สัมพันธ์ธุรกิจ 13 ปี โฮมโปรกับซีเอ็ดระหองระแหง “เกษมสันต์” ร่อนหนังสือถึงพนักงาน ย้ำถูกขอให้ออกจากห้างฯ โดยไม่เต็มใจ บีบให้เซ็นสัญญาฉบับใหม่ เตรียมเจรจาหลังขู่ที่เหลืออีก 8 สาขาจะอยู่หรือไป ฝั่งโฮมโปรโต้ ยกเลิกบางส่วน แต่อีกส่วนซีเอ็ดเลิกเอง โอดลดค่าเช่าเพื่อช่วยเหลือธุรกิจแล้ว เล็งฟ้องกลับเพื่อรักษาชื่อเสียง
ความขัดแย้งระหว่าง บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊กเซ็นเตอร์ (SE-ED) กับ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของห้างจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านโฮมโปร (HOMEPRO) สืบเนื่องมาจากนายเกษมสันต์ วีระกุล ประธานกรรมการบริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น สั่งติดสติกเกอร์หน้าร้านซีเอ็ดบุ๊กเซ็นเตอร์ สาขาโฮมโปร รามอินทรา ระบุว่า “ขอโทษครับ ร้านซีเอ็ดสาขานี้ ไม่สามารถอยู่ขายหนังสือให้ท่านได้อีกต่อไป เมื่อถูกให้ย้ายออกก็ต้องออกครับ #savebookstore” เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.
ทำให้บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ ทำหนังสือชี้แจงว่า การทำสัญญาเช่าร้านค้าระหว่างโฮมโปรและซีเอ็ด เดิมทำสัญญา 3 ปี สิ้นสุดวันที่ 20 เม.ย. 2562 ต่อมาทั้งสองฝ่ายได้ตกลงต่อสัญญาออกไปอีกเป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งทางซีเอ็ดได้ตกลงตามสัญญา ดังนั้น จากกรณีดังกล่าวเป็นการย้ายออกเนื่องจากสิ้นสุดระยะเวลาการเช่า ตามข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย โดยสัญญาจะสิ้นสุดลงในวันที่ 20 ก.ค. 2562 มิใช่การถูกให้ย้ายออกตามข้อความที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด และบริษัทฯ สงวนสิทธิ์ในการใช้สิทธิตามสัญญาหรือตามกฎหมาย รวมถึงดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องต่อไป
- ซีเอ็ดแฉโฮมโปร บีบให้เซ็นสัญญาใหม่ จบลงที่ปิดร้านเงียบๆ-ลั่นเป็นผู้ถูกกระทำ
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 2 ก.ค. นายเกษมสันต์ วีระกุล ประธานกรรมการบริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือภายในถึงพนักงานร้านซีเอ็ดบุ๊กเซ็นเตอร์ ระบุว่า กรณีสั่งติดสติกเกอร์ขอโทษลูกค้าที่สาขาโฮมโปรรามอินทรา ถ้อยคำที่ใช้ในสติกเกอร์นั้นเป็นคนคิดและสั่งการด้วยตัวเอง พร้อมกำหนดวันเวลาและสถานที่ติด โดยไม่มีผู้ใดในบริษัททราบเรื่อง ยกเว้นเจ้าหน้าที่ซึ่งทำตามคำสั่ง สาระสำคัญก็คือ ต้องการขอโทษที่ไม่สามารถอยู่ให้บริการลูกค้าได้อีกต่อไป ซีเอ็ดไม่ได้ต้องการจะปิดสาขานี้ แต่โดนให้ย้ายออก ถ้าไม่สั่งติดสติกเกอร์ ลูกค้าอาจจะเข้าใจผิดว่า ซีเอ็ดต้องการปิดสาขานี้เอง ซึ่งไม่ตรงต่อข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ จากการที่ตนได้รับทราบข้อมูลจากการประชุมด้วยตัวเองและเอกสารสัญญาต่างๆ พบว่า ผู้บริหารโฮมโปรได้ขอให้ซีเอ็ดย้ายออกตั้งแต่ก่อนจะครบสัญญาในปี 2562 ซึ่งในสัญญาหลัก ยังมีคำมั่นที่สามารถจะอยู่ต่อได้อีก 3 ปี จนถึงปี 2565 ซึ่งเป็นรูปแบบสัญญาปกติทั่วไปของการเปิดร้านตามห้างสรรพสินค้า หรือไฮเปอร์มาร์เกตต่างๆ การขอให้ออกโดยที่ไม่มีอำนาจต่อรองและไม่เต็มใจ แม้ว่าทีมจะพยายามอยู่ต่อตามสัญญาและคำมั่นที่มีก็ไม่เป็นผล ซีเอ็ดจึงต้องยอมลงในสัญญาใหม่ การเจรจาทางธุรกิจที่ซีเอ็ดไม่มีอำนาจต่อรอง ต้องยอมทำตามความต้องการของเจ้าของสถานที่แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง และจบลงด้วยการปิดร้าน หรือย้ายร้านเงียบๆ ล้วนแต่ส่งผลกระทบทางลบกับซีเอ็ดทุกครั้ง เมื่อซีเอ็ดเงียบและยอมจึงโดนกระทำแบบนี้มาโดยตลอด
นายเกษมสันต์ยังกล่าวอีกว่า การย้ายออกก่อนหมดสัญญาและคำมั่น รวมถึงการย้ายสถานที่ตั้งนั้นเกิดขึ้นเป็นระยะกับทุกห้างฯ แต่ไม่เคยมีความคิดจะไปติดสติกเกอร์แบบนี้กับห้างฯ อื่น เพราะผู้บริหารสถานที่เหล่านั้นต่างให้เกียรติและเจรจากับซีเอ็ดอย่างเป็นธรรม ตนมั่นใจว่าซีเอ็ดไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปิดสาขาครั้งนี้ จากนี้ได้สั่งการให้ทีมบริหารเจรจากับทางผู้บริหารโฮมโปรตามคำขอ ซึ่งถามแนบมาด้วยว่า “ที่เหลืออีก 8 สาขาจะทำธุรกิจกับโฮมโปรต่อไป หรือจะหยุดกันแค่นี้” ตนได้ให้นโยบายไปว่าหากทำธุรกิจด้วยความเป็นธรรม ก็พร้อมที่จะทำธุรกิจกันต่อไป แต่หากยังทำธุรกิจกันแบบที่ผ่านมา ตนขอพิจารณาอีกครั้งหนึ่งก่อนจะตัดสินใจ โดยให้พนักงานซีเอ็ดทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถต่อไป โดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้ แต่ห้ามแสดงความเห็นตอบโต้กับคนที่เห็นต่างกับตนเด็ดขาด ตนจะพยายามอย่างถึงที่สุดในการที่จะรักษาร้านและศักดิ์ศรีของซีเอ็ดไว้ให้ดีที่สุด
- โฮมโปรโต้ซีเอ็ด ขอเลิกสัญญาก่อนกำหนดบางส่วน ที่ผ่านมาช่วยลดค่าเช่าแล้ว
น.ส.สิริวรรณ เสริมชีพ ผู้จัดการทั่วไปสายสื่อสารการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือชี้แจงลูกค้า และคู่ค้าของบริษัทฯ ระบุว่า สัญญาระหว่างโฮมโปรและซีเอ็ดในการเช่าพื้นที่ สาขาเอกมัย-รามอินทรา จะสิ้นสุดลงในวันที่ 20 ก.ค. 2562 ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงและยินยอมของทั้งสองฝ่าย ตลอดระยะเวลากว่า 13 ปีที่ผ่านมา โฮมโปรและซีเอ็ดทำธุรกิจร่วมกันมา โดยมีสาขาทั้งหมด 21 สาขา ต่อมามีการเจรจายกเลิกสัญญาบางส่วน และบางส่วนทางซีเอ็ดเป็นฝ่ายที่ขอบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนดเอง ซึ่งทางโฮมโปรก็ได้ช่วยปรับลดค่าเช่า ค่าบริการ เพื่อช่วยให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ ซึ่งโฮมโปรต้องเป็นฝ่ายที่แบกรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นทุกปี จากที่นายเกษมสันต์กล่าวอ้าง ทำให้โฮมโปรอาจได้รับผลกระทบจากความเข้าใจผิด ว่าโฮมโปรเป็นฝ่ายผิดสัญญาและดำเนินธุรกิจอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งที่บริษัทฯ พยายามช่วยเหลือและประคับประคองธุรกิจให้คู่ค้ามาโดยตลอด เพื่อรักษาสิทธิและชื่อเสียงของบริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องชี้แจงให้ลูกค้าและคู่ค้าของบริษัทฯ รับทราบข้อเท็จจริง ในขณะเดียวกันทางบริษัทฯ ก็กำลังดำเนินการตามกฎหมายเพื่อรักษาความถูกต้องและชื่อเสียงของบริษัทฯ ต่อไป
