอเข้ามาตรวจ หมอเข้ามาตรวจแล้วนะครับ พอตรวจเสร็จ ก็แจ้งอีกว่าตรวจเสร็จแล้วนะครับ แล้วก็ส่งกลับ กลับมาแล้วนะครับ ผมก็ถามว่าทำอย่างนี้กับนักโทษทุกคนหรือเปล่า เขาบอกว่าเฉพาะคุณสนธิ ลิ้มทองกุล

วรเทพ- เพราะอะไรรู้ไหมครับ

สนธิ- ผมไม่ทราบจริงๆ และก็มีข่าวคราวตลอดเวลาว่าผมอยู่ในคุกตอนแรกๆ ผมพยายามที่จะปลุกปั่น แอบใช้โทรศัพท์ในแดน 7

วรเทพ- นี่คุณสนธิชิงตอบผมก่อนนะ

สนธิ- คำถามมันต้องตามมาแน่นอน โทรศัพท์แดน 7 หาว่าผมโทรศัพท์มาปลุกปั่น เขาสงสัยว่าผมอยู่ที่ไหนก็ต้องปลุกปั่น

วรเทพ- จะไปก่อม็อบในนั้น

สนธิ- ในนั้น ปรากฏว่าเขาส่งหน่วยจู่โจมพิเศษไปตรวจผม ตรวจล็อกเกอร์ผม เช็กตัวผม 4 ครั้งเต็มๆ จนกระทั่งหัวหน้าแดน 7 ชื่อคุณศิริมาตย์ ผมจำได้ ท่านเดินไปบอกผู้บัญชาการเรือนจำ ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ คือท่านธวัชชัย ชัยวัฒน์ บอกว่า ท่าน ผบก.ครับ ผมเอาหัวเป็นประกัน ไม่มีโทรศัพท์อยู่ในแดน คุณสนธิไม่ได้ใช้โทรศัพท์ แต่สืบไปสืบมาปรากฏว่าทางการเมืองข้างนอกเขาแจ้งมาว่าผมมีการใช้โทรศัพท์ คือพูดง่ายๆ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า harassment ก่อกวน อยู่ไม่สุข

วรเทพ- คือให้เราอยู่ในนั้น ก็อยู่ไม่เป็นสุข

สนธิ- อยู่ไม่เป็นสุข แล้วออกไปโรงพยาบาลก็มีการรายงานตลอดเวลา ทั้งๆ ที่คนออกไปเยอะแยะเต็มไปหมด นักโทษ 7 พันคน มีผมคนเดียวเท่านั้นเอง

วรเทพ- คำถามถัดไป จำเป็นที่จะต้องถาม การสั่งขัง หรือไม่สั่งขัง การลงโทษ หรือไม่ลงโทษ ผมถามอย่างนี้เลยนะครับ

สนธิ- ได้ๆๆ

วรเทพ- เป็นใบสั่งทางการเมืองได้ไหม

สนธิ- ถ้าคุณหมายถึงการปล่อยตัวผมนะ สั่งไม่ได้ เพราะว่าโทษมันชัดเจน โทษมัน 20 ปี บวกอีก 8 เดือน กรณีชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล

วรเทพ- อันนี้คือตอนปล่อย แต่ตอนเข้าเป็นใบสั่งทางการเมืองได้ไหม ไม่เฉพาะคุณสนธิ ใครก็ได้

สนธิ- ผมคิดว่า ผมพูดกลางๆ ดีกว่า ผมคิดว่าท่านผู้พิพากษานี่ คงสั่งท่านยาก แต่ว่าในบรรยากาศของบางครั้ง ความเป็นเผด็จการ อำนาจเผด็จการมันเหนืออำนาจศาล มันก็มีความเป็นไปได้ แต่ผมไม่สามารถจะพิสูจน์ได้

วรเทพ- คุณสนธิกำลังบอกว่า อาจจะเป็นได้ในบางยุคบางสมัย

สนธิ- ถูกต้องครับ

วรเทพ- แล้วคุณสนธิ ในยุคของประชาธิปไตยเต็มใบ ไม่สามารถมีอำนาจเหนือศาลได้หรือครับ

สนธิ- ผมคิดว่าลำบากนะ ลำบากมาก

วรเทพ- คุณสนธิเป็นคนเขียนเองนะ คุณสนธิเป็นคนเปิดเผยเอง อันนี้ผมขออนุญาตนะ ข้ามไปเลยว่า คุณสนธิบอกว่า ถ้าคุณทักษิณคิดตัดสินใจกลับมาติดคุกในขณะที่น้องสาวตัวเองเป็นรัฐบาล ป่านนี้ออกแล้ว การเป็นรัฐบาลสามารถช่วยอะไรได้เยอะ นี่คือคำถาม

สนธิ- โดยหลักการแล้ว โทษของคุณทักษิณแค่ 2 ปี โทษ 2 ปีนี่ คุณติดคุกแค่ปีเดียว คุณสามารถจะทำเรื่องพักโทษได้ทันที และสามารถออกได้ทันที

วรเทพ- อันนี้เทคนิค ทุกคนมีสิทธิ

สนธิ- แน่นอน ตามกติกา เพราะฉะนั้นผมถึงบอกว่า ถ้าเขากลับมาติดคุก 1 ปี ออกได้แน่นอน และผมคิดว่าถ้าเขาติดแค่ 6 เดือน แค่ 6 เดือนแล้วเขายื่นหนังสือถวายฎีกาส่วนบุคคลให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำนึกผิด และขอให้พระองค์ท่านพระราชทานอภัยโทษ รัชกาลที่ ๙ ผมเชื่อว่าด้วยพระเมตตาที่พระองค์ท่านมี พระองค์ท่านปล่อยตัวคุณทักษิณ

วรเทพ- ในยุคนั้นนะ?

สนธิ- ในยุคนั้น

วรเทพ- เอาล่ะ กลับเข้ามา คุณสนธิบอกว่า ถ้าอย่างนั้นตอบแบบกลางๆ ใบสั่งทางการเมืองสั่งให้ติดคุก คงยาก อาจจะเป็นไปได้ในบางยุคบางสมัย

สนธิ- ถูกต้องครับ

วรเทพ- เราไม่ก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรมนะครับ คำถามต่อมา คนมีเงินติดคุกสบายกว่าคนจน จริงไหม

สนธิ- ไม่จริงครับ เพราะว่ากฎกติกาของเรือนจำค่อนข้างชัดเจน แต่อาจจะมีการแอบทำกัน เป็นส่วนตัวของผู้คุม สมมติมีผู้คุมคนหนึ่งอยู่ที่แดนของคุณ แล้วคุณสนิทสนมกับเขา และถ้าคุณให้ผลประโยชน์เขา เขาก็อาจจะหิ้วของเข้ามาให้คุณได้ อันนี้มีความเป็นไปได้ แต่ว่าไม่ใช่ทุกคน มีเป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ยังยึดถือระเบียบเหมือนเดิม คนหมู่มาก ไม่ว่าจะเป็นราชทัณฑ์ หรือทุกวงการ มีทั้งคนดีและคนเลว คนเลวมีครับ แต่น้อย คนดีที่กรมราชทัณฑ์มีมากกว่า

วรเทพ- ความเกรงอกเกรงใจเป็นพิเศษต่อใครบางคน มีไหม

สนธิ- มี เขาเกรงใจผมมาก เขาเรียกผมว่าอาจารย์

วรเทพ- ผมได้ข่าวคุณสนธิเป็นครูในนั้น

สนธิ- เป็นครู เป็นผู้ช่วย เป็นผู้ช่วยผู้คุมซึ่งถูกตั้งเป็นครู ผมเลยกลายเป็นผู้ช่วยครู ไปไหนมาไหน คุณ พันธมิตรฯ นี่เยอะ คนรู้จักผมมีมากมาย คนเกลียดผมก็ไม่น้อยในคุก ที่เป็นผู้คุม ที่เป็นพวกเสื้อแดง แต่เขาก็พูดกับผมดี เขาให้เกียรติผมตรงที่ผมอายุมาก และผมมีความรู้ หลายต่อหลายครั้งเขาจะแวะมาหาผม เขาจะถามความรู้ผม อาจารย์ เรื่องนี้อาจารย์มีความคิดเห็นว่าอย่างไร ผมก็เล่าให้เขาฟังเป็นฉากๆๆ ไป เพราะฉะนั้นผมว่าเขาเคารพในเรื่องของคนที่มีอายุมาก และมีความรู้ และเขาสามารถเรียนรู้ได้จากผม คุณวรเทพ แต่ไม่ใช่ว่าความเกรงใจที่เขามีต่อผมจะทำให้ผมฮึกเหิม หรือผมขอให้เขาทำอะไรที่ผิดระเบียบ ผมไม่ใช่คนอย่างนั้น

วรเทพ- 2 ปี 11 เดือน 27 วัน คุณสนธิอยู่ข้างใน คิดถึงเรื่องการเมืองไหม

สนธิ- จิตใจผมไม่ได้ถูกกักขังนะ คุณวรเทพ ร่างกายผมถูกกักขัง ผมมักจะคิดถึงเรื่องต่อเรื่อง หลายเรื่อง แล้วสร้างจินตนาการไปเรื่อยๆ แต่ที่แน่ๆ คือพอผมดูข่าวโทรทัศน์ ซึ่งสมัยที่เขายังให้ดูข่าวอยู่ ไม่ใช่มาให้ดูโมโน 29 ตอนนี้นะ

วรเทพ- คือตอนแรกให้ดูได้?

สนธิ- ให้ดูได้ ตอนหลังให้ยกเลิก ผมดูการเมืองแล้ว พูดกับคุณตรงๆ ผมดูแล้วผมก็ปิดทีวี บอกเด็ก เฮ้ยอยากจะดูช่องอะไรก็ดู ผมขอนอน เหตุผลเพราะว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย คุณวรเทพ เหมือนกันทุกประการ เป็นเพียงแต่ว่า ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมองมันในมิติไหน ถ้าคุณมองมันในมิติที่คุณมโน คุณก็เพ้อเจ้อไปแล้ว เหมือนอย่างทุกวันนี้มีคนเพ้อเจ้อเยอะมาก แต่ถ้าคุณมองในมิติแห่งความเป็นจริง คุณจะเข้าใจเลยว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว กรอบยังเหมือนเดิม สาระยังเหมือนเดิม ความเละเทะยังเหมือนเดิม ความเหลวไหลยังเหมือนเดิม เป็นเพียงแต่เปลี่ยนผู้เปลี่ยนคน เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตา เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนเสียง

วรเทพ- ถ้าคุณสนธิไม่ได้ใช้ชีวิต 2 ปี 11 เดือน 27 วัน คุณสนธิจะตกผลึกแบบนี้ไหมครับ

สนธิ- คงไม่ ผมถือว่าวันนี้ก็เป็นโชคดีของผม ที่ผมอยู่ในคุก 2 ปี 11 เดือน 27 วัน ใครก็ตามที่วางแผน (ผมคิดนะ) ใครก็ตามที่วางแผนเอาผมเข้าคุก ผมต้องกราบขอบพระคุณ เพราะว่าผมจิตใจสงบ ผมนิ่ง และผมสามารถมองย้อนหลัง และผมก็มองย้อนหลังไปในอดีตที่ผมทำงานมา ตั้งแต่ปี 2548 ผมเห็นข้อผิดพลาดของผมหลายๆ ประการ แล้วผมก็ถามตัวผมเองว่า ผิดพลาดแบบนี้ ถ้าเริ่มใหม่จะทำแบบนี้ไหม ผมก็คงไม่ทำ แต่คำตอบสุดท้ายของผมก็คือว่า ผมคงไม่ทำอีกแล้ว เพราะว่าผมอายุมากแล้ว พอกันที

วรเทพ- เดี๋ยวเราจะได้คุยกันในเรื่องพวกนี้นะครับ ช่วงแรกที่ผ่านไป ผมถามให้รู้ก่อนว่า 2 ปี 11 เดือน 27 วัน สนธิ ลิ้มทองกุล ทำอะไร คิดอะไร เดี๋ยวกลับเข้ามา มีหลายๆ ประเด็นที่คุณสนธิทิ้งเอาไว้ในประเด็นช่วงแรก ผมจะเอามาถามประเด็นช่วงที่ 2 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเมือง อย่าไปไหนครับ

[ช่วงที่ 2]

วรเทพ- กลับมาคม ชัด ลึก ผมยังอยู่กับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และเรายังมีเรื่องสนทนากันอีกมากมายครับ คุณสนธิครับ จากช่วงแรกคุณสนธิพูดคำหนึ่งซึ่งผมรู้สึกสะกิดใจทันที คุณสนธิบอกว่า ถ้ามันเจตนาหรือเป็นการกระทำของใครก็ตาม ที่เอาคุณเข้าไปไว้ในนั้น มันก็เลยกลายเป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้คุณได้ตกผลึก อะไรที่เป็นสาเหตุที่เอาคุณเข้าไปครับ

สนธิ- ผมโดนคดีพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ หลักการเรื่องง่ายๆ ก็คือว่า ผมไปเอาบริษัทที่ผมบริหารอยู่ คือบริษัทหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทมหาชน อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ไปค้ำประกันบริษัทเอ็มกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอีกบริษัทหนึ่งอยู่ข้างนอก ในช่วงนั้นเป็นช่วงเวลา พ.ศ. 2540

วรเทพ- วิกฤตเศรษฐกิจ

สนธิ- วิกฤตเศรษฐกิจ ทุกคนทำกันหมด แบบนี้ แต่เผอิญทาง ก.ล.ต. ท่านจะด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่ทราบ ท่านก็ดำเนินคดีทุกคน รวมทั้งผมด้วย ทุกท่านถูกปรับคนละ 5 แสน แล้วจบไป มีผมคนเดียวที่ไม่ถูกปรับ 5 แสน เพราะกฎหมายระบุว่า ปรับหรือจำ หรือทั้งปรับทั้งจำ เขาตัดสินใจส่งเรื่องของผมไปดำเนินคดี คือไปค้ำประกันบริษัทเอ็มกรุ๊ป ซึ่งมีอาคารอยู่ที่ริมถนนพหลโยธิน เป็นอาคารปูนซิเมนต์เก่า 14 ชั้น ค้ำประกัน พร้อมกับมูลค่าหุ้นต่างๆ เกินมูลค่าเงินกู้ 1,500 ล้านบาท เพราะฉะนั้นแล้ว คดีนี้เมื่ออัยการสั่งฟ้องปั๊บ มันก็สู้คดีกันต่อมา ผมไม่สู้ เพราะผมรู้ว่าผมผิด เพราะผมไปค้ำประกันจริง แต่ผมก็ไม่มีสิทธิที่จะไปอ้าง ไม่มีสิทธิเลย ว่าเหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจตอนนั้นทำให้ผมต้องทำเช่นนี้ และทุกคนก็ทำ แต่จริงๆ ผมโดนอยู่คนเดียว คุณไปเช็กประวัติย้อนหลังได้ เพราะฉะนั้น เมื่อเขาฟ้องไปเรียบร้อยแล้ว ผมก็สู้ แต่ผมก็ยอมรับสารภาพผิด แต่ผมสารภาพผิดในประเด็นที่ว่าผมค้ำประกันเงินกู้ ยอด 1,500 ล้านบาท เพียง 1 กรรม แต่ศาลท่านพิจารณาแล้วท่านบอกว่าไม่ใช่ บริษัทที่ผมไปค้ำประกันมันเบิกเงินกู้ไป 1 ครั้ง ก็ 1 กรรม

วรเทพ- เรียงกระทง

สนธิ- เรียงกระทงไป โทษออกมาที่สุดคือ 85 ปี

วรเทพ- อะไรที่ทำให้คุณโดน 85 ปี ถ้าคุณสนธิบอกว่า ถ้าจะมีคนเจตนาเอาคุณเข้าไป การเมืองมากกว่า หรือเศรษฐกิจมากกว่า

สนธิ- เอาอย่างนี้ดีกว่า มีอะไรที่มันไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ผมไม่โดนปรับ เพราะถ้าผมโดนปรับ 5 แสนบาท เรื่องก็จบไป

วรเทพ- เพราะฉะนั้นคำตอบของคุณคือการเมือง

สนธิ- การเมืองครับ

วรเทพ- ยืนยัน ถ้าจะมีใครเอาคุณเข้าไป ก็เพราะการเมืองอย่างเดียว?

สนธิ- เขาก็ทำได้ระดับหนึ่งนะครับ ทำได้ระดับหนึ่ง ระดับตำรวจ ระดับอัยการ แต่ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของศาล เพราะว่าคำพิพากษาของศาลแต่ละศาลนั้น บางครั้งมันไม่มีมาตรฐานเดียวกัน บางกรณีผมไปเจอคนในแดน 7 นักโทษฆ่าคนตาย ฆ่าชู้ตาย และอดีตเป็นการ์ดพันธมิตรฯ เข้ามาไหว้ผม เป็นทหารเก่า ผมก็ว่า คุณโดนเรื่องอะไร เขาเป็นอดีตทหารที่เชียงราย เขาไปฆ่าคนๆ หนึ่งกับชู้ ปรากฏว่าศาลพิพากษาตลอดชีวิต เขาก็บอกว่า เขารับราชการมาเป็นทหาร ทำคุณงามความดีให้กับชาติบ้านเมือง ขอให้ลดโทษให้เขาเหมือนกัน ศาลท่านก็พูดชัดเจนว่า ระหว่างที่คุณไปฆ่าคน กับคุณงามความดีที่คุณทำ มันคนละเรื่อง แต่ในขณะเดียวกันที่แดน 7 ก็มีอีกคนหนึ่ง โดนคดีเหมือนกัน ฆ่าชู้เหมือนกัน แต่ว่าศาลอีกศาลหนึ่งท่านบอกว่า เห็นแก่ว่าคุณงามความดีที่ทำมา ก็เลยลดโทษให้เหลือ 50 ปี มันก็เลยไม่รู้จะไปยึดอะไรตรงไหน

วรเทพ- เอาล่ะ ถ้าคิดว่าการเมืองเป็นไปได้ ที่ส่งคุณเข้าไป แล้วไปเจอใครทางการเมืองในนั้นบ้างไหมครับ

สนธิ- เยอะแยะ มาก แต่ว่าบางคนผมขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อ รัฐมนตรีก็เจอ

วรเทพ- รัฐมนตรีนี่ไม่ต้องเอ่ยชื่อก็รู้แล้วล่ะ

สนธิ- รัฐมนตรีช่วย ผมก็เจอ คนนี้เอ่ยชื่อได้ เขาไม่ขัดข้อง อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย คุณวิโรจน์ นวลแข นอนห้องเดียวกันด้วย

วรเทพ- อยู่ห้องเดียวกันเลย?

สนธิ- นอนห้องเดียวกัน ปี 59 เดือนกันยายน

วรเทพ- คุณสนธิรู้ใช่ไหมครับว่าคุณวิโรจน์โดนคดีอะไร

สนธิ- ผมทราบ แต่ผมจะเรียนให้ทราบว่า คุณวิโรจน์ขมขื่นใจมาก ยอมรับในคำตัดสินของศาล แต่ท่านไม่เห็นด้วย

วรเทพ- 18 ปี

สนธิ- 18 ปี ท่านไม่เห็นด้วย และผมก็เจอคุณสุชาย เชาว์วิศิษฐ น้องชายคุณสุชาติ เชาว์วิศิษฐ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว คุณสุชาย เชาว์วิศิษฐ ก็นอนข้างๆ ผมเช่นเดียวกัน ห้องหมายเลข 6 แดน 7 ผมก็คุยกับพี่สุชาย คุยกันนาน ผมก็ถาม พี่สุชาย ถามจริงๆ เถอะ ถามจริงๆ ก่อนที่เขาจะได้รับการพักโทษ ถามจริงๆ เถอะ ใครคือบิ๊กบอส

วรเทพ- ในคดีกรุงไทย

สนธิ- ในคดีกรุงไทย คุณสุชายบอก สนธิ ผมจะบอกให้

วรเทพ- ไม่ใช่บอกว่า กูพูดไม่ได้ นะ

สนธิ- ไม่ๆ ผมจะบอกให้ ผมไม่ปิดหรอก บิ๊กบอสที่ผมพูดถึงเนี่ย คืออดีตพลเอกคนหนึ่ง ผมบอก ชื่อนี้ใช่ไหม อย่าให้ผมเอ่ยชื่อดีกว่า เขาพูดอย่างนี้ แล้วทำไมอดีตพลเอกคนนี้เขาถึงมาสั่งให้พี่สุชายดำเนินการปล่อยเงินกู้ไปแบบนี้ เขาพูดต่อว่า อาจจะได้รับใบสั่งมาจากเมืองนอก พูดแค่นี้ เพราะฉะนั้นแล้ว คุณวิโรจน์แกขมขื่นหลายเรื่อง แกถือว่าแกทำทุกอย่างถูกต้อง และที่ดินของกฤษดามหานครที่เอามาค้ำประกัน มีมูลค่าเกินหนี้ แล้วขายทิ้งไปราคา 7 พันกว่าล้านบาท เท่ากับว่าแบงก์ไม่ได้มีอะไรเสียหาย แต่แกช้ำใจที่แม้กระทั่งเด็กผู้หญิงที่ถ่ายเอกสารในการปล่อยกู้ครั้งนี้ ก็ติดคุกด้วย เพราะฉะนั้นแล้วแกก็เห็นชัดเจนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องการเมืองมาแรง ตอนนั้น ยังไงเขาก็ต้องพยายามโยงเข้าไปหาคนที่อยู่ทางไกล

วรเทพ- นั่นหมายความว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง

สนธิ- ครับ

วรเทพ- แต่วิธีการที่จะเอาความผิดนั้นมันขยายไปเกินกว่าที่จะคิดได้ นี่คือตัวอย่างที่คุณสนธิไปเจอในนั้น ยังมีใครอีกไหมครับ คุณจตุพรบอกว่าเจอคุณสนธิ แต่คุณสนธิบอกแล้วว่าเจอกันเฉพาะเวลาไปศาลเท่านั้น

สนธิ- เจอกันที่ศาล คุณจตุพรนี่ระหว่างที่เจอกันมันไม่มีเสื้อแดง-เสื้อเหลืองนะ

วรเทพ- เปลี่ยนไหม เอาอย่างแรกก่อน เปลี่ยนแปลงไหม

สนธิ- แกค่อนข้างที่จะนิ่งกว่าเก่า และแกไม่ก้าวร้าวเหมือนเดิม ไปๆ มาๆ พอติดคุกแล้วกลายเป็นคนมีเหตุผลไปหมดเลย

วรเทพ- ตกผลึกได้ ผมเคยนั่งสนทนากับคุณจตุพรตรงนี้ เขาบอกเลยว่าเขาตกผลึกเรียบร้อยแล้ว

สนธิ- ถูกต้องครับ ผมก็บอกคุณจตุพรไปชัดเจน ผมเคยพูดไปแล้ว ผมบอก ตู่ ผมกับเขารู้จักกันมานานพอสมควร ตั้งแต่สมัยเขาเป็นผู้นำนักศึกษา 2535 แล้วตอนผมประท้วงคุณทักษิณ เขาก็รับงานคุณทักษิณมา เพื่อมาชนกับผม เอาม็อบชนม็อบ ผมบอก ตู่ ถ้าพวกคุณก้าวข้ามทักษิณ และก้าวข้ามข้อกล่าวหา ตลอดจนข้อสงสัยว่ากลุ่มพวกคุณมีคนแฝงเอาไว้ที่มีเจตนาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ อะไรที่คุณสู้ ในพื้นที่ ในท้องที่ ไม่ว่าจะเป็นการกระจายอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายช่วยเหลือคนจน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายเกษตร คุณกับผมไม่ต่างกันเลยนะ แม้แต่นิดเดียว ต่างกันอยู่เรื่องตรงนี้แค่นี้เอง เท่านั้นเอง เขาบอก ผมยอมรับครับพี่ ผบอกไม่เป็นไร ผมเล่าให้คุณฟังเท่านั้นเอง ว่าจริงๆ คุณกับผมสู้ในทิศทางเดียวกัน แต่คุณกับผมต่างกันแค่ 2 เรื่องตรงนี้

วรเทพ- นี่คือจตุพร?

สนธิ- นี่คือจตุพรพูด

วรเทพ- เอาล่ะ แล้วถ้าวันนี้ สายตาของสนธิ ณ วันนี้ 17 กันยายน 62 ผมจะขอถามคำถามนี้ก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยวกกลับมานะครับ ฝั่งของคุณทักษิณ ก้าวข้ามคุณทักษิณ และไม่ทำแบบที่คุณสนธิว่า ทุกคนแล้วหรือยัง

สนธิ- ยัง ผมยังมองเห็นว่าคุณทักษิณยังมีอิทธิพลอยู่ เหตุผลก็เพราะว่าหลายๆ คนที่อยู่ฝั่งคุณทักษิณ ยังต้องพึ่งบารมีคุณทักษิณในการหาเสียง

วรเทพ- นี่เอาแบบตรงไปตรงมา

สนธิ- ตรงไปตรงมาครับ ยังพึ่งบารมีอยู่ เพราะฉะนั้น คุณทักษิณ จะดีจะชั่ว คุณต้องยอมรับ ข้อดีเขามีหลายข้อ และเป็นที่จดจำของประชาชน

วรเทพ- ครั้งหนึ่งคุณสนธิเคยสนิทกับเขาพอสมควรด้วย?

สนธิ- ก็สนิทในลักษณะหนึ่ง แต่ไม่เชิงสนิทแบบสนิทๆ

วรเทพ- เคยเห็นเขาเลี้ยงลูกน้องไหม

สนธิ- ผมไม่เคย ผมสนิทกับเขาอย่างมากก็แค่กินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันที่บ้านผม วันที่เขาจะลงเลือกตั้ง ลงสมัครรับเลือกตั้ง เล่นการเมือง เขามาหาผม และเขาบอก คุณสนธิ ผมอยากจะเล่นการเมือง อยากให้สนับสนุนผมนิดหนึ่ง ผมบอกว่า คุณรวยแล้ว ถ้าคุณตัดสินใจเล่นการเมือง ผมดีใจด้วยถ้าคุณจะทำ แต่กาลปรากฏว่าต่อไปในอนาคตอีก 2-3 ปี เขาเปลี่ยนไปหมด ผมก็เลยต้องลุกขึ้นมาสู้เขา แต่เอาล่ะ ผมคิดว่า 30 บาทรักษาทุกโรค ผมเชื่อว่าใช้ได้

วรเทพ- สิ่งดีๆ ที่ทิ้งเอาไว้

สนธิ- การที่เขาพยายามที่จะรื้อระบบราชการ ไม่ให้มีพลานุภาพ หรือไม่เป็นรัฐราชการ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นเพียงแต่ว่า เขารื้อเพื่อตัวเขาเอง ครอบครัวเขา และพวกพ้องเขา เขาไม่ได้รื้อเพื่อส่วนรวม เพราะฉะนั้นแล้วผมก็เลยคิดว่า แต่ชาวบ้านไม่สนใจ ชาวบ้านมีความรู้สึกว่าเป็นครั้งแรกที่ตัวเองไม่สบายแล้วไปโรงพยาบาลแล้วได้ 30 บาทรักษาทุกโรค ทุกคนก็จำหมดว่าเป็นฝีมือทักษิณ ด้วยเหตุนี้ความทรงจำของทักษิณที่มีอยู่ต่อรากหญ้า ก็จะอยู่ต่อไปอีกนาน ทำให้พรรคเพื่อไทย หรือพรรคใดก็ตามที่เป็นนอมินีของทักษิณเข้ามา แต่ถ้าถามอิทธิพลของเขาน้อยลงไหม ผมตอบได้ว่าน้อยลง แต่ยังต้องพึ่งบารมีอยู่

วรเทพ- 2 ปี 11 เดือน 27 วัน ยังคิดไหมว่าคุณทักษิณเป็นศัตรูประเทศชาติ

สนธิ- ผมคิดว่าคุณทักษิณน่าที่จะคิดของตัวเองออกได้แล้วว่าชีวิตน่าจะจบได้แล้ว อยู่เฉยๆ

วรเทพ- หมายถึงวางมือทางการเมือง

สนธิ- วางมือเด็ดขาด เขาคิดผิดตั้งแต่วันแรกที่เขาไม่ยอมติดคุก เขาไปยึดถือศักดิ์ศรีบ้าๆ บอๆ ของเขาว่าตระกูลชินวัตรจะติดคุกไม่ได้ เพราะฉะนั้น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ติดคุกไม่ได้ แม้กระทั่งยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่โดนโทษ 7 ปี ถ้าเขาโดนโทษ 7 ปี เขาเข้า ผมพนันกับคุณได้ไม่เกิน 3 ปี เขาก็ออก การติดคุกไม่ได้เสียหายอะไรทั้งสิ้น อยู่ได้ ถ้ามีนักโทษ 360,000 คน เขาอยู่ได้ ทำไมคุณจะอยู่ไม่ได้ เพียงแต่ว่าคุณต้องเข้าไป และคุณต้องยอมรับข้อแรกก่อน คุณต้องอยู่กับปัจจุบัน ปัจจุบันบอกว่า เฮ้ย นี่มันคุกนะ คุณเป็นนักโทษนะ ถ้าคุณยอมรับว่านี่เป็นคุก และนี่เป็นนักโทษ คุณก็จะทำใจได้ คุณก็จะยอมรับระเบียบกติกาหลายๆ อย่าง เพราะฉะนั้นคุณทักษิณพลาดตั้งแต่แรก ที่เอาศักดิ์ศรีบ้าๆ บอๆ มาครอบหัวแก แล้วแกก็ต้องหนีกระเซอะกระเซิงจนถึงวันนี้

วรเทพ- นี่คือสถานะ แต่ถ้าสนธิ ลิ้มทองกุล ก่อนที่จะจบเรื่องที่สอง จนวินาทีนี้ ทักษิณยังคงมีศักยภาพหรือยังคงเป็นผลลบต่อประเทศต่อไหม

สนธิ- เขายังไม่มีศักยภาพโดยตรง แต่เขามีเครือข่ายของเขา เครือข่ายของเขาที่แตกออกมาในหลายๆ รูปพรรค รูปพรรคการเมืองที่เป็นพรรคใหญ่ รูปพรรคการเมืองใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น

วรเทพ- นั่นแปลว่าไม่ได้เปลี่ยนไปเลย

สนธิ- ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ความคิดยังเหมือนเดิม

วรเทพ- ยังเหมือนเดิมทุกประการ

สนธิ- ยังเหมือนเดิมทุกประการ

วรเทพ- เอาล่ะครับ นี่คือช่วงที่สองนะครับ ผมกำลังจะเริ่มเข้าสู่การเมืองที่ 2 ปี 11 เดือน 27 วัน ที่ไม่ได้อยู่ในโลกของคนปกติ มองอย่างไร แต่ชัดเจนอย่างหนึ่งนะครับ มันไม่เคยเปลี่ยน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณสนธิใช้คำว่าระยำตำบอนเหมือนเดิมด้วย เดี๋ยวช่วงหน้ากลับมาเจอกันครับ

[ช่วงที่ 3]

วรเทพ- กลับเข้ามาคม ชัด ลึก นะครับ เวลาผ่านไปเร็วมาก ผมเชื่อว่าคุณผู้ชมยังไม่ได้ลุกไปไหนสำหรับคืนนี้ ผมยังอยู่กับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล คุณสนธิครับ ถ้าเราจะบอก หรือถ้าคุณสนธิจะบอกว่า ณ วันนี้ สถานการณ์การเมืองที่บงการบางส่วนโดยคุณทักษิณ ยังไม่ได้เปลี่ยนไปเลย พรรคอนาคตใหม่ถือเป็นพรรคที่บงการโดยคุณทักษิณไหม

สนธิ- ผมมองอย่างนี้ครับ ผมมองว่าแนวนโยบายของหัวหน้าพรรค คุณธนาธร โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดยืนของคุณธนาธรในอดีตที่มีต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการนิตยสารฟ้าเดียวกัน ซึ่งมีความหมิ่นเหม่มากต่อการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือแนวความคิดของคุณธนาธรที่ออกมาใหม่ๆ ช่วงหลังๆ ผมไม่อยากจะพูดบอกว่าเป็นแนวคิดคุณทักษิณ ผมอยากพูดว่าเป็นแนวความคิดของคนรุ่นใหม่ รุ่นคุณธนาธร แต่คนรุ่นใหม่นี่ต้องแบ่ง ผมเคยพูดมาว่า พรรคอนาคตใหม่นี้ ถ้ามีคนอยู่ 100 คน เข้ามาร่วมพรรคอนาคตใหม่ ผมเชื่อว่าจะมีอยู่ 10 คน ที่ต้องการร่วมกับคุณธนาธร ทั้งจิตวิญญาณและอุดมการณ์

วรเทพ- คิดเหมือนกันเลย พูดง่ายๆ

สนธิ- แต่อีก 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นคนที่อึดอัดใจกับสถานการณ์บ้านเมือง อึดอัดใจกับสิ่งแวดล้อม ถูก คสช.กดดันในเรื่องของนโยบาย คนพวกนี้ไม่รู้จักคุณธนาธร แต่มีความรู้สึกว่าพรรคอนาคตใหม่พูดอะไรมันโดนใจ

วรเทพ- เป็นช่องให้ตัวเองได้

สนธิ- เป็นช่องให้ตัวเองได้แสดงออกมา เพราะฉะนั้นแล้วผมก็เลยคิดว่า จริงๆ แล้วพรรคอนาคตใหม่ ฐานเสียงอาจจะเป็นคนรุ่นใหม่จริง แต่เป็นคนรุ่นใหม่ที่เกิดอึดอัดหลายๆ เรื่อง ทีนี้ถ้าพวกคุณ หรือรัฐบาล หรือใครก็ตาม ยังคงสร้างความอึดอัดอย่างนี้ต่อไปอีก ปริมาณที่จะเข้าร่วมพรรคอนาคตใหม่ก็จะเพิ่มมากขึ้นๆ

วรเทพ- เพราะฉะนั้นคำว่าคุณทักษิณบงการอนาคตใหม่ได้ อาจจะไม่ใช่อย่างนั้น

สนธิ- บาง บางมาก

วรเทพ- แทบจะไม่แตะกันเลย

สนธิ- ไม่แตะกันเลย แต่ว่าบางมาก ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ เหมือนอย่างกรณีของคุณธนาธร หรือพรรคอนาคตใหม่ ที่พูดถึงเรื่องงบประมาณทหาร จริงๆ เขาพูดไม่ผิด แต่วิธีเสนอของเขาผิด คือวิธีเสนอของเขา เขาต้องพยายามอธิบาย ชีวิตผมออกมา ตั้งแต่วันที่ 4 จนถึงวันนี้ เวลาผมมีโอกาสออกสื่อมวลชน ผมจะพยายามอธิบายความ ว่าทำไมต้องเป็นอย่างนี้

วรเทพ- จะไม่ใช่สนธิเมื่อปี 48 แล้ว

สนธิ- ไม่ใช่แล้ว

วรเทพ- เอามัน เอามันออก

สนธิ- ไม่ใช่ เห็นอีกมิติหนึ่งของฝ่ายตรงข้ามว่าทำไมเขาทำเช่นนั้น แล้วพยายามทำความเข้าใจกับมัน เพราะฉะนั้นผมมองว่า เรื่องทหารเขามีเจตนาดี แต่เจตนาของเขาไปถูกวิธีนำเสนอ ทำให้เขาดูก้าวร้าว ทำให้ดูว่าเขาเป็นศัตรูกับทหาร และทำให้ดูว่าถ้าเขาถล่มทหารได้ เขาถล่ม ทีนี้เป็นปฏิกิริยาธรรมดา ทหารไทยเราธรรมดาที่ไหน ไม่ยอมให้ใครมาว่าอย่างนี้ มันก็เลยเกิดกระแสสวนทางกันไปสวนทางกันมา ทั้งๆ ที่ประเด็นของการที่ลดเงินซื้ออาวุธ เป็นประเด็นที่มีเหตุผล ประเด็นหลักก็คือว่า เราจะไปรบกับใคร อธิบายให้ผมฟังหน่อยได้ไหม เพราะฉะนั้นแล้ว ประเด็นของงบประมาณต่างๆ ที่พิเศษออกมา มีเหตุมีผล น่าจะเอามาถกเถียงกัน ด้วยวิธีการที่ไม่ใช่การนำเสนอแบบที่กลุ่มพรรคอนาคตใหม่ หรือกลุ่มคุณธนาธร ลุกขึ้นมาแล้วก็ตะโกนบอก ต้องลด ต้องล้มมัน อันนี้คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด

วรเทพ- คุณสนธิโกรธเคืองอะไรคุณประยุทธ์หรือเปล่า ถึงได้ดูเหมือนว่าจะเชียร์อนาคตใหม่แบบออกนอกหน้า

สนธิ- นี่ผมไม่ได้เชียร์อนาคตใหม่ ผมพูดความจริง ผมพูดความจริงที่หลายๆ ครั้งพวกเราไม่ยอมรับกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารไม่ยอมรับ ถ้าทหาร ทั้งทหารไทย ทหารอเมริกัน ทหารจีน ทหารอังกฤษ ทุกแห่ง นิสัยเหมือนกัน อนุรักษนิยม ทหารมองความมั่นคง มองความมั่นคงในแง่ของป้องกันประเทศและความสงบภายในประเทศ ผมมองความมั่นคงที่ประชาชนระดับล่าง ผมมองว่าถ้าเรากระจายอำนาจลงไปสู่ประชาชนจริงๆ ให้ประชาชนระดับล่างเข้มแข็ง ให้การเมืองท้องถิ่นเข้มแข็ง ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างเข้มแข็งแล้ว ประเทศจะเข้มแข็ง เมื่อประเทศเข้มแข็งแล้ว สถาบันกษัตริย์จะเข้มแข็ง ผมไม่ต้องการให้ทุกคนมามโน บอกว่าต้องปกป้องด้วยชีวิตนะ ไม่ใช่ ถ้าคนมีความกินดีอยู่ดี ประชาชนมีการศึกษา สามารถส่งลูกส่งหลานไปเรียนหนังสือได้ สามารถจะเข้าโรงพยาบาลได้ ซึ่งเป็นหลักธรรมดาที่รัฐทุกรัฐต้องจัดให้ แต่นี่ทุกอย่างในวันนี้ จากวันนั้นถึงวันนี้ ทุกอย่างยังรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพมหานคร เพราะฉะนั้นแล้ว มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว นี่คือประเด็นหลักของผม

วรเทพ- คุณผู้ชมครับ เสียดายจริงๆ ผมพยายามที่จะกระชับที่สุดแล้วนะครับ แต่นี่เวลามันบีบจริงๆ ผมกำลังจะถามคุณสนธิ แต่คุณผู้ชมอาจจะต้องตามในตอนต่อไปว่า เมื่อพูดถึงอนาคตใหม่ พูดแบบนี้ ว่าเป็นช่องทางให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงออก คำถามแรกสำหรับตอนต่อไป ผมจะถามว่า แล้วรัฐธรรมนูญที่เฮงซวยทุกมาตรา คุณสนธิยังมองว่าเป็นช่องทางให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงออกอย่างถูกต้องอีกหรือไม่ เพราะฉะนั้นตามกันช่วงหน้านะครับ ห้ามพลาดเด็ดขาด วันนี้ลาคุณผู้ชมไปก่อน สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น