ตำรวจนายหนึ่งเผยเรื่องราวสุดรันทด แม่ขโมยเงินเสียบไม้ทอดกฐิน 160 บาท ยอมรับเอาไปซื้อข้าวให้ลูก 2 คน เงินไม่พอใช้ ล้างจานได้วันละ 300 ต้องจ่ายค่าเช่าห้อง 3,300 หลังส่งฟ้องศาลปรานีปรับ 5,000 เลื่อนจ่ายได้ 1 เดือน ผู้ใหญ่ใจดีโอนให้หมด มีคนช่วยซื้อข้าวสารอาหารแห้ง หม้อหุงข้าว จักรยาน ระบุไม่ใช่ตอบแทนที่ไปทำผิด แต่สงสารเด็ก
วันนี้ (5 ก.ย.) ในโลกออนไลน์ได้แชร์เรื่องราวของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Jaturong Prombooth ของ ร.ต.ท.จตุรงค์ พรหมบุตร รองสารวัตร (สอบสวน) สน.บางซื่อ บอกเล่าเรื่องราวว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.40 น. วันที่ 3 ก.ย. พนักงานห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งได้ควบคุมตัวหญิงวัย 54 ปีรายหนึ่ง ก่อเหตุลักทรัพย์เงินทำบุญทอดกฐินที่เสียบไม้ที่วางตั้งไว้ในห้างฯ ได้เงินไปจำนวน 160 บาท สายตรวจได้รับแจ้งจึงไปรับตัวมาเพื่อส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี สอบสวนหญิงวัย 54 ปี รับสารภาพว่าลักทรัพย์เงินไปจริง เนื่องจากจะเอาไปซื้อข้าวให้ลูก 2 คน เป็นลูกชายอายุ 14 ปี และลูกสาวอายุ 13 ปี เนื่องจากเงินที่ได้ในแต่ละวันไม่พอใช้ ปัจจุบันรับจ้างล้างจานในร้านฟาสต์ฟูดแห่งหนึ่งได้ค่าแรงวันละ 300 บาท ส่วนรายจ่ายที่มีคือค่าเช่าห้อง 3,300 บาท และเงินให้ลูกทั้งสองไปโรงเรียน ขณะที่ทางห้างฯ ยืนยันที่จะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด
จากนั้นสักพักตำรวจได้ตามตัวลูกชายและลูกสาวของหญิงคนดังกล่าวเข้ามาในห้องสอบสวน มาถึงก็ร้องไห้ ไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าแม่จะโดนจับ และกล่าวว่า “แม่ทำทำไม แม่สอนผมตลอดว่าต่อให้เราไม่มีกินก็ห้ามขโมยของคนอื่น” แม่ก็ขอโทษลูกๆ สักพักลูกสาวก็เข้ามาโวยวายกับตำรวจว่า “เงินแค่ 160 บาท คืนไปแล้วทำไมยังจะจับแม่หนู” ซึ่งเข้าใจได้ว่ายังเป็นเด็กและเห็นว่าเงินคืนไปแล้ว จะอธิบายตามกฎหมายก็คงไม่เข้าใจ สักพักทั้งสองคนนั่งเฝ้าร้อยเวรสอบปากคำแม่ ลูกชายก็ไปซื้อข้าวซื้อน้ำให้แม่ และไปหาผู้ใหญ่ที่พอจะไปธุระที่ศาลได้ ส่วนลูกสาวเดินไปบอกร้านฟาสต์ฟูดที่แม่ทำงานเพื่อแจ้งว่าแม่มีธุระต้องไปศาล ขอลางาน 1 วัน แต่ผู้จัดการร้านไม่เชื่อ
เมื่อสอบปากคำเสร็จจะนำแม่เข้าห้องควบคุม ลูกจึงถามว่า “พี่ๆ หนูขอนอนกับแม่ (ในห้องขัง) ได้ไหม” แต่ก็กล่าวว่าไม่อนุญาต และแนะให้นอนตรงเบาะห้องประจำวันซึ่งมีเครื่องปรับอากาศและโทรทัศน์ จากนั้นจึงชวนคุย จึงทราบว่าพ่อเสียชีวิตหลังจากที่ลูกสาวเกิดได้ 8 วัน เนื่องจากอุบัติเหตุทำงานบนที่สูง ทาสีบนอาคารและตกลงมาเสียชีวิต และลูกกล่าวว่า ถ้าที่ทำงานรู้ว่าแม่ต้องไปขึ้นศาลในฐานะผู้ต้องหา แม่คงตกงาน ถือโอกาสสอนลูกทั้งสองให้อดทน ตั้งใจเรียน เติมเงินมือถือให้ เพราะโทร.ออกไม่ได้ เผื่อมีอะไรให้โทร.ติดต่อ ก่อนที่ตำรวจนายนั้นจะกลับ ซึ่งเห็นในระยะสายตาว่าแม้แต่รองเท้าน้องก็ยังไม่มีใส่ โดยสามแม่ลูกได้อาศัยที่ห้องเช่าในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูกๆ อาศัยที่ชั้น 5 อาคารไม่มีลิฟต์ มีโรคส่วนตัวคือโรคเกาต์
ต่อมาวันที่ 4 ก.ย. หญิงวัย 54 ปีไปขึ้นศาล โดยที่ลูกทั้งสองอยู่กับตำรวจ ผลก็คือต้องชำระค่าปรับเป็นเงิน 5,000 บาท โดยศาลอนุญาตให้เลื่อนชำระค่าปรับไปอีก 1 เดือน คือให้จ่ายภายในวันที่ 4 ต.ค. 2562 จริงๆ แล้วมีอีกทางออกคือให้ทำงานบริการสังคมทดแทนค่าปรับ ตาม ป.อาญา มาตรา 30/1 เป็นเวลา 10 วัน วันละ 4 ชั่วโมง แต่ทางเจ้าหน้าที่ศาลและทางตัวผู้ต้องหาเห็นพ้องกันว่าถ้าต้องมาทำวันละ 4 ชั่วโมงจะทำให้ขาดรายได้ เพราะไม่สามารถลางานได้ ซึ่งใจของผู้ต้องหาก็อยากจะไปแต่ขาดงานไม่ได้ แต่อย่างน้อยตอนนี้สามแม่ลูกก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน และแม่ไม่ต้องไม่ต้องติดคุกเพื่อชดเชยค่าปรับ
อย่างไรก็ตาม เรื่องค่าปรับมีผู้ใจบุญ โอนมาช่วยเหลือครบถ้วนเป็นเงิน 5,000 บาท ซึ่งจะไปดำเนินการชำระในวันที่ 7 ก.ย. เรื่องทุนการศึกษา ทางโรงเรียนประสานกับเด็กทั้ง 2 คน น่าจะมีข่าวดี พร้อมกันนี้มีผู้ใจบุญซื้อจักรยานให้แม่ขับไว้ไปทำงาน สั่งสินค้าเป็นข้าวสารอาหารแห้งจัดส่งให้ไปยังที่พักเพื่อเป็นการบรรเทาค่าใช้จ่าย และช่วยออกเงินซื้อหม้อหุงข้าวใบใหม่เนื่องจากที่มีอยู่มันพังแล้ว โดยฝากข้อความระบุว่า “ไม่ใช่เพราะแม่ไปหยิบของคนอื่นมาแล้วได้รับผลตอบแทนแบบนี้นะคะ ที่ทุกคนช่วยกันเพราะอยากให้เด็กๆ เป็นอนาคตที่ดีของสังคม นี่ไม่ใช่การตอบแทนที่ไปทำผิด แต่เราควรช่วยคนที่กำลังเดือดร้อน ที่ช่วยนี่เพราะเคยลำบากยากจนมาก่อน เคยเพราะไม่มีเงินตอนเด็กๆ แต่เพราะมีโอกาสได้เรียน ได้ทำงานที่ดี ได้สังคมดีๆ เลยมีโอกาสช่วยคนอื่น”
ร.ต.ท.จตุรงค์กล่าวว่า ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้โอกาสครอบครัวนี้กลับสู่สังคม มั่นใจว่าไม่ได้มีแค่ครอบครัวนี้ครอบครัวเดียว แต่ยังมีอีกเป็นร้อยครอบครัวที่ประสบปัญหาเช่นนี้ ปัญหาสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ ความสามารถในการเข้าถึงปัจจัย 4 ที่ไม่เท่ากัน เชื่อว่ามันเป็นสิ่งบีบคั้นที่ทำให้คนก่ออาชญากรรม ซึ่งก็ต้องมองเป็นกรณีไป แต่กรณีนี้จากการเป็นพนักงานสอบสวนมาเกือบ 2 ปี ถือว่าสะท้อนสังคมได้มากที่สุด ขอขอบคุณและขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ถือว่า 160 บาทที่แพงที่สุดในชีวิต ค่าแรง 300 บาท ที่อาจเป็นเงินที่อุ้ม 3 ชีวิตใน 1 วัน และอาจเป็นเงินที่ผมใช้กินข้าวได้เพียง 1 มื้อ”
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่