เภสัชกรออกมาเตือนและเผยส่วนผสมยาลดน้ำหนักที่อ้างเป็นว่าของคลินิก หลังสาวสั่งยาลดน้ำหนักผ่านสื่อโซเชียล กินได้ 12 วันเสียชีวิต ชี้อันตรายอย่าเสี่ยงสั่งกิน
เมื่อวันที่ 5 ก.ค. เพจ “สาระสุขภาพยาน่ารู้โดยเภสัชกรอุทัย” ให้ความรู้จากกรณีสาวสั่งยาลดน้ำหนักผ่านสื่อโซเชียล กินได้ 12 วันเสียชีวิต
จากข่าวรายงานว่า มีหญิงสาววัย 30 ปี สั่งยาลดน้ำหนัก ที่อ้างเป็นว่าคลินิคแห่งหนึ่งในโซเชียลมีเดียมารับประทานได้เพียงแค่ 12 วัน เกิดเวียนศีรษะ อาเจียน อ่อนเพลีย จนในที่สุดเกิดอาการเกร็งตามร่างกายจนหัวใจหยุดเต้นเสียชีวิตที่โรงพยาบาล แพทย์ระบุหัวใจเต้นผิดจังหวะจากการใช้ยาลดน้ำหนัก ถ้าเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบติดตามต่อไปถึงต้นตอผู้จำหน่ายและเอายาไปตรวจจะรู้ได้ทันทีเลยว่ามียาอะไร เสี่ยงตายแค่ไหน ถ้ากินโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเสียก่อน
ทั้งนี้ยาในซองมีอะไรบ้าง กินแล้วเสี่ยงตายแค่ไหน โดยยาลดความอ้วนที่จัดเป็นยาชุด แต่เดิมมีลักษณะการจ่ายมาจากแพทย์ของคลินิกความงาม ภายหลังแม่ค้าเลวๆ ไปหาซื้อจากแหล่งต่างๆ มาแพกขายเป็นซองๆ แล้วอ้างว่ายาลดความอ้วนสูตรคลินิกวางขายเกลื่อน
โดยเภสัชกรขอมาแจกแจงให้คุณๆ ได้รับรู้เท่าทันถึงผลต่อยาแต่ละตัวที่มีผลต่อการลดความอ้วนแบบผิดๆ และผลข้างเคียงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างละเอียดดังต่อไปนี้
1. ยาควบคุมความหิวในกลุ่มแอมเฟตามีน จัดอยู่ในกลุ่มยาบ้าที่คุณๆ กลัวกันอยู่แล้ว โดยยาจะออกฤทธิ์กระตุ้นศูนย์ควบคุมความอิ่มทำให้เกิดอาการเบื่ออาหาร แต่ผลจากยาประเภทนี้ออกฤทธิ์ต่อสมองโดยตรง ทำให้เกิดผลแทรกซ้อนตามมาค่อนข้างมาก เช่น นอนไม่ค่อยหลับ รู้สึกกระสับกระส่าย อารมณ์หงุดหงิด ใจสั่นเต้นเร็ว ปากแห้ง คอแห้งจนกระหายน้ำบ่อย
2. ยาในกลุ่มไทรอยด์ ซึ่งเราจะสั่งจ่ายสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องไทรอยด์ แต่ยาตัวนี้มีฤทธิ์ทำให้เบื่ออาหารและมีการเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกายมากขึ้น เพื่อเร่งเอาไขมันที่สะสมออกมาใช้เป็นพลังงาน ยาตัวนี้หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้การหลั่ง ฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกายผิดปกติ และมีผลกระตุ้นต่อระบบหัวใจและและตับ อีกด้วย
ใครบอกว่ากินแล้วไม่เป็นอะไร แม่ค้ามันโหดสาดดดดด เห็นไหมครับ
3. ยากลุ่ม Beta_Blockers มักมีการเติมยาตัวนี้ไปเพื่อลดอาการใจสั่นที่เป็นผลข้างเคียงของยากลุ่มอนุพันธ์แอมเฟตามีนและไทรอยด์ฮอร์โมน ความจริงแล้วยากลุ่มนี้จะใช้เพื่อการรักษาความดันโลหิตสูง โดยยาไปออกฤทธิ์ยับยั้งที่หัวใจ จะลดอัตราการเต้นของหัวใจ ผลข้างเคียงโดยตรงของยาอีกอย่างเช่นหัวใจที่เต้นผิดปกติ การทำงานของระบบไหลเวียนเลือดที่ผิดปกติ ถือว่าเป็นการใช้ยาผิดประเภทอีกตัวหนึ่ง
4. ยากลุ่มยารักษาอาการซึมเศร้า ที่เห็นบ่อยๆ มักอยู่ในรูปแคปซูลเขียว-ขาว นั่นดิ แต่ยาตัวนี้มีผลข้างเคียงคือทำให้ไม่ค่อยอยากอาหาร จึงมีการนำยาตัวนี้มาใช้ลดความอ้วน แต่มีอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นได้เยอะมากได้แก่ คลื่นไส้ ง่วงซึม นอนไม่หลับ ลดแรงขับทางเพศ และอื่นๆ อีกมากมาย ก่อนใช้ยาตัวนี้จึงสมควรต้องขอคำปรึกษาจากผุ้เชี่ยวชาญก่อนนะครับ
5. ยาระบาย ใช่ครับ เม็ดเหลืองๆ เล็กนั่นแหละครับ กินไปให้ขี้บ่อยๆ เนื่องจากยาตัวนี้มีฤทธฺิ์ไปกระตุ้นทางเดินอาหารเร่งการถ่ายอุจจาระออก คนไข้จะรู้สึกพอใจเพราะน้ำหนักลดได้เร็ว แต่น้ำหนักที่ลดไปจะเป็นกากอาหารและน้ำที่ร่างกายขับออกมา แต่ความจริงแล้วสารอาหารต่างๆ ถูกดูดซึมเข้าไปสะสมในร่างกายก่อนที่จะระบายออกไป แล้ว หากไม่กินยาต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไปไม่เกิน 48 ชั่วโมงคุณก็จะมีน้ำหนักกลับมาเพิ่มขึ้นเท่าเดิมได้อีก นอกจากนี้การใช้ยาระบายเป็นระยะเวลานานๆ จะทำให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารผิดปกติ และทำให้ร่างกายสูญเสียแร่ธาตุที่สำคัญไป ถ้าใช้บ่อยๆ ยาระบายจะทำให้ถ่ายบ่อยจนลำไส้ใหญ่ดื้อจนไม่ถ่ายหากไม่ได้รับยา จนกลายเป็นท้องผูกตามมาในที่สุด
6.ยาขับปัสสาวะ เป็นยาที่เลือกใช้กันอย่างมาก เพราะจะได้ผลเร็วและน้ำหนักลดลงมากในระยะแรกๆ เพราะสิ่งที่ลดลงได้ไม่ใช่ไขมัน แต่เป็นน้ำภายในร่างกาย ผลข้างเคียงที่ตามมาของยาขับปัสสาวะจะทำให้ฉี่บ่อยจนทำให้ขาดเกลือแร่ที่สำคัญ ดังนั้นที่ลดเร็วๆ ไม่ใช่น้ำหนักนะครับ แค่ฉี่น้ำออกไปต่างหาก
7. ยาที่ช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น มักจะเป็นพวกเส้นใยอาหารที่ไปบวมน้ำในกระเพาะจนเต่ง หลอกให้ไม่รู้สึกหิว หรือกินอาหารได้น้อยลง แต่ผลข้างเคียงที่ตามมามักจะทำให้เกิดอาการท้องอืด หรือถ่ายได้ลำบากหากดื่มน้ำน้อยเกินไป
8. กาเฟอีน ตัวเดียวกับที่อยู่ในกาแฟนั่นแหละครับ บางรายก้อจะใส่สารสกัดจาก green tea ซึ่งเป็นสารตัวเดียวกัน คือ กาเฟอีนนั่นเอง ตัวมันจะออกฤทธิ์เพิ่มการใช้พลังงานของร่างกาย แต่ต้องใช้ในปริมาณมากๆ มากกว่าการที่ไปอวดอ้างว่าในกาแฟสามารถลดความอ้วนได้ ผลข้างเคียงได้แก่ นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ความดันเลือดสูง หัวใจเต้นผิดปกติเป็นต้น
9. อาหารเสริมต่างๆ ล้านแปดตามสมัยนิยมที่จะนำมาอวดอ้างกัน ด้วยความเชื่อว่าจะช่วยให้ช่วยลดน้ำหนัก เช่น ไคโตซาน ส้มแขก ถั่วขาว ตะบองเพชร พริกไทยดำ อีกมากมายหลายตัวเหลือเกินจนนำมาสรุปให้ไม่ไหวครับ ด้วยเชื่อกันว่าจะไปลดการดูดซึมอาหารและเร่งการเผาไขมันในร่างกาย ซึ่งความจริงแล้ว ยังไม่มีผลการวิจัยว่าจะได้ผลแต่อย่างใดเลยครับ
10. วิตามิน เป็นทางเลือกที่นำมาจ่ายควบคู่มาด้วยไปด้วยกับกลุ่มยาต่างๆ ข้างบน เพราะเมื่อใช้ยาเหล่านั้นซึ่งมักมีผลข้างเคียงต่างๆ มากมายที่ทำให้ไม่รู้สึกหิว ทำให้กินอาหารไม่ครบหมู่เพียงพอ หรือผลจากยาขับปัสสาวะหรือยาระบายที่ขับน้ำออกจากร่างกายมากไป ทำให้ร่างกายสูญเสียเกลือแร่และวิตามิน
11. ยากลุ่มที่ลดการดูดซึมของไขมัน ตัวนี้เวลากินแล้ว อุจจาระของคุณที่ออกมาจะมีคราบไขมันเต็มโถอึออกมาด้วย ยาตัวนี้แท้จริงแล้วออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ปกติจะใช้ช้ในการย่อยไขมัน พอไขมันไม่ย่อยเป็นชิ้นเล็กๆ ก็เป็นผลให้ไม่ถูกดูดซึมเข้าร่างกาย ซึ่งจะเป็นผลให้ร่างกายไม่สะสมพลังงานในรูปแบบไขมัน แต่ผลที่ตามมาร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมวิตามินกลุ่มที่ละลายในไขมันไปใช้ได้ ทำให้ผู้ที่ได้รับยากลุ่มนี้มักมีอาการขาดวิตามินกลุ่มที่ละลายได้ในไขมันได้ในที่สุด
โดย ทางเพจได้ฝากข้อคิดทิ้งท้ายไว้ว่า “ถามว่าจะทำอย่างไรดี ไม่รู้สิ หน่วยงานที่รับผิดชอบจะไม่ทำอะไร จนกว่าลูกหลานของคุณไปซื้อมากิน แล้วเกิดผลข้างเคียงจนเสียชีวิต ดังนั้น เตือนลูกสาว หลานสาว เพื่อนสาว ให้ดีๆ แล้วกันเภสัชกรมาเตือนแล้วนะ”