ผู้เสียหายจากความบกพร่องทางการแพทย์ของโรงพยาบาลทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ที่อ้างว่าตรวจพบเชื้อเอชไอวีเมื่อ 5 ปีก่อน ยืนยันตรวจที่สภากาชาดไทยไม่พบเชื้อ เผยความรู้สึกฝังใจมานาน 5 ปี ไม่เชื่อและอึ้ง คิดว่ามันเป็นความฝัน ข้องใจเหตุใดผลตรวจไม่เหมือนกัน
วันนี้ (4 ก.ค.) กรณีที่นางมณีรัตน์ คงหอม ผู้เสียหายจากกรณีที่แพทย์โรงพยาบาลทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช แจ้งว่าตรวจพบเชื้อเอชไอวี ระหว่างให้กำเนิดบุตรคนที่ 4 กระมั่งมาถึงบุตรคนที่ 5 ต้องทนทุกข์ทรมานทานยาต้าน และถูกสังคมรังเกียจ ต้องเลิกกับสามีเก่า มีสามีใหม่ ตั้งครรภ์ลูกคนที่ 6 ตัดสินใจย้ายไปอยู่พิษณุโลก กลับถูกทางโรงพยาบาลระบุว่าไม่มีเชื้อเอชไอวี ขณะที่โรงพยาบาลทุ่งสงกลับแสดความรับผิดชอบด้วยการให้เงิน 5 หมื่นบาทเพื่อจบเรื่อง อ้างเครื่องตรวจมีปัญหา
ล่าสุด นางมณีรัตน์ ให้สัมภาษณ์ในรายการเป็นเรื่องเป็นข่าว ทางสถานีโทรทัศน์พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 ดำเนินรายการโดย นายเสถียร วิริยะพรรณพงศา ระบุว่า ล่าสุดไปตรวจยืนยันกับสภากาชาดไทยวันนี้ ได้ผลอย่างเป็นทางการว่าไม่พบเชื้อเอชไอวี จึงข้องใจว่าเหตุใดผลการตรวจหาเชื้อเอชไอวีของแต่ละโรงพยาบาลได้ผลที่ไม่เหมือนกัน เป็นความผิดพลาดที่อุปกรณ์ บุคคล หรือระบบ เพราะส่งผลกระทบต่อตนเป็นอย่างมาก
นางมณีรัตน์ เล่าว่า ตนไม่ได้ฝากครรภ์ เพราะรู้แล้วว่าฐานข้อมูลจากโรงพยาบาลทุ่งสงเป็นคนไข้เอชไอวีแน่นอนอยู่แล้ว ตนรอไปคลอด ปวดท้องคลอดเลย หมอก็เจาะเลือดให้แบบละเอียด ก็เลยตกลงแล้ว หมอกล่าวว่าเลือดไม่ตรงกัน กว่าจะออกจากโรงพยาบาลก็บอกแล้วว่าน่าจะมีข่าวดี แต่ว่านัดให้ตนมาเจาะเลือดใหม่ ตนไม่กล้าไป คิดว่าเป็นเอชไอวีแล้วคงเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่ใช่ความจริงอยู่แล้ว ก็เลยตามให้พยาบาลมาตรวจเลือดถึงที่บ้าน
"พอไปถึงหมอบอกว่าหนูไม่มีเชื้อเอชไอวี หนูไม่เชื่อ มันอึ้งไป (มันฝังใจไปแล้วเหรอ 5 ปี) ใช่ หนูไม่เชื่อ คุณหมอยังออกใบรับรองแพทย์ให้หนู หนูมาถือใบรับรองแพทย์เป็นเดือนๆ หนูก็ไม่คิดว่ามันใช่แล้ว หนูคิดว่ามันเป็นความฝัน" นางมณีรัตน์ กล่าว