SPCG ขานรับนโยบายรัฐบาล จับมือ 3 พันธมิตรแข็งแกร่ง PEA ENCOM และ 2 ยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น ร่วมพัฒนาธุรกิจโซลาร์รูฟในไทย เฟสแรกมุ่งเน้นลูกค้ากลุ่มโรงงานสัญชาติญี่ปุ่น ชี้พลังงานแสงอาทิตย์ผลิตไฟฟ้าช่วยประหยัดเงินจำนวนมาก และสร้างความมั่นคงพลังงานชาติยั่งยืน
นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG , Mr.Koji Nemoto ,Managing Executive Officer, Mitsubishi UFJ Lease & Finance Company Limitedหรือ MUL ,นายเขมรัตน์ ศาสตร์ปรีชารักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ PEA ENCOM และ Mr. Masaki Tamagawa, General Manager Sales Division Corporate Solar Energy Group, KYOCERA Corporation, Japan หรือ KYOCERA ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) เพื่อเพิ่มศักยภาพและโอกาสการลงทุนด้านธุรกิจโซลาร์รูฟในประเทศไทย
นางวันดีกล่าวว่า เนื่องจาก SPCG ในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจด้านการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์รูฟรายแรกของประเทศไทยและประชาคมอาเซียน ได้เล็งเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในปัจจุบันที่จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในอนาคตอันใกล้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการผลิตโซล่ารูฟเพื่อสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเกิดความเชื่อมั่นและมองเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาและขยายฐานธุรกิจด้านการผลิตโซลาร์รูฟ จึงได้เกิดความร่วมมือในครั้งนี้ โดยทุกฝ่ายได้เล็งเห็นถึงศักยภาพและความสามารถของแต่ละหน่วยงาน ที่มีความเหมาะสมกับโครงการดังกล่าวซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้เป็นการร่วมทุนแบบกิจการร่วมค้า โดยการร่วมมือจะเน้นไปที่ลูกค้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม เป็นหลัก เนื่องจากในแต่ละวันโรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ มีการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ทำให้การลดต้นทุนด้านค่าไฟฟ้าของโรงงานอุตสาหกรรมกลายเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ที่หลายๆโรงงานกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งในการติดตั้งระบบโซลาร์รูฟนั้น จะเข้ามามีส่วนในการช่วยเหลือโรงงานอุตสาหกรรมทั้งในเชิงการผลิตและการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าได้เป็นอย่างมาก สามารถนำพลังงานที่ผลิตได้จากแผงโซลาร์เซลมาใช้เป็นพลังงานหลักในเวลากลางวันได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น และยังมีส่วนช่วยเหลือในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Co2 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาภาวะโลกร้อนอีกด้วย จึงเชื่อมั่นว่าระบบนี้จะได้รับความนิยมแพร่หลายในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้นต่อไป
“การร่วมธุรกิจในครั้งนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของบริษัท ซึ่งหน้าที่หลักของเราคือการแสวงหาประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า และบริการลูกค้าแบบ one stop service ตั้งแต่เริ่มติดตั้งระบบโซลาร์รูฟไปจนถึงการดูแลสนับสนุนลูกค้าภายหลังจากการติดตั้ง รวมไปถึงการให้บริการหลังการขายสำหรับลูกค้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการทำงานและการบำรุงรักษาของระบบพลังงานมีประสิทธิภาพสูงสุด”
ด้าน Mr. Koji Nemoto กล่าวว่า MUL เป็นบริษัทการเงินใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานเป็นอันดับต้นๆ ดำเนินการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นโดยมีขนาดรวมประมาณ 400 เมกะวัตต์ ซึ่งจากที่ได้ทำการศึกษาโครงการบวกกับฐานลูกค้าของเราที่มีอยู่ในประเทศไทยจึงได้ตัดสินร่วมมือกับ SPCG, PEAENCOM และ KYOCERAโดยได้มองเห็นถึงจุดแข็งของแต่ละบริษัทที่มีในประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดพลังงานทดแทนที่เรามีฐานลูกค้าอยู่ คิดว่าการรวมความรู้และความสามารถของทั้ง 4 บริษัท ทำให้เราสามารถให้บริการที่มีคุณภาพและรวดเร็วแก่ลูกค้าได้ และกลายเป็นบริษัทชั้นนำในตลาด PPA ของประเทศไทย ส่วนเป้าหมายเริ่มแรกของเราคือตั้งเป้าการบริการให้ได้จำนวน 100 MW ซึ่งบทบาทของเราจะเป็นการช่วยระดมทุนและพัฒนาธุรกิจซึ่งเป็นจุดแข็งของเรา
นายเขมรัตน์ ศาสตร์ปรีชา รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ PEA ENCOM กล่าวว่า การร่วมพัฒนาธุรกิจในครั้งนี้ ถือเป็นการนำศักยภาพของทั้ง 4 บริษัทมาพัฒนาโครงการผลิตโซลาร์รูฟโดย PEA ENCOM มีแผนดำเนินการด้านการลงทุนดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าที่มีความเชื่อถือในภาพลักษณ์ของ PEA ENCOM ที่เป็นบริษัทในเครือของ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในด้านความมั่นคง ความน่าเชื่อถือและมาตรฐานและความปลอดภัยด้านการติดตั้งระบบผลิตโวลาร์รูฟมากกว่า 10 MWp อย่างไรก็ตาม การร่วมพัฒนาธุรกิจในครั้งนี้ในระยะแรกจะมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าหรือนักลงทุนในภาคอุตสาหกรรมจากประเทศญี่ปุ่นที่มีการตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งทุกท่านคงทราบดีว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยใน 20 กว่าปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งได้ถูกขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น
“พันธมิตรของเราล้วนมีความชำนาญที่สามารถเกื้อหนุนกันได้ ทั้ง MUL ซึ่งเป็นสถาบันการเงินอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น และ KYOCERA ซึ่งเป็นผู้ผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่มีประสบการณ์มากว่า 30 ปีและอีกหนึ่งพันธมิตรของเรา คือ SPCG ซึ่งเป็นบริษัทไทยที่มุ่งเน้นด้านการลงทุนระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์รายแรกๆ ของประเทศไทย ที่ทำให้เกิดการตื่นตัวของนักลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศในด้านการลงทุนระบบผลิตโซลาร์รูฟเป็นอย่างมากจนถึงปัจจุบัน สุดท้ายนี้ การร่วมพัฒนาธุรกิจของทั้ง 4 บริษัทในครั้งนี้จะเป็นแรงผลักดันและกระตุ้นการส่งเสริมการใช้ระบบโซลาร์รูฟซึ่งเป็นพลังงานสะอาดในประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้นและยั่งยืนต่อไป”