เรียกได้ว่าเป็นนักธุรกิจหญิงที่ทั้งเก่ง และแกร่ง สำหรับ “ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” หรือ ดร.ยุ้ย ก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ก่อนจะมารับหน้าที่แทนคุณพ่อ ก้าวสู่การบริหารธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์หลักพันล้าน
ปัจจุบัน ดร.ยุ้ย ดำรงตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)

จากอาจารย์มหาวิทยาลัย
สู่ผู้บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
กว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้... เริ่มต้นมาจากการทำธุรกิจครอบครัวเล็กๆ โดยก่อนหน้านี้คุณพ่อ (คุณธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ ทำอาชีพขายขนมลอดช่องอยู่ที่ตลาดบางรัก ก่อนที่จะก้าวสเต็ปมาทำธุรกิจรับติดตั้งไม้ปาร์เกต์ ต่อมาก็ได้ทำบ้านจัดสรร กระทั่งวันนี้เป็นเวลานานกว่า 40 ปีมาแล้ว ที่จากธุรกิจเล็กๆ ได้มาเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้ชื่อ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
ส่วนตัวยุ้ยเป็นลูกสาวคนโต และได้เห็นคุณพ่อทำงานมาโดยตลอด และเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว เป็นช่วงที่คุณพ่อป่วยกะทันหันต้องเข้ารับการรักษาตัว และในฐานะที่เราเป็นลูกสาวคนโตทำให้ต้องเข้ามารับหน้าที่แทนคุณพ่อ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ถามว่าความฝันของเราคืออะไร? จริงๆ ความฝันมีหลายสเต็ปนะคะ อย่างตอนก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ยุ้ยเคยอยากเรียนคณะนิเทศศาสตร์ เพราะอยากเป็นดีเจ ช่วงนั้นพี่เปิ้ล-หัทยา วงศ์กระจ่าง กำลังดังมาก เราเลยมีความรู้สึกว่าเท่จัง อยากเป็นแบบนั้นบ้างจัง แต่พอได้เรียนรู้ก็พบว่าไม่เหมาะกับตัวเองเท่าไหร่ เลยคิดว่าจะไปเป็นอาจารย์แทน เพราะอาจารย์ก็เป็นอีกความฝันหนึ่ง เลยตัดสินใจเลือกเรียนบัญชีบัณฑิต (การเงิน) และต่อมาก็ได้ศึกษาต่อปริญญาโท M.BA. University of California, ปริญญาโท M.A. (Economics) Claremont Graduate University แล้วจึงลงเรียนต่อปริญญาเอก ซึ่งก็ได้ทุนจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียน Ph.D. (Economics) Claremont Graduate University สหรัฐอเมริกา พอเรียนจบกลับมาก็ได้ใช้ทุนเป็นอาจารย์ภาควิชาการธนาคารและการเงิน คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนกระทั่งได้เข้ามาช่วยงานคุณพ่อ ในปี พ.ศ. 2547
ในช่วงเริ่มต้นที่เข้ามาทำงานในฐานะรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ต้องปรับตัวเยอะมาก เพราะการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยกับการที่ต้องมาขายบ้าน ต่างกันเยอะมาก อย่างการเป็นอาจารย์ส่วนใหญ่เราจะเป็นคนควบคุมเหตุการณ์ เป็นคนพูดในห้อง นักเรียนต้องฟังอยู่แล้วเพราะเราเป็นคนให้คะแนน แต่พอมาเป็นผู้บริหารที่ต้องขายสินค้า มันมีตัวแปรมากมาย เช่น เราอาจจะคิดถูก แต่เราไม่ใช่คนปฏิบัติ ต่อให้เราคิดถูกแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าคนที่ไปปฏิบัติทำได้ไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง เรื่องนี้ก็ผิดอยู่ดี หรือเรื่องนี้เราอาจจะคิดผิดก็ได้ ถามว่าทำไมเราคิดผิดได้ เพราะสิ่งแวดล้อมที่เรากำลังอยู่ในเหตุการณ์อาจจะเปลี่ยนไปทุกนาทีที่เราคิด ดังนั้น ต้องบอกว่าการเป็นคนทำงานในด้านธุรกิจแบบนี้มีความเสี่ยงค่อนข้างเยอะ ความไม่แน่นอนมีเยอะมาก และเราต้องปรับตัวค่อนข้างมาก
พอปรับตัวได้หลังจากนั้นก็กลายเป็นรักงานนี้ไปเลย โดยส่วนตัวเป็นคนชอบทำงานอยู่แล้ว เวลาที่ทำงานอะไรก็จะพยายามทำให้ตัวเองชอบในงานนั้นๆ ซึ่งไม่ได้คิดหรอกว่าจะได้มาเป็นผู้บริหาร แต่พอได้มาทำหน้าที่ตรงนี้จริงๆ เลยคิดว่าต่อให้ทำงานอะไรก็สนุกได้ ถ้าเราเห็นความหมายของมัน พอมาทำอาชีพคนขายที่อยู่อาศัย ได้ขายสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดให้กับคน ก็รู้สึกภูมิใจนะคะ เพราะเราไม่ได้คิดแค่ว่าเราจะขายของ แต่เราคิดว่ามันคือการสร้างรากฐานอย่างหนึ่งในครอบครัว

ริเริ่มแนวคิด MADE FROM HER
“ใส่ใจทุกดีเทลชีวิต จากแนวคิดแบบผู้หญิง”
“ความไว้วางใจของลูกค้า คือความภูมิใจของเรา” เป็นปรัชญาที่เรานำมาบริหารองค์กร สิ่งนี้ก็มาจากแนวคิดที่ว่าเรารู้ว่าที่อยู่อาศัยคือสินทรัพย์ที่มีค่าและสำคัญที่สุดในชีวิตคุณ ดังนั้น การที่คุณมาซื้อของของเราเป็นเพราะคุณไว้ใจเรา ซึ่งเราภูมิใจมาก เราจะรู้สึกภูมิใจเสมอทุกครั้งที่เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกค้าเลือกสินค้าจากทางบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และเพื่อตอบสนองความภูมิใจนั้น เราเลยคิดว่าต้องทำให้ดียิ่งขึ้นทั้งสินค้าและการบริการ
ส่วน “MADE FROM HER” เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นมาประมาณ 2 ปีแล้วค่ะ โดยเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาทุกองค์ประกอบของที่อยู่อาศัยผ่านหัวคิดและหัวใจ เพื่อมอบประสบการณ์ชีวิตที่ดีที่สุดให้กับลูกบ้านทุกคน
อีกทั้งการที่ริเริ่มโครงการนี้ขึ้นมา เกิดจากที่เราคิดจากโจทย์ที่ยากที่สุด และละเอียดที่สุด เพราะเราได้ทราบอย่างหนึ่งว่าปัจจุบันมีผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชาย แล้วผู้หญิงก็ชอบซื้อคอนโดฯ เพราะรู้สึกว่าปลอดภัย ซึ่งสินค้าของเราจะเป็นคอนโดมิเนียมเป็นหลักอยู่แล้วด้วย และอย่างทุกคนก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าผู้หญิงจะเป็นเพศที่ละเอียดอ่อน เป็นเพศที่ใส่ใจมากๆ เวลาซื้อของจะเลือกมากกว่า ยิ่งซื้อของใหญ่จะยิ่งละเอียด เราจึงอยากจะพัฒนาสินค้าและการบริการเพื่อให้ตอบโจทย์มุมมองความละเอียดลออแบบผู้หญิงในทุกเรื่องให้ได้ดีที่สุด เนื่องจากบ้านหลังหนึ่งเต็มไปด้วยรายละเอียดเยอะมากนะคะ ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรง ฟังก์ชัน หรือจะการบริการหลังจากนั้น เราก็เลยมาคิดว่าจะทำยังไงดีเพื่อให้บริษัทมีการนำวิธีคิดแบบนี้มาใช้ให้เป็นรูปธรรม
ดังนั้น เราจึงเอาความใส่ใจของผู้หญิงมาเป็นหลักการคิดในการทำสินค้าและการบริการของบริษัท เพื่อที่จะได้ชัวร์ที่สุดเลยว่าจะละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ และก็ใส่ใจที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเรามองว่า “ถ้าผู้หญิงอยู่สบาย ผู้ชายก็แฮปปี้” คือ ถ้าผู้หญิงชอบ ยังไงผู้ชายก็จะชอบไปด้วยค่ะ นี่คือที่มาของแนวคิด MADE FROM HER ค่ะ
หลังจากที่คิดแนวคิดนี้ขึ้นมาแล้วก็ได้ทำโฟกัสกรุ๊ปประมาณ 10 โครงการ เช่น นิช ไอดี เพชรเกษม-บางแค, นิช ไอดี พระราม 2-ดาวคะนอง ฯลฯ เป็นต้นตรงนี้ก็ได้นั่งพูดคุยกับผู้หญิงว่าเขามีแนวความคิดยังไงในการอยู่ ชอบหรือไม่ชอบยังไง ซึ่งเราก็ได้เห็นว่าจริงๆ แล้วจะมีอยู่ 4 ด้านที่ควรให้ความสำคัญในการพัฒนาสินค้าและบริการขึ้นมา นั่นก็คือ 2S และ 2C ได้แก่
1. S = HER self (ความมั่นใจในตัวเองคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง) 2.S = HER Security (ไม่ใช่แค่ปลอดภัยแต่ต้องวางใจได้) 3.C = HER Comfort (หน้าที่ของเราที่ต้องทำให้ทุกวินาทีของการพักผ่อนยอดเยี่ยม) และ 4.C = HER Circle (มากกว่าใช้ชีวิตคือแชร์ความสุข) ซึ่งทั้ง 4 ด้านนี้เป็นสิ่งที่คนมักจะให้ความสำคัญในการซื้อที่อยู่อาศัย เราก็เลยหยิบมาพัฒนาต่อค่ะ
ส่วนผลตอบรับกลับมาเป็นอะไรที่เราภูมิใจมากนะคะ ค่อนข้างจะเป็นทางบวกเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าพี่น้องคนไหนมีโอกาสได้ไปเยือนไซต์ของบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ก็จะเห็นความต่างที่นั่น จะเห็นความต่างที่ว่าการที่เราคิดแบบผู้หญิง มีรายละเอียดที่มากกว่าคนอื่นยังไง
โดยอนาคตคิดว่าจะต่อยอดต่อไปอีกเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ เพราะโลกเปลี่ยนไปทุกวัน เราต้องมีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เราจะอยู่ที่เดิมไม่ได้

ลูกไม้หล่นใต้ต้น...
หลักแนวคิดการทำงานได้มาจากคุณพ่อ
ถ้าให้พูดถึง “คุณพ่อ” (คุณธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์) ต้องบอกเลยค่ะว่าท่านเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานของยุ้ยเลยนะคะ ยุ้ยคิดว่าต่อให้เราเก่งกว่านี้ 10 เท่า เราก็ทำแบบท่านไม่ได้ เพราะอย่างไรก็ตาม ความยากของเราน้อยกว่ามาก เรามาอยู่ในจุดที่มีทุกอย่างแล้ว แต่คุณพ่อต้องเริ่มมาจากคนขายลอดช่อง มาอยู่ในจุดของคนขายบ้านที่ทำโครงการเพียงแค่ 3-4 โครงการจนทำให้ใหญ่อย่างทุกวันนี้ได้ ตรงนี้เรามองว่าไม่ใช่ที่ทุกคนจะทำได้ เพราะภายใต้การไม่มีทรัพยากรอะไรเลย เงินไม่มี โอกาสก็ไม่มี จะต้องอาศัยความอดทนค่อนข้างมาก แต่คุณพ่อทำได้
แนวคิดในการทำงานที่ยุ้ยจะนำมาใช้กับตัวเองมี 2 ข้อหลักๆ ข้อแรกเป็นสิ่งที่ได้มาจากคำสอนของคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อจะสอนวิธีการ วิธีคิด แนะนำเทคนิค และคุณพ่อทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้วโลกนี้ไม่ได้มีอะไรง่ายไปเสียทุกอย่าง
คำที่คุณพ่อมักจะพูดเสมอเลยก็คือ “ถ้าชกไม่ครบ 10 ยก ห้ามลงจากเวทีเด็ดขาด” ตรงนี้สำคัญมากเลยนะคะ คือเมื่อเรายิ่งทำงานที่ใหญ่ขึ้น ยังไงมันก็ไม่สามารถ Overnight Success หรือทำสำเร็จได้ภายในวันเดียว แต่ทุกวันนี้เราจะใจร้อน เพราะโซเชียลมีเดียทำให้เราใจร้อนมากขึ้น เนื่องจากพอเราเปิดเฟซบุ๊กขึ้นมา เราจะได้เห็นความสำเร็จของเพื่อนๆ เต็มไปหมดเลย เราอยากเป็นบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา ตัวเราเองก็เป็น เพียงแต่ว่าในการทำงานในโลกปัจจุบันมีความเสี่ยงเยอะขึ้น การเปลี่ยนแปลงไวขึ้น มันยากที่จะมีอะไรที่มัน Overnight Success ได้จริงๆ และการจะประสบความสำเร็จได้มันต้องอาศัยความพยายาม ความอดทน และส่วนใหญ่ที่ไม่สำเร็จก็เพราะจะล้มเลิกไปเสียก่อน คำที่คุณพ่อสอนก็เป็นจริงเช่นนั้นเลยค่ะ เพราะถ้าเราบอกว่าเราต้องชกให้ครบ 10 ยกถึงจะประสบความสำเร็จ แสดงว่าเราทำมาครึ่งหนึ่งแล้ว เพียงแต่เรายังพลาดอยู่ เลยยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าเราทำต่อไป กัดฟันสู้ต่ออีกครึ่งหนึ่งให้ครบ 10 เราอาจจะประสบความสำเร็จก็ได้
ส่วนแนวคิดในการทำงานข้อสอง ก็คือ “ในโลกนี้ไม่มีคำว่าเพอร์เฟ็กต์มีแต่คำว่าพยายามพัฒนาอย่างต่อเนื่อง” Continuous Improvement สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ยุ้ยนำมาใช้กับตัวเองและสอนลูกน้องอยู่เป็นประจำเหมือนกันค่ะ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลในความสำคัญที่สุด คือ ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตามแต่ วิธีคิดในการทำงาน วิธีคิดในการแก้ปัญหา ต้องมาพร้อมกับประสบการณ์ด้วย ประสบการณ์ในที่นี้คือเราต้องเจอทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเองก่อนถึงจะรู้ว่ามันผิดหรือถูกยังไง

3 เทคนิคการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยแบบฉบับ ดร.ยุ้ย
เคยได้ยินไหมคะว่าประเทศไหนก็ตามที่คนในประเทศมีบ้านเยอะๆ มักจะเป็นประเทศที่มีอาชญากรรมน้อย เพราะว่า “บ้าน” สามารถสร้างความอบอุ่นในจิตใจได้ “บ้าน” ถือว่าเป็นเซฟตี้อย่างหนึ่งของชีวิต “บ้าน” เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่า ราคาไม่ค่อยลง เวลาเกิดอะไรขึ้นมักจะขายได้ และ “บ้าน” คือความมั่นคงของชีวิตในระยะยาว ซึ่งยุ้ยมองว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก
โดยเทคนิคการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยหลักๆ เลยคือ
1. ต้องเหมาะกับการใช้ชีวิต อย่าลืมว่าคำว่า “บ้าน” คือ คุณต้องอยู่ทุกวัน อยู่ทุกวันคือคุณต้องเดินทางไปในจุดนั้นทุกวัน ซึ่งต้องสะดวกกับการเดินทางไปไหนมาไหน โดยหลักๆ แล้วคนไทยจะติดทำเล เช่น เลือกซื้อบ้านใกล้ที่ทำงาน เลือกซื้อบ้านใกล้กับบ้านคุณพ่อคุณแม่ หรือเลือกซื้อบ้านใกล้กับบ้านเดิมของตัวเอง ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดี
2. ต้องดูทุนทรัพย์ของตัวเอง ดูให้เหมาะสมกับตัวเอง ส่วนตัวจะเชียร์ให้ซื้อบ้านก่อนที่จะซื้อรถนะคะ เพราะว่าการซื้อบ้านเป็นสินทรัพย์ที่เพิ่มมูลค่าตลอดเวลา และการผ่อนบ้าน ดอกเบี้ยซื้อบ้านถูกที่สุด
3. ต้องมีความละเอียด สำหรับคนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย อยากแนะนำว่า ที่อยู่อาศัยที่ดีต้องเต็มไปด้วยความละเอียดอ่อน เพราะการซื้อบ้านหลังหนึ่งเราต้องใช้เวลาผ่อน 30 ปี ดังนั้น การซื้อบ้านไม่ควรจะซื้อเพราะความสวยเพียงอย่างเดียว ต้องคิดไปลึกๆ แบบที่ผู้หญิงคิด ยกตัวอย่างเช่น ฟังก์ชันใช่ไหม ความกว้างของห้องเหมาะกับเราไหม เราชอบทำกับข้าวครัวจะต้องเป็นแบบไหน ค่าส่วนกลางเหมาะสมไหม ฯลฯ เป็นต้น ให้ตัดสินใจเลือกดีๆ ค่ะ เพราะเราต้องอยู่ทุกวัน...

ปัจจุบัน ดร.ยุ้ย ดำรงตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
จากอาจารย์มหาวิทยาลัย
สู่ผู้บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
กว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้... เริ่มต้นมาจากการทำธุรกิจครอบครัวเล็กๆ โดยก่อนหน้านี้คุณพ่อ (คุณธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฯ ทำอาชีพขายขนมลอดช่องอยู่ที่ตลาดบางรัก ก่อนที่จะก้าวสเต็ปมาทำธุรกิจรับติดตั้งไม้ปาร์เกต์ ต่อมาก็ได้ทำบ้านจัดสรร กระทั่งวันนี้เป็นเวลานานกว่า 40 ปีมาแล้ว ที่จากธุรกิจเล็กๆ ได้มาเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มรูปแบบ ภายใต้ชื่อ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
ส่วนตัวยุ้ยเป็นลูกสาวคนโต และได้เห็นคุณพ่อทำงานมาโดยตลอด และเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว เป็นช่วงที่คุณพ่อป่วยกะทันหันต้องเข้ารับการรักษาตัว และในฐานะที่เราเป็นลูกสาวคนโตทำให้ต้องเข้ามารับหน้าที่แทนคุณพ่อ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ถามว่าความฝันของเราคืออะไร? จริงๆ ความฝันมีหลายสเต็ปนะคะ อย่างตอนก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ยุ้ยเคยอยากเรียนคณะนิเทศศาสตร์ เพราะอยากเป็นดีเจ ช่วงนั้นพี่เปิ้ล-หัทยา วงศ์กระจ่าง กำลังดังมาก เราเลยมีความรู้สึกว่าเท่จัง อยากเป็นแบบนั้นบ้างจัง แต่พอได้เรียนรู้ก็พบว่าไม่เหมาะกับตัวเองเท่าไหร่ เลยคิดว่าจะไปเป็นอาจารย์แทน เพราะอาจารย์ก็เป็นอีกความฝันหนึ่ง เลยตัดสินใจเลือกเรียนบัญชีบัณฑิต (การเงิน) และต่อมาก็ได้ศึกษาต่อปริญญาโท M.BA. University of California, ปริญญาโท M.A. (Economics) Claremont Graduate University แล้วจึงลงเรียนต่อปริญญาเอก ซึ่งก็ได้ทุนจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียน Ph.D. (Economics) Claremont Graduate University สหรัฐอเมริกา พอเรียนจบกลับมาก็ได้ใช้ทุนเป็นอาจารย์ภาควิชาการธนาคารและการเงิน คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนกระทั่งได้เข้ามาช่วยงานคุณพ่อ ในปี พ.ศ. 2547
ในช่วงเริ่มต้นที่เข้ามาทำงานในฐานะรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ต้องปรับตัวเยอะมาก เพราะการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยกับการที่ต้องมาขายบ้าน ต่างกันเยอะมาก อย่างการเป็นอาจารย์ส่วนใหญ่เราจะเป็นคนควบคุมเหตุการณ์ เป็นคนพูดในห้อง นักเรียนต้องฟังอยู่แล้วเพราะเราเป็นคนให้คะแนน แต่พอมาเป็นผู้บริหารที่ต้องขายสินค้า มันมีตัวแปรมากมาย เช่น เราอาจจะคิดถูก แต่เราไม่ใช่คนปฏิบัติ ต่อให้เราคิดถูกแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าคนที่ไปปฏิบัติทำได้ไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง เรื่องนี้ก็ผิดอยู่ดี หรือเรื่องนี้เราอาจจะคิดผิดก็ได้ ถามว่าทำไมเราคิดผิดได้ เพราะสิ่งแวดล้อมที่เรากำลังอยู่ในเหตุการณ์อาจจะเปลี่ยนไปทุกนาทีที่เราคิด ดังนั้น ต้องบอกว่าการเป็นคนทำงานในด้านธุรกิจแบบนี้มีความเสี่ยงค่อนข้างเยอะ ความไม่แน่นอนมีเยอะมาก และเราต้องปรับตัวค่อนข้างมาก
พอปรับตัวได้หลังจากนั้นก็กลายเป็นรักงานนี้ไปเลย โดยส่วนตัวเป็นคนชอบทำงานอยู่แล้ว เวลาที่ทำงานอะไรก็จะพยายามทำให้ตัวเองชอบในงานนั้นๆ ซึ่งไม่ได้คิดหรอกว่าจะได้มาเป็นผู้บริหาร แต่พอได้มาทำหน้าที่ตรงนี้จริงๆ เลยคิดว่าต่อให้ทำงานอะไรก็สนุกได้ ถ้าเราเห็นความหมายของมัน พอมาทำอาชีพคนขายที่อยู่อาศัย ได้ขายสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดให้กับคน ก็รู้สึกภูมิใจนะคะ เพราะเราไม่ได้คิดแค่ว่าเราจะขายของ แต่เราคิดว่ามันคือการสร้างรากฐานอย่างหนึ่งในครอบครัว
ริเริ่มแนวคิด MADE FROM HER
“ใส่ใจทุกดีเทลชีวิต จากแนวคิดแบบผู้หญิง”
“ความไว้วางใจของลูกค้า คือความภูมิใจของเรา” เป็นปรัชญาที่เรานำมาบริหารองค์กร สิ่งนี้ก็มาจากแนวคิดที่ว่าเรารู้ว่าที่อยู่อาศัยคือสินทรัพย์ที่มีค่าและสำคัญที่สุดในชีวิตคุณ ดังนั้น การที่คุณมาซื้อของของเราเป็นเพราะคุณไว้ใจเรา ซึ่งเราภูมิใจมาก เราจะรู้สึกภูมิใจเสมอทุกครั้งที่เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกค้าเลือกสินค้าจากทางบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และเพื่อตอบสนองความภูมิใจนั้น เราเลยคิดว่าต้องทำให้ดียิ่งขึ้นทั้งสินค้าและการบริการ
ส่วน “MADE FROM HER” เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นมาประมาณ 2 ปีแล้วค่ะ โดยเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาทุกองค์ประกอบของที่อยู่อาศัยผ่านหัวคิดและหัวใจ เพื่อมอบประสบการณ์ชีวิตที่ดีที่สุดให้กับลูกบ้านทุกคน
อีกทั้งการที่ริเริ่มโครงการนี้ขึ้นมา เกิดจากที่เราคิดจากโจทย์ที่ยากที่สุด และละเอียดที่สุด เพราะเราได้ทราบอย่างหนึ่งว่าปัจจุบันมีผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชาย แล้วผู้หญิงก็ชอบซื้อคอนโดฯ เพราะรู้สึกว่าปลอดภัย ซึ่งสินค้าของเราจะเป็นคอนโดมิเนียมเป็นหลักอยู่แล้วด้วย และอย่างทุกคนก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าผู้หญิงจะเป็นเพศที่ละเอียดอ่อน เป็นเพศที่ใส่ใจมากๆ เวลาซื้อของจะเลือกมากกว่า ยิ่งซื้อของใหญ่จะยิ่งละเอียด เราจึงอยากจะพัฒนาสินค้าและการบริการเพื่อให้ตอบโจทย์มุมมองความละเอียดลออแบบผู้หญิงในทุกเรื่องให้ได้ดีที่สุด เนื่องจากบ้านหลังหนึ่งเต็มไปด้วยรายละเอียดเยอะมากนะคะ ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรง ฟังก์ชัน หรือจะการบริการหลังจากนั้น เราก็เลยมาคิดว่าจะทำยังไงดีเพื่อให้บริษัทมีการนำวิธีคิดแบบนี้มาใช้ให้เป็นรูปธรรม
ดังนั้น เราจึงเอาความใส่ใจของผู้หญิงมาเป็นหลักการคิดในการทำสินค้าและการบริการของบริษัท เพื่อที่จะได้ชัวร์ที่สุดเลยว่าจะละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ และก็ใส่ใจที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเรามองว่า “ถ้าผู้หญิงอยู่สบาย ผู้ชายก็แฮปปี้” คือ ถ้าผู้หญิงชอบ ยังไงผู้ชายก็จะชอบไปด้วยค่ะ นี่คือที่มาของแนวคิด MADE FROM HER ค่ะ
หลังจากที่คิดแนวคิดนี้ขึ้นมาแล้วก็ได้ทำโฟกัสกรุ๊ปประมาณ 10 โครงการ เช่น นิช ไอดี เพชรเกษม-บางแค, นิช ไอดี พระราม 2-ดาวคะนอง ฯลฯ เป็นต้นตรงนี้ก็ได้นั่งพูดคุยกับผู้หญิงว่าเขามีแนวความคิดยังไงในการอยู่ ชอบหรือไม่ชอบยังไง ซึ่งเราก็ได้เห็นว่าจริงๆ แล้วจะมีอยู่ 4 ด้านที่ควรให้ความสำคัญในการพัฒนาสินค้าและบริการขึ้นมา นั่นก็คือ 2S และ 2C ได้แก่
1. S = HER self (ความมั่นใจในตัวเองคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง) 2.S = HER Security (ไม่ใช่แค่ปลอดภัยแต่ต้องวางใจได้) 3.C = HER Comfort (หน้าที่ของเราที่ต้องทำให้ทุกวินาทีของการพักผ่อนยอดเยี่ยม) และ 4.C = HER Circle (มากกว่าใช้ชีวิตคือแชร์ความสุข) ซึ่งทั้ง 4 ด้านนี้เป็นสิ่งที่คนมักจะให้ความสำคัญในการซื้อที่อยู่อาศัย เราก็เลยหยิบมาพัฒนาต่อค่ะ
ส่วนผลตอบรับกลับมาเป็นอะไรที่เราภูมิใจมากนะคะ ค่อนข้างจะเป็นทางบวกเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าพี่น้องคนไหนมีโอกาสได้ไปเยือนไซต์ของบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ก็จะเห็นความต่างที่นั่น จะเห็นความต่างที่ว่าการที่เราคิดแบบผู้หญิง มีรายละเอียดที่มากกว่าคนอื่นยังไง
โดยอนาคตคิดว่าจะต่อยอดต่อไปอีกเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ เพราะโลกเปลี่ยนไปทุกวัน เราต้องมีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เราจะอยู่ที่เดิมไม่ได้
ลูกไม้หล่นใต้ต้น...
หลักแนวคิดการทำงานได้มาจากคุณพ่อ
ถ้าให้พูดถึง “คุณพ่อ” (คุณธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์) ต้องบอกเลยค่ะว่าท่านเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานของยุ้ยเลยนะคะ ยุ้ยคิดว่าต่อให้เราเก่งกว่านี้ 10 เท่า เราก็ทำแบบท่านไม่ได้ เพราะอย่างไรก็ตาม ความยากของเราน้อยกว่ามาก เรามาอยู่ในจุดที่มีทุกอย่างแล้ว แต่คุณพ่อต้องเริ่มมาจากคนขายลอดช่อง มาอยู่ในจุดของคนขายบ้านที่ทำโครงการเพียงแค่ 3-4 โครงการจนทำให้ใหญ่อย่างทุกวันนี้ได้ ตรงนี้เรามองว่าไม่ใช่ที่ทุกคนจะทำได้ เพราะภายใต้การไม่มีทรัพยากรอะไรเลย เงินไม่มี โอกาสก็ไม่มี จะต้องอาศัยความอดทนค่อนข้างมาก แต่คุณพ่อทำได้
แนวคิดในการทำงานที่ยุ้ยจะนำมาใช้กับตัวเองมี 2 ข้อหลักๆ ข้อแรกเป็นสิ่งที่ได้มาจากคำสอนของคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อจะสอนวิธีการ วิธีคิด แนะนำเทคนิค และคุณพ่อทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้วโลกนี้ไม่ได้มีอะไรง่ายไปเสียทุกอย่าง
คำที่คุณพ่อมักจะพูดเสมอเลยก็คือ “ถ้าชกไม่ครบ 10 ยก ห้ามลงจากเวทีเด็ดขาด” ตรงนี้สำคัญมากเลยนะคะ คือเมื่อเรายิ่งทำงานที่ใหญ่ขึ้น ยังไงมันก็ไม่สามารถ Overnight Success หรือทำสำเร็จได้ภายในวันเดียว แต่ทุกวันนี้เราจะใจร้อน เพราะโซเชียลมีเดียทำให้เราใจร้อนมากขึ้น เนื่องจากพอเราเปิดเฟซบุ๊กขึ้นมา เราจะได้เห็นความสำเร็จของเพื่อนๆ เต็มไปหมดเลย เราอยากเป็นบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา ตัวเราเองก็เป็น เพียงแต่ว่าในการทำงานในโลกปัจจุบันมีความเสี่ยงเยอะขึ้น การเปลี่ยนแปลงไวขึ้น มันยากที่จะมีอะไรที่มัน Overnight Success ได้จริงๆ และการจะประสบความสำเร็จได้มันต้องอาศัยความพยายาม ความอดทน และส่วนใหญ่ที่ไม่สำเร็จก็เพราะจะล้มเลิกไปเสียก่อน คำที่คุณพ่อสอนก็เป็นจริงเช่นนั้นเลยค่ะ เพราะถ้าเราบอกว่าเราต้องชกให้ครบ 10 ยกถึงจะประสบความสำเร็จ แสดงว่าเราทำมาครึ่งหนึ่งแล้ว เพียงแต่เรายังพลาดอยู่ เลยยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าเราทำต่อไป กัดฟันสู้ต่ออีกครึ่งหนึ่งให้ครบ 10 เราอาจจะประสบความสำเร็จก็ได้
ส่วนแนวคิดในการทำงานข้อสอง ก็คือ “ในโลกนี้ไม่มีคำว่าเพอร์เฟ็กต์มีแต่คำว่าพยายามพัฒนาอย่างต่อเนื่อง” Continuous Improvement สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ยุ้ยนำมาใช้กับตัวเองและสอนลูกน้องอยู่เป็นประจำเหมือนกันค่ะ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลในความสำคัญที่สุด คือ ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตามแต่ วิธีคิดในการทำงาน วิธีคิดในการแก้ปัญหา ต้องมาพร้อมกับประสบการณ์ด้วย ประสบการณ์ในที่นี้คือเราต้องเจอทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเองก่อนถึงจะรู้ว่ามันผิดหรือถูกยังไง
3 เทคนิคการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยแบบฉบับ ดร.ยุ้ย
เคยได้ยินไหมคะว่าประเทศไหนก็ตามที่คนในประเทศมีบ้านเยอะๆ มักจะเป็นประเทศที่มีอาชญากรรมน้อย เพราะว่า “บ้าน” สามารถสร้างความอบอุ่นในจิตใจได้ “บ้าน” ถือว่าเป็นเซฟตี้อย่างหนึ่งของชีวิต “บ้าน” เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่า ราคาไม่ค่อยลง เวลาเกิดอะไรขึ้นมักจะขายได้ และ “บ้าน” คือความมั่นคงของชีวิตในระยะยาว ซึ่งยุ้ยมองว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก
โดยเทคนิคการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยหลักๆ เลยคือ
1. ต้องเหมาะกับการใช้ชีวิต อย่าลืมว่าคำว่า “บ้าน” คือ คุณต้องอยู่ทุกวัน อยู่ทุกวันคือคุณต้องเดินทางไปในจุดนั้นทุกวัน ซึ่งต้องสะดวกกับการเดินทางไปไหนมาไหน โดยหลักๆ แล้วคนไทยจะติดทำเล เช่น เลือกซื้อบ้านใกล้ที่ทำงาน เลือกซื้อบ้านใกล้กับบ้านคุณพ่อคุณแม่ หรือเลือกซื้อบ้านใกล้กับบ้านเดิมของตัวเอง ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดี
2. ต้องดูทุนทรัพย์ของตัวเอง ดูให้เหมาะสมกับตัวเอง ส่วนตัวจะเชียร์ให้ซื้อบ้านก่อนที่จะซื้อรถนะคะ เพราะว่าการซื้อบ้านเป็นสินทรัพย์ที่เพิ่มมูลค่าตลอดเวลา และการผ่อนบ้าน ดอกเบี้ยซื้อบ้านถูกที่สุด
3. ต้องมีความละเอียด สำหรับคนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย อยากแนะนำว่า ที่อยู่อาศัยที่ดีต้องเต็มไปด้วยความละเอียดอ่อน เพราะการซื้อบ้านหลังหนึ่งเราต้องใช้เวลาผ่อน 30 ปี ดังนั้น การซื้อบ้านไม่ควรจะซื้อเพราะความสวยเพียงอย่างเดียว ต้องคิดไปลึกๆ แบบที่ผู้หญิงคิด ยกตัวอย่างเช่น ฟังก์ชันใช่ไหม ความกว้างของห้องเหมาะกับเราไหม เราชอบทำกับข้าวครัวจะต้องเป็นแบบไหน ค่าส่วนกลางเหมาะสมไหม ฯลฯ เป็นต้น ให้ตัดสินใจเลือกดีๆ ค่ะ เพราะเราต้องอยู่ทุกวัน...