xs
xsm
sm
md
lg

ลูกสาวเล่านาทีชีวิต! พ่อป่วยในสนามบิน แต่รถฉุกเฉินเข้าไม่ได้ เตรียมเรียกร้องความเป็นธรรม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ลูกสาวเล่านาทีชีวิตของ พ่อ ป่วยภายในสนามบินเรียกรถฉุกเฉินกลับโดนห้ามเข้า โอด สนามบินห้ามเข้าแล้วจะรับสิทธิฉุกเฉินได้อย่างไร เตรียมยื่นจดหมายเรียกร้องความเป็นธรรมกรณีป่วยฉุกเฉินที่สนามบิน ระบุ อยากให้เหตุการณ์นี้เป็นวิทยาทานกับครอบครัวอื่น

เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "วันดี สันติวุฒิเมธี" ได้โพสต์ข้อความเล่าเหตุการณ์ไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับครอบครับที่อาจจะเจอปัญหาเหมือนตนเอง โดยผู้โพสต์ได้เล่าย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. ที่ต้องมารับพ่อที่เดินทางมาจากจังหวัดอุดรธานีมายังสนามบินดอนเมือง

ทั้งนี้ ก่อนเครื่องขึ้น พ่อได้โทรมาบอกกับตัวผู้โพสต์ว่ามีอาการปวดท้องอย่างหนักและท้องบวมมากขึ้นเรื่อยๆ จนกดทับปอดจนหายใจสั้นมาก ให้เตรียมรถมารับเพื่อไปหาหมอ แต่เมื่อมาถึงสนามบินปรากฎว่าทางสายการบินกลับใช้รถเข็นพาพ่อไปที่คลินิกของโรงพยาบาลเอกชนที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งในเวลานั้นคุณพ่อเริ่มมีอาการปวดท้องมากจนทางคลินิกต้องให้น้ำเกลือ

ครอบครัวได้โทรประสาน 1669 เพื่อมารับพ่อไปยังโรงพยาบาล แต่กลับได้รับคำตอบว่ารถพยาบาลอื่นไม่สามารถเข้าไปในสนามบินได้ ต้องให้ผู้ป่วยออกมานอกสนามบิน ญาติจึงเลือกที่จะนำผู้ป่วยไปกับรถพยาบาลของสนามบิน ซึ่งสามารถไปส่งผู้ป่วยกับโรงพยาบาลที่อยู่ในรัศมี 8 ก.ม. เท่านั้น จึงเลือกไปโรงพยาบาลรัฐใกล้สนามบิน

เมื่อไปถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลบอกว่าเคสของพ่อไม่เร่งด่วน ให้รอหมอผ่าตัดอีกวันสองวันก็ได้ แต่ในสายตาลูกๆ แล้ว ลมหายใจของพ่อสั้นมากและจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแล้ว ลูกๆ จึงไม่อยากเสี่ยงให้พ่อรอที่ รพ. แห่งนี้อีกสองวัน

สุดท้าย ได้ติดต่อกับโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ซึ่งแพทย์ประเมินว่าคุณพ่อต้องได้รับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด เพราะลำไส้ของคุณพ่อมีความเสี่ยงต่อการปริแตก แม้ว่าภาวะการหายใจของคุณพ่อจะมีความเสี่ยงต่อชีวิต แต่คุณหมอก็บอกว่า ถ้าไม่ผ่าตัดด่วน คุณพ่อก็จะต้องเสียชีวิตจากลำไส้แตกอย่างแน่นอน

ภายหลังจากคุณพ่อเข้ารับการผ่าตัดช่วยชีวิต ทางลูกๆ ได้ติดต่อไปยังสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน หรือ UCEP เพื่อสอบถามถึงการใช้สิทธิฉุกเฉิน 72 ชั่วมง (ตามภาพด้านล่างนี้) ทาง จนท. Call Center บอกว่า อาการของคุณพ่อเข้าข่ายผู้ป่วยฉุกเฉินจริง แต่เราไม่สามารถใช้สิทธินี้ได้ เพราะคุณพ่อไม่ได้มาถึง รพ. วิชัยยุทธด้วยรถ 1669 หรือ รถยนต์ส่วนตัวของครอบครัว แต่เพราะคุณพ่อถูกส่งต่อมาจากโรงพยาบาลอื่น ซึ่งถือเป็นเคส refer ไม่ใช่เคสที่ป่วยแล้วมา รพ. เลย.

เมื่อเรายืนยันว่า เราได้ติดต่อให้ 1669 ไปรับที่สนามบินแล้ว แต่ได้รับคำตอบว่า พื้นที่สนามบินเป็นเขตที่ 1669 เข้าไม่ได้ คุณพ่อจึงต้องใช้บริการรถพยาบาลของคลินิกที่สนามบินดอนเมืองส่งต่อไปยัง รพ. อื่นแทน ทาง UCEP จึงให้เราทำจดหมายร้องเรียนขอความเป็นธรรม เพราะทาง UCEP ไม่สามารถให้เราใช้สิทธินี้ได้ ยกเว้นเราจะขับรถพาพ่อไปส่ง รพ. ด้วยตนเองหรือเรียกรถ 1669 !

คำถามก็คือ ถ้าใครเป็นเราหรือลูกๆ ที่เห็นพ่อหายใจเองแทบไม่ได้ จะมีใครยอมเสี่ยงขับรถพาพ่อจากสนามบินไป รพ. ด้วยตนเองไหม ? และในเมื่อรถ 1669 ปฏิเสธการเข้าสนามบินดอนเมือง แล้วพ่อของเราจะไปถึง รพ. เพื่อขอรับสิทธิฉุกเฉินได้อย่างไร นอกจากนี้ ทางเราได้แจ้งขอรถฉุกเฉินจากสายการบิน แต่สายการบินกลับเข็นพ่อเราไปคลินิกของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่สนามบินแทน...สิ่งที่เล่ามาทั้งหมดนี้ก็เพื่อถามหาความเป็นธรรมให้กับพ่อของเราที่เกิดป่วยฉุกเฉินที่สนามบิน แต่ไม่สามารถใช้สิทธิฉุกเฉินใดๆ ได้เลย

ขณะนี้ครอบครัวของเรากำลังเตรียมยื่นจดหมายเรียกร้องความเป็นธรรมกรณีป่วยฉุกเฉินที่สนามบิน เพราะถึงที่สุดแล้ว หากเราจะเรียกร้องค่ารักษาไม่ได้แม้แต่บาทเดียว แต่เราก็อยากให้กรณีของพ่อได้เป็นวิทยาทานกับครอบครัวอื่นที่อาจเกิดเหตุป่วยฉุกเฉินที่สนามบินหรือหากต้องการใช้สิทธิฉุกเฉินในอนาคตเช่นกัน






กำลังโหลดความคิดเห็น