ห่วงความปลอดภัยสนามบินสุวรรณภูมิ ทอท.จี้ทบทวนสร้างห้างยักษ์ ส่อรุกล้ำพื้นที่สีเขียว

ทอท.ห่วงความปลอดภัยสนามบินสุวรรณภูมิ จี้ทบทวนสร้างห้างยักษ์ หลังส่อเค้ารุกล้ำที่หลวงพื้นที่สีเขียว จี้ให้ 3 หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องจัดการ ด้านเจ้าของโครงการยังนิ่ง

จากกรณีที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ ทอท.9433/2562 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 27 มิ.ย. 62 ถึง อบต.บางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ให้ตรวจสอบว่ากรณีบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัล วิลเลจ ในพื้นที่สีเขียวหรือไม่

วันนี้ (2 ก.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่าพบว่า น.ส.ชนาลัย ฉายากุล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ยังได้ทำหนังสืออีก 2 ฉบับ (รวมเป็น 3 ฉบับ) โดยเอกสารฉบับที่ 2 ลงเลขที่ ทอท.9434/2562 ลงวันที่ 27 มิ.ย. 62 ถึงผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่องการก่อสร้างอาคารในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ภายหลัง ทอท.ได้ตรวจสอบพบว่าบริษัทเอกชนปลูกสร้างอาคารรุกล้ำในที่ราชพัสดุ ซึ่งกรมธนารักษ์ได้มอบให้ ทอท.ใช้ประโยชน์เพื่อกิจการท่าอากาศยาน

สำหรับอาคารที่อาจมีปัญหาหรือไม่นั้น การตรวจสอบพบว่ามีระยะห่างจากหัวทางวิ่งในบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ (01R) ไปทางทิศใต้ 2,000 เมตร และตั้งฉากไปในทางทิศตะวันตก 440 เมตร รวมทั้งยังพบทาวเวอร์เครน (Tower Crane) หรือเครื่องจักรกลหนักที่นำมาใช้ในงานก่อสร้าง อาจกระทบต่อความปลอดภัยในการบิน ทอท.จึงแจ้งข้อมูลให้สำนักการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยทราบและพิจารณาดำเนิการต่อไป

ส่วนฉบับที่ 3 เลขที่ ทอท.9432/2562 ลงวันที่ 27 มิ.ย. 62 ถึงอธิบดีกรมธนารักษ์ เรื่องขอดำเนินการกรณีบริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน) สร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำที่ราชพัสดุ หลังพบว่าบริษัท เซ็นทรัลฯ ได้ปลูกสร้างโครงการศูนย์การเซ็นทรัล วิลเลจ และได้ขออนุญาตให้เปิดทางเท้าทำทางเชื่อมเพื่อเป็นทางเข้าออกของโครงการ ในเขตทางหลวงหมายเลข 370 หรือ ถนนเชื่อมระหว่างถนนมอเตอร์เวย์ และถนนบางนา-ตราด ซึ่ง ทอท.ผู้ครอบครองพื้นที่ได้พิจารณาแล้วไม่อนุญาต โดยได้แจ้งบริษัท เซ็นทรัลฯ รับทราบตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. 62

ประกอบด้วยเหตุผล ดังนี้ 1. ที่ดินดังกล่าวได้จากการเวนคืน และเป็นที่ราชพัสุดุ ที่ต่อมามอบให้ ทอท.ครอบครอง และใช้ตามวัตถุประสงค์การเวนคือเรื่องทำสนามบินพาณิชย์เท่านั้น 2. ปัจจุบันการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังอยู่ในโครงการพัฒนาระยะที่ 2 หากในอนาคตมีการพัฒนาเต็มรูปแบบ การจราจรในบริเวณทางเข้าออกทางทิศใต้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะมีปริมาณการจราจรที่หนาแน่นกว่าปัจจุบัน 3. การทำทางเชื่อมอาจทำให้เกิดปัญหาและอุปสรรคต่อการสร้างระบบสาธารณูปโภคในช่วงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะถัดไป เช่น การก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 115 kv ที่มีแนวก่อสร้างตามแนวทางหลวงหมายเลข 370

นอกจากนี้ ในวันที่ 29 พ.ค. 62 สำนักงานที่ดิน จังหวัดสมุทรปราการ สาขาบางพลี ตรวจสอบพบว่า โครงการศูนย์การค้า เซ็นทรัล วิลเลจ ได้สร้างแนวรั้ว ป้าย ประตูโครงการและทางเชื่อมเข้าออกโครงการล้ำแนวเขตที่ราชพัสดุประมาณ 164 ตารางวา ในความครอบครองของทอท. บริเวณทางหลวงหมายเลข 370 ซึ่ง ทอท. ได้แจ้งให้บริษัทฯ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปใน15 วัน และพบว่าบัดนี้ได้ล่วงเลยเวลามาแล้ว แต่ยังไม่มีการรื้อถอนแต่อย่างใด จึงเห็นควรแจ้งเรื่องรื้อถอนให้หน่วยงาน กรมธารักษ์ เจ้าของที่ราชพัสดุ และในฐานะผู้ปกครองทราบเพื่อพิจารณาตามกฎหมาย

รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีดังกล่าวเกิดจากสื่อมวลชนหลายแขนงนำเสนอข่าวว่ามีชาวบ้านร้องเรียนมีการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ บนถนนเชื่อมระหว่างถนนมอเตอร์เวย์ และถนนบางนา-ตราด ฝั่งตรงข้ามกับสนามบินสุวรรณภูมิ ถนนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 3 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ สร้างในพื้นที่สีเขียว ประเภทชนบทและเกษตรกรรมหรือไม่

เนื่องจากก่อนหน้านี้ ผู้บริหารห้างยักษ์เคยแถลงว่าได้ใช้งบลงทุนสูงถึง 5 พันล้านบาท พื้นที่โครงการ 40,000 ตารางเมตร บนเนื้อที่ 100 ไร่ รองรับร้านค้าแบรนด์เนมระดับโลก 235 ร้านค้า มีโรงแรมมาตรฐานระดับโลก, ร้านอาหาร, จุดบริการนักท่องเที่ยว, สนามเด็กเล่น เป็นต้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวแวะช็อปปิ้งก่อนเข้าเมืองหรือเดินทางกลับประเทศ ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 10 นาที ตั้งเป้ารองรับลูกค้าวันละ 17,000 คนต่อวัน หรือ 6 ล้านคนต่อปี โดยจะเปิดให้บริการภายในเดือน ส.ค. 62 นี้

ด้านนายจำเริญ หลำวรรณะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่ายังไม่เห็นหนังสือจาก ทอท.ที่ระบุลงวันที่ 27 มิ.ย. 62 ทำมาถึง อบต.บางโฉลง แต่อย่างใด