xs
xsm
sm
md
lg

ประวัติศาสตร์ที่อยากลืม แต่ต้องจำ! วิกฤติ ร.ศ.๑๑๒ หมาป่ากับลูกแกะที่ปากอ่าวเจ้าพระยา!!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค

รูปใน น.ส.พ.ฝรั่งเศสแสดงไทยยิงเรือนำร่องจม
เหตุการณ์ที่ปากอ่าวไทยเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๑๒ หรือ พ.ศ. ๒๔๓๖ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ นับเป็นเหตุการณ์แห่งความทรงจำอีกเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย แสดงถึงธาตุแท้ของมหาอำนาจ ข่มเหงประเทศที่ด้อยกว่าด้านอาวุธ เหมือนหมาป่ากับลูกแกะในนิทานอิสป

วันนั้น ราว ๑๘.๓๐ น. ฝนตกหนักที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาจนมองไม่เห็นฝั่ง พอฝนเริ่มซาลง “เรืออัครเรศร์” ที่ลอยลำสังเกตการณ์อยู่นอกสันดอน ก็เห็นเรือโดยสารฝรั่งเศสลำหนึ่งนำร่องให้เรือรบอีก ๒ ลำเร่งฝีจักรมุ่งเข้าสันดอนมา จึงส่งสัญญาณเตือนให้หยุด แต่เรือทั้ง ๓ ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับคงเร่งฝีจักรไม่ลดละ เรืออัครเรศร์จึงส่งสัญญาณแจ้งเหตุร้ายให้บนฝั่งทราบ เพราะมีสถานการณ์คุกกรุ่นกับฝรั่งเศสอยู่แล้ว ป้อมพระจุลจอมเกล้าซึ่งตั้งอยู่ที่แหลมฟ้าผ่า ห่างไป ๔ กม. และเพิ่งติดตั้งปืนใหญ่อาร์มสตรองจากอังกฤษเรียงรายอยู่ในหลุม ๗ กระบอก เรียกว่า “ปืนเสือหมอบ” มีฝรั่งชาติเยอรมันเป็นผู้ควบคุม จึงยิงกระสุนควันเตือนไป ๒ นัด เรือรบฝรั่งเศสกลับชักธงขึ้นยอดเสาเป็นสัญญาณประจำสถานีรบ และยิงกระสุนจริงโต้ตอบป้อมพระจุลฯ จึงใช้กระสุนจริงยิงตอบไป ๑๙ นัด ถูกเรือรบแองคองสตังค์ ทำให้ทหารตายไป ๑ คน และถูกเรือ เย.เบ.เซย์ ซึ่งเป็นเรือโดยสารที่วิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-ไซ่ง่อน และใช้เป็นเรือนำร่องในครั้งนี้ ได้รับความเสียหายจนต้องวิ่งเข้าเกยตื้น แต่กัปตันได้ลงเรือเล็กไปขึ้นเรือแองคองสตังค์นำร่องผ่านสันดอนเข้ามาด้วยความชำนาญร่องน้ำ โดยมีเรือโคเมต ซึ่งเป็นเรือปืนตามไป

ไทยได้จมเรือขวางร่องน้ำไว้ก่อนแล้วหลายลำ และขึงโซ่ถึงกัน แต่ก็เปิดช่องเดินเรือไว้ ๔ ช่อง ทั้งยังวางทุ่นระเบิดไว้ แต่เรือรบฝรั่งเศสได้ยิงทำลายทุ่นระเบิดทิ้ง และยิงเรือมกุฎราชกุมารที่เข้าขวาง จนต้องวิ่งเข้าเกยตื้นที่ฝั่งบางคอแหลม ทหารบนเรือเสียชีวิต ๑๒ คน บาดเจ็บอีก ๒๐ คนจากลูกเรือทั้งหมด ๘๐ คน เรือมูรธาวสิตสวัสดิ์ที่ตามมา ยิงปืนใหญ่ ๗๐ มม.ใส่เรือแองคองสตังค์ได้ ๒ นัดรางปืนก็แตก ถูกเรือรบฝรั่งเศสยิงท้องทะลุจนต้องวิ่งเกยตื้นไปอีกราย เมื่อเรือรบฝรั่งเศสทั้ง ๒ ลำแล่นผ่านเรือทูลกระหม่อม ซึ่งเป็นเรือใบฝึกนักเรียนนายเรือ เรือฝึกจึงยิงปืนกลเข้าใส่ ทำให้ทหารบนเรือโกเมตตายไปอีก ๒ คน

เรือรบฝรั่งเศสเข้ามาถึงพระประแดงก็ค่ำแล้ว ป้อมผีเสื้อสมุทรซึ่งติดตั้งปืนอาร์มสตรองเช่นกันได้ยิงสกัด แต่ไม่ถูก กลับถูกฝ่ายฝรั่งเศสยิงจนหลังคาป้อมยุบลงมาทับปืนใช้การไม่ได้ เรือรบฝรั่งเศสทั้ง ๒ ลำจึงฝ่าเข้ามาจอดถึงหน้าสถานทูตฝรั่งเศสที่กรุงเทพฯ ซึ่งมีเรือลูแตงเข้ามาจอดอยู่ก่อนแล้ว ตามข้อตกลงว่าชาติต่างๆ จะนำเรือรบเข้ามาจอดไม่เกินชาติละ ๑ ลำ เลยรวมเป็น ๓ ลำ

คนไทยยามนั้นไม่ใช่ไม่กล้าสู้ พากันไปชุมนุมอยู่ริมแม่น้ำร้องตะโกนด่าท้าทายอย่างไม่กลัวฝรั่งเศส จนทหารในเรือไม่กล้าขึ้นฝั่ง หลายคนก็คิดจะต่อแพไฟปล่อยตามน้ำเข้าเผาเรือรบฝรั่งเศส บางกลุ่มก็คิดจะดำน้ำเข้าไปเจาะเรือ มีการฝึกกันแล้ว แต่ทางการไทยต้องการใช้สันติวิธีจึงปรามไว้

ฝรั่งเศสเรียกค่าเสียหาย ๒ ล้านฟรังก์ซึ่งขณะนั้นเป็นเงินไทยประมาณ ๑ ล้านบาท และขู่ว่าถ้าไทยไม่ยอมจ่ายก็จะถล่มพระบรมมหาราชวังและเรือพระที่นั่งมหาจักรีด้วยปืนเรือ ทั้งยังเรียกร้องดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงและเกาะต่างๆในลำน้ำโขง ตั้งแต่ภาคเหนือของลาวจนจรดดินแดนเขมร กับให้ชดใช้ค่าเสียหายที่พระยอดเมืองขวางปะทะกับฝรั่งเศสที่เมืองเชียงคำและเมืองคำม่วนด้วย ไทยยอมทุกข้อนอกจากที่จะให้สละดินแดน ยอมให้แค่เมืองคำม่วนถึงสตึงเตรงเท่านั้น เพราะดินแดนที่ฝรั่งเศสเรียกร้องมานั้นเป็นของไทย ทั้งฝรั่งเศสก็เคยเซ็นสัญญายอมรับสิทธิของไทยเหนือหลวงพระบางแล้ว พอได้รับคำตอบ มองซิเออร์ปาวี ทูตฝรั่งเศสก็แสดงอาการไม่พอใจ พาคณะทูตลงเรือรบถอยออกจากกรุงเทพฯ ไปสมทบกับอีก ๑๐ ลำที่เรียกมาจากฐานทัพเรือไซ่ง่อนปิดอ่าวไทย และส่งทหารขึ้นยึดเกาะสีชัง

หลายประเทศในยุโรปต่างรุมประณามฝรั่งเศส นสพ.อังกฤษโจมตีฝรั่งเศสอย่างรุนแรง เพราะเกรงจะเสียผลประโยชน์ของอังกฤษในไทย รัฐบาลอังกฤษยื่นประท้วง แต่ฝรั่งเศสก็อ้างว่าหลวงพระบางเคยเป็นของญวนที่ตกเป็นของฝรั่งเศสแล้ว ก็ต้องเป็นของฝรั่งเศสด้วย ทูตอังกฤษประจำปารีสตอกกลับว่า ถ้าอ้างอย่างนั้นอังกฤษก็อ้างได้ว่า นอร์มังดีกับอีกหลายเมืองของฝรั่งเศสก็เคยเป็นของอังกฤษ

แต่ก็แค่แสดงไปอย่างนั้นเอง ไม่จริงไม่จัง ไม่มีใครช่วยไทยได้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงผิดหวังกับการปกป้องความยุติธรรมของชาติมหาอำนาจมาก ทุกประเทศที่อ้างมนุษยธรรม อ้างประชาธิปไตย ต่างทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเท่านั้น ไทยจึงต้องรีบยอมทำตามข้อเรียกร้องของฝรั่งเศสทุกข้อ ก่อนที่จะเรียกร้องมากไปกว่านั้น

แม้จะยอมทุกข้อแล้วฝรั่งเศสก็ยังไม่พอ เรียกเงินอีก ๓ ล้านบาทไทย และยึดเมืองจันทบุรีเป็นประกัน เพื่อให้ไทยปฏิบัติตามข้อเรียกร้องให้ครบถ้วน สถานการณ์ยามนั้นฝรั่งเศสเรียกร้องอะไรไทยก็ต้องทำตามทุกอย่างไม่มีทางบิดพลิ้ว พระบรมวงศานุวงศ์ต่างนำแก้วแหวนเงินทองทรัพย์สมบัติที่เก็บไว้ ออกมาขาย เอาเงินไปถวายรวมกับ “เงินถุงแดง” ที่รัชกาลที่ ๓ ทรงสะสมไว้จากกำไรค้าสำเภา ทรงรับสั่งเป็นลางไว้ตั้งแต่ครั้งนั้นว่า “เอาไว้ไถ่บ้านไถ่เมือง” ซึ่งก็ได้ไถ่จริงๆจากฝรั่งเศส

เมื่อได้ทีฝรั่งเศสก็ยังไม่ยอมเลิกง่ายๆ มีพฤติกรรมเหมือนหมาป่าในนิทานอิสป อยากได้ดินแดนของไทยตรงไหน ก็ส่งทหารเข้ายึดแล้วอ้างดื้อๆว่าเคยเป็นของญวนของเขมรมาก่อน

อ่านประวัติศาสตร์ยุคล่าอาณานิคมแล้วจะซึมทราบได้ดีว่าไทยเราต้องผ่านความขมขื่นมาแค่ไหนกว่าจะมาถึงวันนี้ และมหาอำนาจที่อ้างว่าเป็นประเทศที่พัฒนา เจริญกว่านั้น อย่าคิดว่าจะยึดถือเกียรติยศหรือมีความกระดากอาย เขาคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ของประเทศเขาเองทั้งนั้น แม้ในวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบไป

อ่านประวัติศาสตร์เสียให้ซึ้ง แล้วอย่าไปดึงเอาหมาป่าพวกนั้นมาเป็นสักขีพยานในกิจการภายในประเทศของเรา มันเป็นการชักศึกเข้าบ้าน ทุกคนเขาก็ทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติตัวเองเท่านั้น อย่าไปหลงว่าเขาชื่นชมยกย่องสนับสนุน มันเพียงแค่หลอกใช้ ทั้งจะดูถูกเอาด้วยว่า เป็นคนที่ทรยศต่อแผ่นดินเกิดของตัวเอง
เรือรบฝรั่งเศสหน้าพระเจดีย์กลางน้ำ
ป้อมพระจุลฯกับเรือทั้ง ๓ ของฝรั่งเศส
สภาพเรือฝรั่งเศสเมื่อฝ่าป้อมพระจุลฯเข้ามา
น.ส.พ.ยุโรปประนามฝรั่งเศสเป็นหมาป่ากัยลูกแกะ
กำลังโหลดความคิดเห็น