“นักวิชาการ” ลั่นอาเซียนอยู่ด้วยกันมาได้เพราะเคารพกฎไม่แทรกแซงกิจการภายใน แต่หลายครั้งที่ปลดล็อกกฎนี้ได้ก็ต่อเมื่อผู้นำประเทศนั้นๆ ขอความช่วยเหลือมาเท่านั้น ติง “ธนาธร” ไม่เข้าใจกระบวนการอะไรเลยแล้ววิพากษ์วิจารณ์โดยใช้ความคิดเห็นล้วนๆ แนะอยู่เงียบๆ ก็ไม่มีใครว่า
วันที่ 26 มิ.ย. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “บทสรุปอาเซียนซัมมิท ครั้งที่ 34”
โดย ดร.ปิติ ได้กล่าวช่วงหนึ่งว่า ตนให้คะแนนอาเซียนซัมมิตในฐานะที่ไทยเป็นประธานเที่ยวนี้ เต็ม 100 ให้ 95 ที่ไม่ให้อีก 5 คะแนน เพราะเรายังไม่สามารถผลักดันเหตุการณ์ความไม่สงบในรัฐยะไข่ได้เท่าที่ควร เพราะเป็นเรื่องเปราะบาง เป็นเรื่องภายใน เราต้องเข้าใจว่าอาเซียนอยู่ด้วยกันได้ มีการประชุมวางหลักการของอาเซียนในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 1 เกิดในปี 1976 ที่บาหลี ได้เอกสารที่เรียกว่า Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia หรือ TAC (หมายถึงสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) กำหนดว่า อาเซียนจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศเพื่อนบ้าน เพราะการที่เราไปยุ่งอาจจะทำให้อาเซียนแตกเลยก็ได้ อย่างปรากฏการณ์เบร็กซิต คือ ออกจากการเป็นสมาชิก อาเซียนก็เคารพกฎนี้มาตลอด 52 ปีของการอยู่ด้วยกัน
ดร.ปิติ กล่าวอีกว่า ตนเห็นบางคน บางพรรค ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร ก็ออกมาพูดเพราะอาจจะคิดว่าพูดแล้วเท่ แล้วก็บอกให้ยกเลิกการเคารพกฎนี้ออกไป นี่คือความเห็นล้วนๆ แต่ไม่ได้ดูสถานการณ์จริง ในหลายคราวหลายวาระที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน เมื่อมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง เราผ่อนผันกฎข้อนี้ได้เสมอ และวิธีที่จะปลดล็อกข้อนี้ ก็คือ เมื่อผู้นำของประเทศนั้นขอความช่วยเหลือ มันเคยเกิดขึ้นแล้วด้วย อย่างเช่น กรณีของติมอร์ วาฮิด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย พูดกับที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ปิดห้องคุย ขอความช่วยเหลือจากอาเซียน ระดมสมอง 10 ผู้นำอาเซียน จนสามารถเริ่มกระบวนการสันติภาพของติมอร์ได้ แล้วตอนนี้ติมอร์ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับอินโดนีเซีย
อีกกรณี ปี 2008 พายุนาร์กิส ถล่มตอนใต้ของเมียนมา เวลานั้นยังเป็นรัฐเผด็จการทหาร ปิดประเทศ โลกตะวันตก ฝรั่งเศส อเมริกา ส่งคนเข้าช่วยเหลือ เอาของเข้าไม่ได้ เพราะเมียนมากลัวถูกแทรกแซง ฉะนั้น ความช่วยเหลือของฝรั่งเศสมาพร้อมกับเรือดำน้ำติดขีปนาวุธ เรือบรรทุกเครื่องบิน มาที่อ่าวมะตะบัน มหาสมุทรอินเดียแล้ว ถ้ายังปิดประเทศ สิทธิมนุษยชนถูกย่ำยีจากภัยธรรมชาติ ในที่สุดมันก็จะเกิดการใช้กองกำลังรักษาสันติภาพ เหมือนในซีเรีย อัฟกานิสถาน อิรัก คือ เข้าไปถล่มล้มระบบก่อนแล้วช่วยเหลือคน แต่มันเป็นการช่วยในยามที่เหลือแต่ซากปรักหักพัง ฉะนั้น อาเซียนให้ยอมเกิดเรื่องพวกนี้ไม่ได้ เลขาธิการอาเซียน กับนายกฯไทยตอนนั้น ก็เข้าไปเจรจากับผู้นำพม่า จนในที่สุดผู้นำพม่าไว้ใจอาเซียน ให้สามารถเอาความช่วยเหลือทั้งหมดผ่านให้อาเซียนสกรีนแล้วเข้าพม่าได้ สิทธิมนุษยชนก็ได้รับการแก้ไข พม่าก็ไม่ถูกแทรกแซงจากโลกตะวันตก
ดร.ปิติ กล่าวต่ออีกว่า ในกรณีของโรฮิงญา การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเที่ยวนี้ มีการประชุมแบบไม่เป็นทางการ ผู้นำปิดห้องคุย ผู้นำอาเซียนเสนอว่า ถ้า อองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ ขอความช่วยเหลือเมื่อไหร่พร้อมช่วย คำถามต่อมาคือพม่าเองยอมให้เราเข้าไปช่วยหรือเปล่า เพราะเพิ่งเปลี่ยนระบอบการปกครอง มีเรื่องต้องทำมากมาย ที่ผ่านมา เมื่อไหร่รัฐบาลทะเลาะกับกองทัพจะเกิดปฏิวัติทุกครั้ง อองซานซูจียอมให้ทหารปฏิวัติไม่ได้ จึงไม่กล้าที่จะรับปากให้ต่างชาติเข้าไป ส่วนทหารที่เกรงใจอองซานซูจี ก็เพราะประชาชนรักอองซานซูจี แต่ประชาชนที่รักอองซานซูจีไม่ได้รักโรฮิงญา ฉะนั้นถ้าแตะเรื่องนี้ไพ่ใบสุดท้ายที่ประชาชนรักอองซานซูจีจะหายทันที อองซานซูจีเลยอยู่ในฐานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ดร.ปิติ กล่าวอีกว่า ถ้าตนเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จะเสนอว่าไหนๆ เราเปิดตัวคลังสินค้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย ไหนๆ มีศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน เราเอาของในคลังกับแพทย์ไปช่วยคนโรฮิงญาที่บังกลาเทศ ไม่เกี่ยวกับพม่า ไม่ได้แทรกแซง ไปในนามอาเซียน ถ้าทำอย่างนี้มันจะเท่และหล่อมาก
“สิ่งที่เราไม่ควรทำมากที่สุด คือ การที่ไม่เข้าใจกระบวนการอะไรเลยทั้งหมดแล้ววิพากษ์วิจารณ์โดยใช้ความคิดเห็น แล้วไปบอกเค้าว่าควรจะทำอย่างนั้นควรจะทำอย่างนี้ เช่น ยกเลิกเรื่องของการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศเพื่อนบ้าน โดยที่ไม่รู้ว่าอาเซียนมันมีความสัมพันธ์และอยู่ด้วยกันมาได้เพราะมันยึดถือกฎนี้ คุณจะเป็นคนรุ่นใหม่ หรือคนของอนาคต หรืออะไรก็ตาม แต่ถ้าเกิดไม่เรียนรู้อดีตที่ผ่านมาว่ามันอยู่ด้วยกันมาได้อย่างไร ไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ ทฤษฎี หลักการ ไม่รู้วิธีการปฏิบัติ อยู่เงียบๆ ก็ไม่มีใครว่า” ดร.ปิติ กล่าว
คำต่อคำ : บทสรุป"อาเซียนซัมมิท"ครั้งที่ 34 : คนเคาะข่าว 26/06/2019
นงวดี - ประเทศไทยเป็นผู้ริเริ่มเลยใช่ไหมคะ เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องของการต่อต้านขยะทะเล เราริเริ่มเป็นครั้งแรกในการที่เราเป็นเจ้าภาพเลยเหรออาจารย์
ดร.ปิติ - จริงๆ เรื่องพวกนี้ไม่ได้ทำได้ภายในปีเดียว เราจุดประกายเรื่องนี้ ทำต่อเนื่องมา 2-3 ปีแล้วครับ คือเวลาเราเป็นประธานอาเซียน เรามีการประชุมเกิดขึ้นภายในประเทศไทย 200 กว่านัด เราทำงานหนักมา 2-3 ปี ก่อนหน้านี้ เพื่อเตรียมว่าพอมันถึงเมืองไทยเราจะทำเรื่องนี้ให้มันจบที่เมืองไทยให้ได้ เพราะฉะนั้นปีที่แล้วที่สิงคโปร์เป็นประธานอาเซียน เราก็ต้องนั่งเป็นรองประธานในทุกการประชุมและเราก็พยายามยิงประเด็น บางเรื่องทำก่อนหน้านั้น บางเรื่องทำ 2-3 ปีแล้ว แล้วมาเกิดผลในปีนี้ ปีที่เราเป็นประธานอาเซียน อีกอันหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกด้วยแล้วก็เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมก็คือเราตั้งเป้าหมายให้ในปีนี้ ที่เราเป็นประธานอาเซียน 200 กว่าการประชุม จะต้องเป็นการประชุมที่เขาเรียกว่า Green Meetings คือการประชุมแบบรักษาสิ่งแวดล้อม แน่นอนคุณเห็นแหละว่ามันจะมีนักข่าวแอบไปถ่ายว่าคุณรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างไร ยังเห็นขวดพลาสติกใช้ในที่ประชุม แต่อย่างน้อยที่สุดมันทำให้เกิดการเรียนรู้ว่าการประชุม Green Meetings คืออะไร มันทำได้มาก ทำได้น้อยแค่ไหน อย่างน้อยมันเริ่มทำมันก็ดีกว่ามันไม่เคยทำเลย เพราะฉะนั้นที่ผ่านมา 32 นัดกันประชุม มันไม่เคยมีการทำเรื่องนี้ 52 ปี ของอาเซียนมันไม่เคยมีทำเรื่องนี้ เราทำเรื่องนี้ เวลาคุณพูดถึง Green Meetings คุณต้องเริ่มจากคุณทำให้คนรู้ก่อนว่ามันต้องประกอบด้วย 5 เรื่องเลยนะ อย่างล่าสุดที่ประชุมมันต้องได้มาตราฐานเรื่องของสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานแบบไหน อยู่ใกล้ระบบขนส่งมวลชนไหม ถ้าอยู่ไกลจากระบบขนส่งมวลชนคนเดินทางลำบาก มันยาก เพราะฉะนั้นพื้นที่ ที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน พื้นที่ ที่ผู้นำพักสังเกตดูครับอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าหมด ผู้นำจะให้นั่งรถไฟฟ้าคงไม่ได้ แต่ Staff นักข่าว หล่ะ นักข่าวไปทำข่าวเที่ยวนี้ไม่มีปัญหาเรื่องที่จอดรถ เพราะว่านั่งรถไฟฟ้าไป ต่อให้ปิดถนน ก็นั่งรถไฟฟ้าแล้วเดินนิดเดียวก็ถึง ผู้นำหลายๆ คนพักก็ต้องมีเจ้าหน้าที่อารักขา ก็อยู่ติดแนวรถไฟฟ้าทุกคน อันที่ 2 ต้องพูดถึง กรีน ด็อกคิวเมนต์ เราออกจดหมายเชิญ เราทำเอกสารต่างๆ ในที่ประชุมเป็นไฟล์หมดนะครับ เป็นไฟล์ดิจิตอลหมด แน่นอนมันเลี่ยงไม่ได้หรอกต้องมีกระดาษ เพราะฉะนั้นตรงไหนที่มีกระดาษ เรามีกล่องวางไว้หน้าทางออกคุณเอากระดาษวางตรงนี้ เดียวเอาไปรีไซเคิล หรือกระดาษที่ใช้ก็ต้องเป็นกระดาษที่รีไซเคิล ถนอมสายตา ประเด็นต่อมา วัสดุตกแต่งในการประชุมทั้งหมดเป็นวัสดุรีไซเคิล และมันรีไซเคิลจริงๆ นะครับ ปกติปัญหาอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับการประชุมใหญ่ๆ คุณต้องมีห้องแถลงข่าว นักข่าวไปกัน 300-400 คน คุณมีคนไปนั่งฟังเวลามีแถลงการณ์ คนนั่งฟัง 400-500 คน เขานั่งกับพื้นไม่ได้ครับ เขาต้องมีเก้าอี้ แล้วคุณลองนึกภาพดูว่าโรงแรมไหนจะมีเก้าอี้เป็น 1,000 ตัวแบบนั้นถูกต้องไหมครับ เพราะงั้นทุกครั้งที่มีการประชุมใหญ่ๆ มันจะมีปัญหาเยอะมากเรื่องการขนเก้าอี้ เพราะงั้นคุณต้องขนเก้าอี้พลาสติกที่ตัวใหญ่ถูกต้องไหมครับ มันใส่ในรถมันก็ใส่ได้ไม่เท่าไหร่ คุณก็ต้องขนหลายเที่ยว เที่ยวนี้ใช้กระดาษรีไซเคิล ทำเป็นเก้าอี้ เพราะฉะนั้นการเดินทางจากโรงงานกระดาษรีไซเคิลมันพับมาเป็นแผ่นบางๆ ใส่รถ รถก็ใช้น้อยลง ถูกต้องไหมครับ น้ำหนักมันเบา ประหยัดพลังงาน ประหยัดน้ำมันในการขนส่งพอไปถึงค่อยกางเป็นเก้าอี้ เก้าอี้กระดาษมันรับน้ำหนักได้ 150 กิโลกรัม ผมขึ้นไปยืนทดสอบมาแล้ว ผมหนัก 120 มันใช้งานได้ ใช้เสร็จทำไงต่อ พับเก็บครับ เอาไว้ใช้ประชุมครั้งต่อไป พอหมดทั้งปีประชุมเสร็จกระดาษยังใช้ได้อยู่บริจาคครับ เดี๋ยวจะมีหลายๆ โรงเรียนเลยได้กระดาษที่ผู้นำอาเซียนนั่งแล้ว เราก็พยายามทำไง บางจุดเราทำไม่ได้แต่อย่างน้อยเราพยายามแล้ว และเดียวพวกนี้มันก็จะเป็นองค์ความรู้ที่ถ่ายทอดต่อไป อันที่ 4 เที่ยวนี้ไม่เสิร์ฟอาหารฝรั่งนะครับ เที่ยวนี้ไม่เสิร์ฟอาหารที่ใช้วัตถุดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศเลย ใช้วัตถุดิบที่หาได้ในประเทศและเราไปเอาวัตถุดิบที่เป็นผัก ผลไม้ ที่พวกกลุ่มเกษตรกรที่เขาเพาะปลูกกันมาให้ผู้นำกินด้วย แล้วก็ไม่ใช่แค่ผู้นำ อย่างผมก็ไปทำงานได้ข้าวกล่อง เป็นข้าวกล่องที่ใช้วัตถุดิบพวกนี้ทำ จะไม่มีอาหารฝรั่ง อาหารที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบอลังการจากต่างประเทศ ไม่มีแน่นอน เนื้อวากิวไม่มี มีแต่อาหารที่เป็นของไทยเรา ใส่ในกล่องรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย แต่ว่าแน่นอนอย่างอันนี้ หลายคนบอกว่ามันไม่จริง อย่างอันนี้ขวดน้ำพลาสติก ก็ขอโทษ บางทีมันจำเป็นต้องใช้มันก็ต้องใช้ เพราะไม่อย่างนั้นคุณจะถือขวดแก้วเดินออกไปมันลำบากถูกต้องไหมครับ แต่มันก็เลยไปสู่ข้อสุดท้าย ข้อสุดท้ายก็คือทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นในการประชุมอาเซียนครั้งนี้ตลอดทั้งปี จะต้องมีการบันทึกคาร์บอนฟุตพริ้นท์ บันทึกเสร็จ รวบรวมได้หมดตกลงเราปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกไปมากน้อยแค่ไหน ถึงปลายปีสิ่งที่เราต้องทำคือไปปลูกต้นไม้ชดเชยกับคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เราปล่อยออกไป เพราะฉะนั้นมันอาจจะเริ่มเป็นแนวคิด มันอาจจะทำได้จริงไม่ครบทุกข้อแต่อย่างน้อยที่สุดอย่างที่ผมบอกดีกว่าไม่ได้ทำครับ มันก็ถือเป็นความสำเร็จด้านที่ 2 คือด้านสิ่งแวดล้อม
นงวดี - ทีนี้มาที่เรื่องนี้บ้าง อาจารย์ค่ะ มีเรื่องวัฒนธรรม แล้วก็เรื่องบอลโลก อาจารย์
ดร.ปิติ - อันนี้เข้าหมวดที่ 3 ครับ หมวดที่ 3 เขาเรียกว่า หมวดทำฝันให้เป็นจริง หมวดทำฝันให้เป็นจริงมันเกิดขึ้นเพราะว่า จริงๆ แล้วปัญหามากที่สุดอย่างหนึ่งของอาเซียน ก็คือ อาเซียนเรามักจะพูดเยอะไม่ค่อยทำ นึกออกไหมเรามักจะเจอกันทีไรนาโต้นี้คือ เขาใช้คำว่าอะไรนะ No Action Talk Only บางคนบอกว่าอาเซียนย่อมาจาก All sitting eating and nothing คือมาคุยแล้วก็แยกย้าย เหมือนกับหลายๆ เรื่องที่ผ่านมาในอดีต เพราะฉะนั้นอาเซียนเที่ยวนี้ที่ไทยเป็นประธาน เลยบอกงั้นเราไปทบทวนอดีตเลย เรื่องอะไรก็ตามที่เราเคยพูดกันไว้ แล้วมันยังมีเดินหน้าไปบ้าง ไม่เดินหน้าไปบ้างเราทำเรื่องไหนให้เป็นรูปธรรมไหม ในที่สุดเราก็เลยบอกว่า ถ้าจะทำเป็นรูปธรรม มันต้องมีองค์กร มันต้องมีคนทำงานมันต้องมีโครงสร้างการทำงานจริงๆ ปีนี้ตลอดทั้งปีเราเลยจะเปิด 7 ศูนย์อาเซียน โดย 7 ศูนย์อาเซียน การประชุมรอบแรกรอบที่ 34 นี้ เราเปิด 3 ศูนย์ ศูนย์แรก เขาเรียกว่า คลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาเซียนในประเทศไทย คือผมพยายามใช้ภาษาอังกฤษเพราะว่า เวลาพูดถึงภาษาไทยมันใช้คำว่าคลังเก็บสิ่งของ แต่ภาษาอังกฤษมันคือ Emergency Logistics System มันไม่ได้เป็นคลังอย่างเดียวมันเป็นระบบด้วย ตัวคลังนี้อยู่ที่ชัยนาทก็จริง แต่ระบบพวกนี้มันวางเส้นทางในการส่งอุปกรณ์ยังชีพ เรือท้องแบน ถุงยังชีพ เครื่องปั่นไฟ ห้องน้ำชั่วคราว มีระบบเชื่อมโยงจากชัยนาทออกไปในอาเซียนบนบกครับ เมียนมา กัมพูชา สปป.ลาว แล้วก็เวียดนาม แล้วก็ประเทศไทย
นงวดี - นี้ กรณีเกิดภัยพิบัติ
ดร.ปิติ - เพราะฉะนั้นเวลาคนอาเซียนเราเจอ คุณภาพชีวิตตกต่ำเพราะภัยพิบัติ อาเซียนก็จะเอาของพวกนี้ออกไปช่วยทำให้คุณภาพชีวิตของคนอาเซียนดีขึ้น แต่ของอย่างเดียวไม่พอ เราก็เลยเปิดตัวศูนย์การแพทย์ทหารอาเซียน คือคุณต้องเข้าใจว่า คุณจะเอาเป็นศูนย์แพทย์อาเซียนเฉยๆ มันไม่ได้ เพราะเวลาเกิดภัยพิบัติพวกนี้ หมอที่เป็นหมอในโรงพยาบาลเข้าไปไม่ถึง คือเราไม่ได้มีแบบหมอภาคย์เข้าไปช่วยทีมหมูป่ากันได้ทุกคนถูกต้องไหมครับ เพราะฉะนั้นหมอที่สามารถจะเข้าถึงพื้นที่ได้จริงๆ มันต้องเริ่มจากทหารหน่วยเสนารักษ์ พูดถึงหมอทหารที่สามารถจะมีอุปกรณ์พวกนี้เข้าถึงพื้นที่ได้จริงๆ มันเลยเป็นศูนย์การแพทย์ทหารอาเซียน เราก็เลยมองว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เราจะทำให้มันเป็นจริง อีกศูนย์หนึ่งที่เปิดตัวปีนี้คือ ศูนย์วัฒนธรรมอาเซียน เมื่อกี้เราพูดถึงเวลาที่คนอาเซียน เคราะห์หามยามร้าย อันนี้เราพูดถึงอาเซียนในวันดีคืนดีของเราบ้าง เราก็ส่งเสริมวัฒนธรรมความเข้าใจอัตลักษณ์ของอาเซียนแล้วเราก็จะเริ่มทำให้เป็นรูปธรรมนอกจากตัวศูนย์ที่เกิดขึ้นถนนราชดำเนินแล้ว ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เขาจะรวมตัวกลุ่มศิลปินอาเซียน ออกไปแสดงทั่วโลกเพื่อทำให้คนทั่วโลกเห็นว่าวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ความสวยงาม วิถีชีวิตของอาเซียนเป็นอย่างไร พวกนี้เรียกว่ากลุ่มทำฝันให้เป็นจริง แล้วก็ภายในปีนี้จะมีอีก 4 ศูนย์ต่อมา อีกอันหนึ่งที่ทำให้ฝันเป็นจริงด้วยก็คือ พูดกันมานานแล้วแหละ ว่าอาเซียน 10 ประเทศ จัดบอลโลกร่วมกันไหมแต่ก็แค่พูดไง เที่ยวนี้ผู้นำยืนยัน จัด แล้วก็บอกว่าเดียวปี 2034 เราจะจัด เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจนะครับสังเกตดู ประชุมครั้งที่ 34 บอลโลกปี 2034 ดูรายการเสร็จออกไปซื้อก็ไม่ทันแล้วครับ มันหมดแผงไปแล้วครับ
นงวดี - อาจารย์ มันเป็นความตั้งใจไหมว่าเป็นการประชุมครั้งที่ 34 แล้วไปขอจัดเจ้าภาพปี 2034
ดร.ปิติ - ไม่ใช่ครับ คือเวลาเราพูดถึงบอลโลก มันจัด 4 ปีครั้ง 2022 มีเจ้าภาพแล้ว กาตาร์ ถัดไป ครั้งต่อไป 2026 มีเจ้าภาพแล้ว อเมริกา แคนาดา แม็กซิโก เขาร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ฟีฟ่าจะประกาศทีละ 2 ครั้ง เพราะฉะนั้นครั้งต่อไป แล้วก็ไม่ใช่แค่เฉพาะทุก 4 ปีด้วย วนทุกภูมิภาคด้วย เพราะฉะนั้นรัสเซีย คือยุโรป คราวต่อมาก็จะเป็นตะวันออกกลาง อเมริกา และเดียวมันก็จะเป็นตาของละตินอเมริกา อเมริกาใต้ แล้ว 2034 มันถึงจะกลับมาเป็นเอเชียอีกครั้งหนึ่ง
นงวดี - เป็นคราวของเอเชียพอดี
ดร.ปิติ - เป็นคราวของเอเชีย เราก็เลยจะเสนอ ซึ่งเราก็จะไปเจอพี่ใหญ่ที่จะเสนอด้วยนั้นคือจีน ในปี 2034
นงวดี - เสนอเป็นเจ้าภาพเหมือนกัน
ดร.ปิติ - แล้วเขาก็เริ่มทำงานไปเยอะแล้ว ตอนนี้นักเตะดีๆ เขาเริ่มให้ไปอยู่เมืองจีน เพราะใครอยู่เมืองจีนครบ 5 ปี ได้สัญชาติ เขาก็จะได้มีทีมจีนที่ไปเตะรอบสุดท้ายที่เป็นแบบทีมเก่งๆ
นงวดี - ก็จะไปแข่งกัน แข่งกันยื่นเป็นเจ้าภาพ อาเซียนแข่งกับจีน
ดร.ปิติ - ก็ คือผมคิดว่าได้หรือไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดมันก็จุดประกายแล้วแหละ คือกว่าจะไปถึง 15 ปี ข้างหน้า ถ้าคุณอยากจะเป็นเจ้าภาพจริงๆ คุณต้องทำงานหนัก ถูกต้องไหมครับ ทางด้านเศรษฐกิจ ผมว่ามีผลทางตรงกับผลทางอ้อม ผลทางตรงก็คือ คุณอย่าไปคิดว่าคุณจะได้ค่าบัตรจนร่ำรวยจากฟุตบอลโลก เพราะมหกรรมกีฬาขนาดใหญ่ที่ผ่านมาในโลกตั้งแต่ ปักกิ่ง 2008 เจ้าภาพโอลิมปิก มันขาดทุนทุกงานนะครับ คนรวยคือฟีฟ่า คนรวยไม่ใช่ประเทศที่เป็นเจ้าของงาน แต่มันจะได้ผลกระทบทางเศรษฐกิจทางบวกด้านอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น ถ้า 10 ประเทศจัดร่วมกัน แปลว่าคุณจะมีเตะนัดเปิดสนามหนึ่ง เตะนัดระหว่างทางในแต่ละประเทศ ไปเตะนัดชิงอีกประเทศหนึ่ง เพราะฉะนั้นสิ่งที่มันจะต้องตามมาด้วยคือ อาเซียนซิงเกิลวีซ่า นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มาเยือนอาเซียนแล้วเดินทางได้โดยที่ไม่ต้องขอวีซ่าแยกกันเป็นประเทศ เรื่องนี้เราพยายามผลักดันมานาน มันอาจจะเป็นรูปธรรมก็ได้นะ ถ้ามันมีอะไรเป็นตัวเร้า อย่างเช่นเรื่องของบอลโลก มันอาจจะมีเรื่องของแน่นอน เวลาเขามาจัดงานบอลโลกเขาไม่ได้ถ่ายแต่สนามฟุตบอล ออกไปถ่ายเมือง ออกไปถ่ายนู้น นี่ นั้น มันได้โปรโมทการท่องเที่ยวนะ เพราะฉะนั้นคุณได้ขายโรงแรม คุณได้ขายอาหาร คุณได้ขายการเดินทาง คุณได้ขายการท่องเที่ยวอื่นๆ เป็นตัวบวกเพิ่ม คุณได้ยกระดับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพราะคุณมีสนามกีฬาคุณก็จะต้องมีระบบที่จะเดินทางไปสนามกีฬาได้ และอีกอันหนึ่งที่ผมคิดว่าอาจจะสำคัญกว่าเศรษฐกิจด้วยซ้ำ ก็คือคุณบอกจะจัดบอลโลกมันสร้างฝันให้เด็กแล้ว ว่าฉันจะได้เตะบอลโลกนะ เด็กอยากจะเล่นกีฬา ลุกขึ้นมาเล่นกีฬา เกิดการบริหารจัดการธุรกิจกีฬา เกิดการพัฒนาคนในเรื่องของกีฬา เกิดการพัฒนาทีมฟุตบอลอาเซียน เกิดการพัฒนาลีกในอาเซียนเพราะว่าแต่ละประเทศก็ต้องตัดลีก ประเทศไหนที่มีลีกอยู่แล้ว ก็ทำให้ดีขึ้นประเทศไหนยังไม่มีลีกก็ต้องทำให้มันเกิดจะได้หาทีมอาเซียน และทีมอาเซียนต้องเดินสายเตะกับทีมชาติ ต่อให้ไม่ได้เป็นเจ้าภาพอาเซียนถ้ามันมีทีมอาเซียนเกิดขึ้นแล้ว เราอาจเอาคนเก่งที่สุดจาก 10 ประเทศมารวมกันแล้วกลายเป็นทีมที่แข็งพอที่จะเข้ารอบสุดท้าย รอบลุกๆของฟุตบอลโลกก็ได้ นึกออกไหมครับ เพราะฉะนั้นไอ้พวกนี้เริ่มก็ดีกว่าไม่ได้ทำ
นงวดี- อาจารย์ว่าตรงนี้เขาคุยกันจนงไปถึงแผนหรือยัง
ดร.ปิติ- ยัง อย่างน้อยก็มีจุดเริ่ม ตอนนี้ไม่แน่ใจเลยว่า 10 ประเทศเอาด้วยกันทั้ง 10 ประเทศไหม ไปๆมาๆ อาจเหลือแค่ อินโดฯเอาด้วย ไทยเอาแน่ มาเลฯเอาแน่ สิงคโปร์ บรูไน เอาแน่ 5 ประเทศนี้เอาแน่ ฟิลิปปินส์ยังไม่รู้ทุกคนต้องเข้าใจนะ ฟิลิปปินส์เข้าได้วัฒนธรรมอเมริกัน กีฬาที่ใหญ่ที่เป็นบิ๊กของเขาคือ บาสเกตบอล NBA นี่คนฟิลิปปินส์นี่คลั่งมาก ซอคเกอร์ นิ่งๆ ในขณะที่การทำเรื่องพวกนี้มีค่าใช้จ่ายมีต้นทุนเพราะฉะนั้นประเทศอย่างกัมพูชา สปป.ลาว เมียร์มาก็ต้องคิดมาหน่อย เพราะผู้นำเริ่มพูดแล้วก็ส่งสัญญาณที่ดี
นงวดี- ถ้าประเมินตรงนี้ก็ถือว่าเราก็ได้อยู่ที่สำคัญคือถ้าดูหัวข้อที่เราคุย ต้องบอกก่อนว่าการเป็นเจ้าภาพมันหมายความเราว่าสามารถกำหนดได้ว่าเราจะเลือกเรื่องไหนขึ้นมาพูด จะเลือกเรื่องไหนขึ้นมาตกลง จะทำให้มันเดินหน้า ทีนี้มันมีบางเรื่องที่มันเป็นประเด็นคู่กับอาเซียน ต่ว่าอาจไม่ให้น้ำหนักหรือถูกมองข้ามยังไงอย่างเช่นประเด็นภายในของแต่ละประเทศอย่างนี้เขามีท่าที หรือหยิบกันมาพูดไหม มองข้ามๆไปแบบสไตล์อาเซียนกันคะอาจารย์
ดร.ปิติ- คือ ถ้าผมให้คะแนนที่ไทยเป็นเจ้าภาพอาเซียนครั้งนี้เต็ม 100 ผมให้ 95 เรื่องที่ผมไม่ให้อีก 5 คะแนนเป็นเพราะเรายังไม่สามารถผลักดันเหตุการณ์ความไม่สงบในรัฐยะไข่ได้เท่าที่ควร เพราะเป็นเรื่องเปราะบาง เพราะเป็นเรื่องภายใน คือเราต้องเข้าใจว่าอาเซียนอยู่ด้วยกันได้เรามีการประชุมวางหลักการของงานในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 1 การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ เกิดในปี 1976 ไปประชุมที่บาหลี ได้เอกสารที่เรียกว่า Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia โดยมันกำหนดว่าอาเซียนจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศเพื่อนบ้าน เพระางั้นอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน เราจะไม่ไปยุ่ง เพราะการที่เราไปยุ่งมันทำให้หลายประเทศแตกกันเลยนะ คุณต้องดูว่าอย่างหลายประเทศที่ยุ่งประเทศเพื่อนบ้านได้คุณอาจเห็นปรากฎการณ์ การออกจากากรเป็นสมาชิก เพระาฉะนั้นอาเซียนก็เคารพกฎนี้มา และใช้กฎนี้มาตลอด 52 ปีของการอยู่ด้วยกัน ผมเห็นบางคนบางพรรคอาจไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรก็ออกมาพูดเรื่องนี้เพราะคิดว่าออกมาพูดแล้วอาจจะเท่ และบอกให้ยกเลิกในการเคารพในกฎนี้ออกไป ผมติดว่านี้ความเห็นล้วนๆ และไม่ได้ดูสถานการณ์จริงว่าในกรณีของอาเซียนแน่นอนเรามีหลักการตรงนี้อยู่แต่ในทางปฏิบัติหลายคราวหลายวาระที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสิทธิมนุษยชน เมือ่ไหร่ก็ตามที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงเราผ่อนผันกฎข้อนี้ได้เสมอและวิธีการที่จะปลดล็อกกฎข้อนี้ก็คือเมื่อผู็นำของประเทศนั้นขอความช่วยเหลือ มันอาจเป็นการคุยแบบปิดห้องคุย มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วด้วย เมื่อปี 1990 ติมอร์ยังเป็นส่วนหนึ่งของอินโดนีเซีย เกิดความรุนแรงของการแบ่งแยกดินแดนเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธ์กันที่ติมอร์ประธานาธิบดีอินโนนีเซีย วาฮิดพูดกับที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและเลขาผู้นำอาเซียนตอนนั้นปิดห้องคุย ขอความช่วยเหลือจากอาเซียนโดยระดมสมองกัน 10 ผู้นำอาเซียน จนสามารถเริ่มกระบวนการสันติภาพของติมอร์ได้ และติมอร์ตอนนี้ความสัมพันธ์ก็ดีกับอินโดนีเซียประเทศไทยเราก็มีบทบาทคือเข้าไปเป็นกองกำลังรักษาสันติภาพ เย่างนี้เกิดขึ้น ถึงแม้เป็นเรื่องกิจการภายใน ถ้าประเทศที่เป็นเจ้าของพื้นที่ตรงนั้นเขาขอความช่วยเหลือ ขอคำปรึกษา อาเซียนพร้อมที่จะให้ อีกกรณีหนึ่ง 2008 พายุนาร์กิส ถล่มตอนใต้ของเมียร์มาคนตายไปทีเดียวแสนคนในเวลานั้นพม่ายังเป็นรัฐเผด็จการทหารปิดประเทศไม่มีปฏิสัมพันธ์กับโลกตะวันตก โลกตะวันตก มาละครับฝรั่งเศสส่งความช่วยเหลือมา อเมริกาส่งทีมแพทย์ ส่งอุปกรณ์ยังชีพมา แต่ว่าประเทศปิดเอาของพวกนี้เข้าไปไม่ได้พม่ากลัวว่าเข้าไปละสืบราชการลับหรือเปล่า เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในหรือเปล่า เพราะฉะนั้นความช่วยเหลือของอเมริกาฝรั่งเศสมาพร้อมกับเรือดำน้ำติดขีปนาวุธมาพร้อมกับเรือบรรทุกเครื่องบิน มาที่อ่าวมะตะบัน มหาสมุทรอินเดียแล้วถ้าเกิดผู้นำพม่ายังปิดประเทศอยู่ไม่ช่วยเหลือสิทธิมนุษยชน ถูกย่ำยีจากภัยธรรมชาติภายในประเทศในที่สุดมันก็ต้องใช้กองกำลังรักษาสันติภาพเหมือนในซีเรีย เหมือนในอัฟกานิสถาน อิรัก คือเข้าไปถล่ม ล้มระบบก่อนแล้วตั้งระบบใหม่แล้วช่วยเหลือคน แต่มันเป็นการช่วยที่เหลือแต่ซากปรักหักพังแล้ว เพราะฉะนั้นอาเซียนยอมให้เกิดเรื่องพวกนี้ไม่ได้เลขาธิการอาเซียน นายกฯประเทศไทย ณ ปีนั้น ก็เข้าไปเจรจากับผู้นำพม่าจนในที่สุดผู้นำพม่าที่เป็นทหารด้วยไว้ใจอาเซียน ให้เอาความช่วยเหลือทั้งหมดผ่านอาเซียนให้อาเซียนตัดสินใจแล้วเข้าพม่าได้ สิทธิมนุษยชนก็ได้รับการแก้ไข พม่าก็ไม่ถูกแทรกแซงจากโลกตะวันตก เพราะนั้นถ้าเป็นเรื่องภายในแต่เป็นเรือ่งสำคัญและผู้นำเขาโอเคที่จะเข้าไปขอความช่วยเหลือมันเกิดขึ้นได้ตลอด แม้จะเป็นการแทรกแซงกิจการภายใน ในกรณีของโรฮิงญาการประชุมสุดยอดผู้นำเที่ยวนี้มีการประชุมแบบไม่เป็นทางการ ในระหว่างการประชุมแบบไม่เป็นทางการนี้ผุ้นำปิดห้องคุยนะครับ ไม่มีบันทึกการประชุมนะครับแต่ว่ามันได้ผลอะไรหลายๆ เรื่อง อย่างเรื่องซีซาร์ก็คุยเวทีอย่างนี้ มหาเธร์ขอให้เก็บภาษีจากบริษัทที่เป็นบริษัทข้ามชาติก็คุยกันในเวทีนี้ และเช่นเดียวกันผู้นำอาเซียน 9 ประเทศ นำเสนอว่าอองซาน ซูจี ถ้าคุณขอเมื่อไหร่เรายินดีช่วยทุกมิติ ช่วยทุกเรื่อง อาเซียนพยายามแล้วส่งความช่วยเหลือ คำถามต่อมาคือในพม่าเองเข้ายอมให้เราช่วยหรือเปล่า นาทีนี้ต้องเข้าใจนะครับว่าพม่าเพิ่งเปลี่ยนระบบเมื่อปี 2010 กระบวนการปฏิรูปเพิ่งเกิดขึ้น มีเรื่องอีกมากมายหลายเรื่องมากที่พม่าต้องทำนะครับ กระบวนการเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตย การพัฒนาเศรษฐกิจ การพัฒนาคน การอนุรักษ์สภาพแวดล้อม การเปิดการค้ากับทั่วโลก น่าที่ของรัฐบาลเมียร์มาภายใต้การเป็นผู้นำของอองซาน ซูจี ไม่ใช่ประธานาธิบดีนะครับ อาจลืมไปแล้วว่าประธานาธิบดีพม่าชื่อวี่น มหยิ่น แต่ว่าอองซานเป็นที่ปรึกษาแห่งรัฐ มีเรื่องต้องทำมากมายถูกต้องไม่ครับ และในเรื่อวที่ต้องทำมากมายนั้นต้องทำกับกองทัพด้วย ถ้ารัฐบาลกับกองทัพมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างกัน เพื่อนบ้านพม่าเคยมีแล้วเมื่อไร่ก็ตามที่รัฐบาลมีปัญหากับกองทัพหรือกองทัพมีปัญหากับรัฐบาล รัฐบาลปฏิวัติทุกครั้งเพระาฉะนั้นพม่าเองมีเรื่องที่ต้องทำอีกหลายเรื่องมาก อองซานจะยอมให้ทหารปฏิวัติไม่ได้ มันจะกลับไปสู่แบบเดิมปี 1962 เพระาฉะนั้นต้องตามใจทหาร 3 เรื่อง กลาโหมความมั่นคง กิจการชายแดน กิจการกลุ่มชาติพันธุ์ เรื่องนี้อองซานเเตะไม่ได้ ทหารดูแล อองซานจะไปรับปากขอความช่วยเหลือให้ต่างชาติเข้าไป ทะเลาะกับทารแน่ ในขณะเดียวกันทำไมทหารต้องเกรงใจอองซานเพระาอองซานมีไม้ตายอยู่ใบเดียวคือประชาชนพม่ารักอองซาน ปัญหาคือพม่าที่รักอองซานเขาไม่รักโรฮิงญา เพระาฉะนั้นถ้าอองซานไปแตะเรื่องโรฮิงญา ไอ้ไพ่ไม้ตายใบสุดท้ายที่ประชาชนรักอองซาน หายทันที เพราะฉะนั้นอองซานจะต้องอยู่ในที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เรื่องนี้มันกลายเป็นเรื่องซึ่งเราช่วยเหลือต้นปีที่แล้วตอนปี 2018 เลขาธิการอาเซียนลงพื้นที่ตัวแทนจากประเทศอาเซียนลงพื้นที่ของเราเป็นอาจารย์สุรเกียรติ์ เสถียรไทย สหประชาชาติ บัน คี มุน ลงพื้นที่นำเสนอแผนนำเสนอโครงการนำร่องเพื่อทำให้ชาวโรฮิงญากลับจากบังคลาเทศมาตั้งถิ่นฐานในรัฐยะไข่ได้ รัฐบาลพม่ารับเรื่องนี้ไปแล้ว จะเดินหน้าต่อหรือเปล่าเป็นเรื่องหนึงนั้นเป็นเรื่องภายในของประเทศพม่าแล้ว เพราะฉะนั้นอาเซียนมันมีกลไก การที่จะแตะเรื่องภายในได้ผู้นำพยายามทำแล้ว นี่ผมให้แค่ 95 ยังให้ไม่เต็มร้อยเลย ถ้าผมเป็นคุณประยุทธ์ สิ่งที่ผมจะเสนอไหนๆ เราเปิดตัวคลังสินค้า ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ไหนๆเรามีศูนย์แพทย์อาเซียน เราเอาของในคลังเราเอาแพทย์ทหารอาเซียนไปช่วยคนโรฮิงญาไหม ไปที่บังคลาเทศเลย ไม่เกี่ยวกับพม่าแล้วถูฏต้องไหมครับ เพระาฉะนั้นไม่ไปแทรกแซงในพม่านะเราไปในนามอาเซียนไปกางเต็นท์แพทย์อาเซียน เอาอุปกรณ์ยังชีพไปช่วยคน คนหลายๆ แสนคน ที่คอกซ์บาซา บังคลาเทศ ทำให้เขาเห็นว่าถึงเขาจะไม่ได้เป็นเมียนร์มาซิติเซ่น แต่เขาเป็นอาเซียนซิติเซ่น เขาเป็นประชาชนอาเซียนและเราคนอาเซียนเราแคร์เราช่วยเหลือเขา เราไม่ปล่อยเขาตกทุกข์ได้ยาก ผมคิดว่าถ้าเราทำแบบนี้มันจะเท่มันจะหล่อมาก สิ่งที่เราไม่ควรทำมากที่สุดคือเราไม่เข้าใจกระบวนการอะไรเลยทั้งหมด แล้ววิพากษ์วิจารณ์โดยใช้ความคิดเห็นและไปบอกเขาควรทำอย่างนั้นควรทำอย่างนี้ เช่น ยกเลิกเรื่องของการแทรกแซงกืจการภายในของประเทศเพื่อนบ้าน โดยที่คุณไม่รู้หรอกว่าเห้ยอาเซียนมันมีความสัมพันธ์และอยู่ด้วยกันมาได้เพระายึดถือกฎนี้ คุณจะเป็นคนรุ่นใหม่ คุณจะเป็ฯคนที่บอกว่าเป็นคนของอนาคตหรืออะไรก็ตาม ถ้าเกิดคุณไม่เรียนรู้อดีตที่ผ่านมา มันอยู๋ด้วยกันมาได้อย่างไร ความสัมพันธ์มันเป็นอย่างไร คุณไม่รู้เรื่องทฤษฎีเรื่องหลักการ วิธีการปฏิบัติ อยู่เงียบๆก็ไม่มีใครว่า ถูกต้องไหมครับ
นงวดี- คะ ก็ต้องบอกว่าเราจะเป็นเจ้าภาพกันอีกจนถึงทั้งปีเลย และต้องมีการพูดคุยสิ่งเหล่านี้จะมีประเด็นเพิ่มมีประเด็นใหม่ สานต่อสิ่งที่อย่างน้อยนะวันนี้อาจารย์เล่าให้ฟังก็มีประเด็นที่ประสบความสำเร็จในหลายแง่มุม ถ้าเกิดเรามองไปถึงบรรยากาศโลกด้วยแล้ว เกิดความร้อนรุ่มความแตกแยก การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แม้กระทั่งด้านการค้า ด้านความมั่นคงในภูมิภาคต่างๆ ในอาเซียนเราต้องบอกว่า เราก็ไม่ได้ใหญ่ หัวใจสำคัญคืออาเซียนนั้นที่เคยถูกมองว่าเป็นเสือกระดาษ 52 ปีที่ผ่านมา คืออาจไม่มีอะไรก้าวหน้าไปมากแต่อยู่ได้โดยไม่มีใครก้าวก่ายกิจการภายในกันและกัน
ดร.ปิติ- อันไหนที่เราสามารถเดินหน้าไปด้วยกันได้เราก็เดินหน้าไปด้วยกัน
นงวดี- อาจจะช้าหน่อย ก็ค่อยๆ เดินไป เพระาฉะนั้นเราคงได้มาคุยกันอีกนะคะอาจารย์ ว่าทั้งปีนี้อาเซียนในมือประเทศไทยจะไปไหนต่อ วันนี้ขอบคุณมากคะ
ดร.ปิติ- ยินดีครับ ขอบพระคุณครับ
นงวดี- หมดเวลาแล้วคนเคาะข่าว เราพบกันทุกคืนวันจันทร์-พฤหัสบดี 21.00 นะคะ วันนี้สวัสดีค่ะ