นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ ชี้ Libra เป็นอีกหนึ่งระบบสำรอง หากระบบการเงินล้มในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มส่งสัญญาณ เศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกแล้ว
วันที่ 24 มิ.ย. นายทวีสุข ธรรมศักดิ์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ได้สนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “Libra แทนดอลลาร์ สกุลเงินใหม่ของโลก?”
โดย นายทวีสุข กล่าวในช่วงหนึ่งว่า ตอนนี้ในโลกพยายามสร้างระบบหลายระบบ เช่น จีนได้เริ่มทำ โดยเปลี่ยนสกุลเงินหยวนเป็นดิจิทัลมันนี่ หรือ ดร.มหาเธร์ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ก็มีการเสนอว่าเอเชียควรมีสกุลเงินของตัวเอง นั่นแสดงว่าทุกคนกำลังวิตกกังวลกับค่าเงินดอลลาร์ที่เสื่อมค่าลงอย่างรวดเร็ว เพราะน่าจะมีการพิมพ์ดอลลาร์ครั้งใหม่เกิดขึ้น
ทีนี้ค่าเงินเสื่อมจะทำให้เกิดเงินเฟ้อจากการเสื่อมค่าของค่าเงินเหมือนในเวเนซุเอลา และ อาร์เจนตินาปัจจุบัน จึงต้องหาทางออก ถ้าดอลลาร์เกิดการเสื่อมค่าในอัตราเร่งเพิ่มขึ้น ซึ่งใน 2 เดือนนี้เราเริ่มเห็นแล้ว จึงเห็นว่าสกุลเงินทั่วโลกเริ่มแข็งค่า ถ้าเกิดการพังของตลาดหุ้นขึ้น ตลาดหุ้นทั่วโลก 60 เปอร์เซ็นต์ ถูกแบ็กด้วย Debt Complex ถ้าระบบ Debt Complex เกิดพังทลาย ทำให้ตลาดหุ้นพัง ถ้าตลาดหุ้นลงมาแรงมาก ตัวสินทรัพย์หลักประกัน ไม่ว่าจะเป็นหุ้นและตัวอ้างอิงของหุ้น อัตราดอกเบี้ย แล้วก็ระบบเงินที่มันเคลื่อนย้าย มันจะมีปัญหาในระบบธนาคาร ที่เรียกว่าการ Mark to Market ฉะนั้นพอหุ้นตก แต่หุ้นไปค้ำหนี้อยู่ พอตัวหุ้นตกลงต่ำกว่าหลักประกันก็เกิดการ Call Cash เกิดขึ้น ที่นี้เมื่อ Call แต่ Cash ไม่มีให้ Call มันก็ยิ่งถูกกดลงไปสู่การเทขาย มันทำให้สินทรัพย์ที่เป็นหลักประกันล้มลง
ถ้าล้มลงขนาดนั้น โลกมี 2 ทางเลือก คือ 1.ตลาดที่ Crash หนักๆ จะต้องปิดตลาดหุ้น 2.ปล่อยให้ Financial System พังลง เหมือนกรณีปี 2008 ตนพูดเสมอว่าเป็นการทดลองระบบ คือ ยอมให้ Lehman Brothers ล้ม เค้าก็รู้แล้วว่าปัญหาทั้งหมด คือ การ Mark to Market ราคาบอนด์ ฉะนั้น พอล้มก็เกิดโดมิโนอย่างรุนแรงในระบบ Banking System
นายทวีสุข กล่าวต่ออีกว่า Libra เป็นอีกหนึ่งระบบสำรองที่กำลังจะเกิด ถ้าหากตัวระบบ Financial System ล้มในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เราจะดูได้เลยว่าหากตลาดหุ้นเกิดการ Crash เมื่อไหร่ เพราะตอนนี้การเติบโตเศรษฐกิจถดถอยทั้งโลกแล้ว สิ่งที่จะลงไม่ได้เลยคือตลาดหุ้น ถ้า Crash เมื่อไหร่ระบบ Financial System ทั้งโลกจะช็อกทันที คิดว่าถึงจุดนึงน่าจะต้องปิดตลาดหุ้นทั่วโลก เพื่อไม่ให้ระบบธนาคารพัง แต่ถ้าปิดไม่ทันอันนี้จะเป็นปัญหา
คำต่อคำ : Libra แทนดอลลาร์ สกุลเงินใหม่ของโลก? : คนเคาะข่าว 24/06/2019
นงวดี- สวัสดีค่ะ ท่านผู้ชมต้อนรับเข้าสู่รายการคนเคาะข่าวนะคะ วันนี้ เราอยู่กันคืนวันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน 2562 กับดิฉันนงวดี ถนิมมาลย์ค่ะ คุณผู้ชมคะวันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องสกุลเงินลิบราซึ่งเป็นคริปโต เคอเรนซี่ ของเฟซบุ๊ก ซึ่งถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่และต้องบอกว่าเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่ทำให้เกิดการตื่นตัวขึ้นในหลายวงการเลยทีเดียวนะคะ วันนี้เราจะมาคุยกันแบบวิเคราะห์เจาะลึกเลยนะคะว่า คริปโตลิบราของเฟซบุ๊กนั้น ที่เขามองกันว่าจะเป็นตัวดิสทรับของจริงของภาคการธนาคาร ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยก็คือทั่วโลกนั่นเอง นะคะ แล้วก็การประกาศว่าจะเป็นเงินสกุลใหม่ของโลกเนี่ย จะเป็นไปได้ขนาดนั้นหรือเปล่านะคะ มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่กำลังรอที่จะเกิดขึ้น วันนี้เราจะมาวิเคราะห์กับอาจารย์ทวีสุข ธรรมศักดิ์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ นะคะ อาจารย์คะ สวัสดีค่ะ
ทวีสุข- สวัสดีครับ
นงวดี- วันนี้เราก็จะมาคุยถึงเรื่องลิบรานะคะ ตื่นเต้นกันมากเลยว่าทำไมจู่ๆ เฟซบุ๊กซึ่งเป็นแพลตฟอร์มทางด้านโซเชียลมีเดียเนี่ย จู่ๆ ก็หันมาจะมาทำคริปโตของตัวเอง แล้วก็ประกาศว่าอีก 6 เดือน เจอกันด้วยนะคะอาจารย์ เริ่มต้นอยากให้อาจารย์เล่าให้ฟังคร่าวๆ ก่อนว่า เท่าที่อาจารย์ดูมา ลิบราอันนี้เนี่ย มันจะทำงานยังไงคะ อาจารย์คะ
ทวีสุข- คือเบื้องต้นนะครับที่่เขาจะพูดถึงตัวคริปโต แต่ตัวเบื้องหลังของคริปโต คือระบบบล็อกเชน ที่นี้ตัวระบบบล็อกเชนที่ผ่านมาตัวที่ดังมากที่สุดก็จะเป็นบิทคอยน์ ที่เราเห็นกันอยู่ เพราะฉะนั้นบิทคอยน์ไปเทสระบบไปให้ทั่วโลกได้เห็นแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นตัวเฟซบุ๊กเขาเอาตัวระบบบล็อกเชน เอาเข้ามาดีเวอร์ลอปเพื่อที่จะเอามาใหช้ ทีนี้ขอดีของบล็อกเชน เป็นยังไง ข้อดีคือเก็บข้อมูลและเป็นระบบดีเซ็นทรัลไลซ์ ก็คือมันจะมีโหลดในการเก็บข้อมูลค่อนข้างเยอะ แล้วไม่สามารถเข้าไปแก้ไขข้อมูลเดิมได้ หรือเข้าไปแฮกได้ อันนี้ในทฤษฎีของคอมพิวเตอร์ปัจจุบัน แต่ถ้ามันพาสไปเป็นควอนตัม ก็คงต้องไปดูอีกทีหนึ่ง ทีนี้ตัวที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ และมันก็เก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งในอุตสาหกรรมการเงินเนี่ย กำลังจะนำตัวบนี้มาใช้นะครับ และก็ในแบงก์ชาติเรากำลังทำการศึกษาในระบบบล็อกเชน เพื่อจะทำระบบการเงินในอนาคตด้วย ดังนั้นก็ไม่ได้แปลกใจว่าทำไมเฟซบุ๊กเขาถึงออกตัวคริปโตของเขาขึ้นมาเองนะครับ โดยพื้นฐานของเฟซบุ๊กตอนนี้ จำนวนยูสเชอร์ที่ใช้มากกว่า 3 พันล้านคน มันเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่อยู่ในนั้น และเขาก็สามารถที่จะควบคุมพฤติกรรมของผู้คน หรือทำการดาต้าอนาไลติกส์ผู้คนได้ ดังนั้นอันนี้มันเป็นการที่ว่า เขาเริ่มวางตัวแบล็กโบนซิสเท็มใหม่นะครับ เพราะว่าถ้าเขาเข้าไปสู่อุตสาหกรรมการเงินเนี่ย มันจะมีการต่อยอดอีกมายมาย ในแง่ของธุรกิจ แต่ถ้าในแง่ของระบบการเงินโลกกับสิ่งที่เป็นอยู่ มันก็เป็นน่าสนใจว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับระบบการเงินของโลกที่เราใช้กันอยู่หรือเปล่านะครับ ดังนั้นก็ไม่ได้แปลกใจว่า ทำไมเฟซบุ๊ก ถึงเข้ามาในจุดนี้
นงวดี- ค่ะ ซึ่งถ้าไปดูวันนั้นที่ทาง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก มีการเปิดตัวลิบราตัวนี้ก็อธิบายเหตุผลที่มาที่ไป แล้วก็ที่จะทำ ก็เข้าพูดถึงของการเข้าถึงผู้ใช้ที่ไม่สามารถเข้าถึงธนาคารต่างๆ ทั่วโลกได้ถึงจำนสวน 1,700 ล้านคน แล้วก็นอกจากานี้เขายังพูดถึงการจะเข้าถึงของแหล่งเงินทุนแล้วก็จะทำให้ต้นทุนถูกลง สำหรับผู้ใช้งานเหล่านี้ใช่ไหมคะ
ทวีสุข- ครับ ใช่ครับ
นงวดี- แต่ว่ามันก็มีกระบวนการที่จะต้องสร้างขึ้นไปเพื่อที่จะขึ้นไปให้ถึงจุดนั้น อย่างเช่นว่าจะมีการสร้างวอลเลท ขึ้นมาก่อน อย่างที่เขาตั้งชื่อว่า ลิบรา นะคะ แล้วก็มีสมาคมที่จะตั้งขึ้นมาด้วยก็คือ ลิบรา แอสโซซิเอชัน จะมีบริษัทเอกชน เป็นผู้ร่วมก่อตั้งประมาณ 27 บริษัท ตรงนี้อาจารย์ดูแล้วก็คือจะนำไปสู่แรงสั่นสะเทือนของ เอาระบบธนาคารก่อนนะคะ อาจารย์นะคะ เดี๋ยวค่อยระบบการเงินโลกจะอีกทีหนึ่ง เอาระบบธนาคารก่อนนะคะ
ทวีสุข- เฉพาะธนาคาร ก็คงสั่นสะเทือนทั้งระบบโลกเลยด้วยซ้ำ ในความคิดของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก่อนหน้านี้มีคนทำมาแล้วก็คือของ อาลีบาบา แต่สุดท้ายอาลีบาบาเจอเล็ทกูเกเตอร์จีน ของจีนออกมาบอกว่าเขาไม่สามารถที่จะทำวอลเลท ที่เอาเงินไปเก็บได้นะครับ ก็เลยเป็นเหตุผลว่าอาลีบาบาต้องไปเทคโอเวอร์ แอนท์ ไฟแนนเชียล แล้วก็ทำตัวในรูปแบบของการทรานเซสชันในระดับโลกเนี่ย ผ่านตัวมันนี่แกรม แต่สุดท้ายแล้ว โดนัลด์ ทรัมป์ นี่แหละเป็นคนที่บอกทางเล็ทกูเกเตอร์ ในอเมริกาแบนการเทคโอเวอร์ครั้งนั้นก็เลยทำให้อาลีบาบายังประสบปัญหาการทรานเซสชันในโลกนี้ เพราะฉะนั้นเราจะสังเกตได้ว่าตัวเล็ทกูเกเตอร์ หรือกฎเกณฑ์ของทั่วโลก จะเป็นตัวที่ทำให้ทำได้ หรือทำไม่ได้ ทีนี้เราย้อนกลับมาตัวของเฟซบุ๊ก เฟซบุ๊ก ทำในโมเดลเหมือนแบบจะเป็นสเตเบิลคอยน์ เท่าที่ฟังดู เท่าที่เขาพูดนะครับ ทีนี้ตัวรูปแบบสเตเบิลคอยน์ของเขา มันช่างคล้ายคลึงตัวจัด SDR ของ IMF ซึ่งเขาจะใช้วิธีว่าพอมีเงินเข้ามาจะเป็นมัลติ เคอเรนซี่ เบื้องหลังที่แบคตัวคริปโตของเขา แล้วก็จะเข้าไปถือตัวเคอเรนซี่ต่างๆ แล้วก็ให้มันช่างน้ำหนัก ซึ่งกันและกัน แต่เขาก็ยังไม่ได้บอกสัดส่วน ซึ่งถ้าให้ดูแล้วจะไม่ได้แตกต่างจากตัว SDR คิดว่าเขาจะเอาน้ำหนักในตัว SDR มาเป็นตัวเหวี่ยงน้ำหนัก แล้วมันจะทำให้ต้นทุนต่างๆ ต่ำลงไปมาก เพราะว่าการโอนคริปโต มันไม่ต้องผ่านระบบธนาคาร เพราะว่าระบบเดิม เราต้องโอนเงินไปที่ธนาคาร โอนเงินธนาคารเสร็จ ธนาคารผ่านแบงก์ชาติ แบงก์ชาติเสร็จส่งไปที่สวิฟท์ สวิฟท์เสร็จก็ต้องโอนไปที่ของแบงก์ชาติ ประเทศปลายทาง แบงก์ชาติ ประเทศปลายทาง ก็ต้องส่งไปที่ธนาคารและธนาคารที่ไปเปิดกับปลายทางเนี่ย ก็ต้องไปวางเงินสำรองไว้ที่ธนาคารนั้นๆ ถูกไหมครับ เพราะว่าต้นทุนการวางเงินสำรองในโลกมันสูงถึงประมาณ 2 ทิลเรียล ซึ่งเป็นต้นทุนของเงินที่ไม่ได้ใช้ของแต่ธนาคารในโลก ดังนั้นตัวคอยน์ของเขามันจะเป็นการไดเร็ก ทุกคนสามารถที่จะโอนกันได้ แล้วมันจะตัดปัญหาเรื่องมัลติ เคอเรนซี่ เพราะมันสร้างเคอเรนซี่ กลางขึ้นมา ซึ่งมันจะคล้ายๆ รูปแบบของ IMF ที่กำลังจะสร้างอยู่ ณ ขณะนี้นะครับ เพราะฉะนั้นเราคงจะต้องไปดูต่อว่า เบื้องหลังของเขามีอะไรขึ้นมาบ้าง
นงวดี- คือเพราะฉะนั้นต้องดูว่าคือ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก มีการพูดว่า จะเป็นเงินสกุลใหม่
ทวีสุข- เป็นเงินสกุลใหม่
นงวดี- พูดว่าเงินสกุลใหม่ของโลกนะคะอาจารย์ ซึ่งก็จะใช้ มีแบงก์ มีดอลล่าร์ มีเงินสกุลต่างๆ แบคอยู่ด้วย อะไรเบื้องหลังของเขาเนี่ย คืออะไรที่จะทำให้เขาคิดใหญ่ได้แบบนั้นอาจารย์
ทวีสุข- เราจะสังเกต ตั้งแต่ต้นเลยครับ เอาว่า ซัคเคอร์เบิร์ก เนี่ย เมื่อสักประมาณ 10 ว่าปีที่แล้ว เขาก็ไม่ได้เป็นคนที่มีเงินเลยนะครับ แล้วก็ในการก่อ่ตั้งเฟซบุ๊กครั้งแรก ตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย เขายังจะต้องยืมเงินเพื่อนด้วยซ้ำ มาเพื่อจะรักษาระบบเรียลไทม์ของเฟซบุ๊กให้ได้ แต่ปรากฏว่ามีอยู่วันหนึ่ง มันมีนายธาคารใหญ่เข้ามา เพื่อที่จะฟันดิ้งให้ แล้วเพื่อนที่เป็นนายทุนของเขา กลับมา เหลือสัดส่วนหุ้นไม่กี่เปอร์เซ็นต์ คือ หลัก 1-2 เปอร์เซ็นต์ แต่ปรากฏว่า มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เขายังถือสัดส่วนหุ่นประมาณ 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ ในบาริษัทอยู่ ทั้งๆ ที่ขนาดของบริษัทนั้นขยาย พอเราลงไปดูลึกแล้วปรากฏว่าในธนาคารที่มาฟันดิ้งให้กับ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เนี่ยปล่อยกู้ให้กับซัคเคอร์เบิร์ก นะครับ ไปเอาเพิ่มทุนของตัวเองขึ้นไป พอเพิ่มทุนของตัวเองขึ้นไปโดยที่ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ไม่ต้องใช้เงินของตัวเอง แต่ธนาคารให้กู้แล้วก็วางโปรเซสในการทำ IPO ซึ่งคนเกี่ยวข้องสองคนที่เข้ามาในสองปาร์ตี้นี้ ก็คือ โกแมน แซค แล้วก็ เจพีมอร์แกน ซึ่ง โกแมน แซค เป็นคนยื่นทำ IPO ดังนั้นในการปล่อยกู้ช่วงแรก ราคาหุ้นประมาณ 10 เหรียญต่อหุ้น IPO ขึ้นไปที่ 25 แต่ด้วยรูปแบบทางการเงิน มันไม่จำเป็นต้องเอาไปคืนเงินกู้ หลังจาก IPO สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ ก็คือ พอราคาหุ้นขึ้นไป ปัจจุบันอยู่ที่ 180 ดังนั้นเงินที่ดีวิเด็นประมาณ 1-2 เปอร์เซ็นต์ เพียงแค่ 4-5 ครั้งมันก็จะสามารถไปคืนเงินกู้ได้ละ แล้วก็หุ้นที่ขึ้นมา 100-200 เหรียญ ขณะนี้ มันก็คือสินทรัพย์ที่ ซัคเคอร์เบิร์ก ได้โดยที่ไม่ต้อง ลงทุนอะไรเลย เพียงสแต่รับใช้ระบบเท่านั้นเอง ทีนี้เราจะเห็นได้ว่าผลงานของเฟซบุ๊กเนี่ย มีมาอย่างต่อเนื่องนะครับ เราจะเห็นได้ว่าการเกิดการปฏิวัติในอียิปต์ การเกิดมุสลิม บราเธอร์ฮูด เฟซบุ๊กนี่ละได้ฉาย ได้ฉายแสงทำให้การคอนเนกชันของคนเกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรครับ มันมีเรื่องของโพลิติกเข้ามาเกี่ยวอยู่ข้างใน เพราะเฟซบุ๊กมีเบื้องหลังของการทำดาต้า อนาไลติค สามารถรู้ได้เลยว่า ขณะนี้มีคนชอบ หรือไม่ชอบอยู่เท่าไหร่ สมารถวัดอารมณ์ ความรู้สึกได้อย่างเรียลไทม์ ดังนั้นในแง่ของโพลิติก เฟซบุ๊กนั้นเข้าถึง แล้วก็ทำดาต้า อนาไลติค ผลการเลือกตั้ง ของโดนัลด์ ทรัมป์ กับ ฮิลลารี คลินตัน เนี่ย มันต่างคะแนนอยู่ที่เท่าไหร่ และสามารถพลิกได้ในนาทีสุดท้าย เราจะเห็นได้ว่าลูกเขยของโดนัลด์ ทรัมป์ ใช่ไหมครับ ที่ทำดาต้า อนาไลติค ก็มีปัญหามีประเด็นกันอยู่ เขาใช้การวิเคราะห์ตรงนี้แแหละ แล้วก็สมารถพลิกการเมืองอเมริกาให้โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาในนาทีสุดท้ายได้ แล้วเราก็จะเห็นได้ว่าเฟซบุ๊กจะเป็นตัวกลางสำคัญในการสร้างความแตกแยกทั่วโลกเลย เพราะทุกวันนี้เราก็เห็น แม้กระทั่งในบ้านเรา ดังนั้นถ้าเขาสามารถคุมฐานทำดาต้า อนาไลติค ทุกคลิกที่เกิดขึ้น ทุกคำพูดที่พิมพ์ แม้กระทั่งคำที่พิมพ์ผิดไปแล้ว ลบออก มันยังถูกบันทึกอยูีในนั้นหมดเลย แล้วข้อมูลตรงนั้นทำอย่างไรครับ เราก็จะเห็นได้ว่าวันนี้ สหรัฐอเมริกาประกาศแล้วว่า ท่านจะของวีซ่าให้เปิดเผยเฟซบุ๊กย้อนหลัง 5 ปี แล้วหลายที่ในระบบธนาคาร อย่างเช่น เรนดิ้ง คลับ หรือสถาบันการเงินอื่น ก็ใช้วิธีข้อข้อมูลในโซเชียลมีเดีย ย้อนหลัง 5 ปี เพื่อไปทำดาต้า อนาไลติค ดังนั้นทุกคอมเมนต์ เราจะเห็นว่ามีการแชร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สามารถที่จะขอข้อมูล แล้วก็ให้นักศึกษาบางคน ผ่านเข้าไปเรียน เนื่องจากมีทัศนคติที่จะก่อให้เกิดในเชิงสิ่งที่ไม่ดี ในอนาคต ทางมหาวิทยาลัย ก็ไม่ได้รับ ดังนั้นคอมเมนต์ทุกอย่างมันเกิดเป็นการเก็บ statistics ของเราเป็น บาย แอคเคานท์ บาย นาที ก็สามารถเอามาวิเคราะห์ได้เลย อันนี้คือสิ่งที่เฟซบุ๊กมีอยู่แล้ว ดังนั้นการมาสร้างตัวเงินของตัวเอง ไม่ได้แปลกใจ แล้วทำไมเขาพูดถึง อาลีบาบา ของแจ็ค หม่า พราะระบบธนาคารไม่ได้ให้ทุกคนเข้าไปได้ แต่เฟซบุ๊กมีข้อมูลของทุกคนอยู่แล้ว แล้วเป็นข้อมูลที่เก็บพฤติกรรมเป็น 10 ปี ตรงนั้นทำให้สามารถที่จะปล่อยกู้หรือไม่ปล่อยกู้ก็ได้ เขาเก็บแม้กระทั่งอะไรรู้ไหมครับ เขาเก็บแม้กระทั่งสิ่งที่เรานั่งคุยกันอยู่อย่างนี้ โดยเก็บเสียงของเรา ฟัง
นงวดี- แอบฟังเสียงเรา
ทวีสุข- ประสบการณ์ตรงเลยครับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมไปหาคุณหมอแล้วพูดถึงตัวเครื่องที่บล็อกหลัง ที่พยุงหลัง ปรากฏว่ากลับบ้านไป ที่
บล็อกหลังโฆษณามา 3 เจ้า ซึ่งเป็นร้านทั่วๆ ไป เพราะฉะนั้นเฟซบุ๊กแอบฟัง ผมไปถามภรรยาว่าคุณแอบเสิร์ฟดูรึเปล่า คือก่อนหน้านั้นถ้าเราไปเสิร์ฟหรือไปหา โอเค บอร์ดมันอาจะไปโชว์ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้อง เพราะฉะนั้นพวกนี้สามารถเอาไปทำดาต้า อนาลิติกส์ เรื่องของลิสต์ เรื่องของการปล่อยกู้ หรือการวางโครงสร้างทางการเงินใหม่ เขามีเซิรฟ์เวอร์ตรงนั้นอยู่แล้ว
นงวดี- ก็เรียกว่าคือมีศักยภาพ
ทวีสุข- มีศักยภาพที่สูงมาก
นงวดี- ศักยภาพที่สูงมาก ทั้งในที่มาของ แหล่งเงินทุนของเขา ผลงานที่เขาสร้างสรรค์กันมาในแง่ของการจัดเก็บข้อมูล และผลที่มีต่อความเคลื่อนไหว กลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ ในหลายประเทศ ก็มีเฟซบุ๊กเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ
ทวีสุข- ครับ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมรัฐบาลจีนถึงไม่ให้เฟซบุ๊กเข้าด้วย แต่รัฐบาลจีนเขาประกาศเลยว่าตัววีแชตของเขา เขาก็แอบฟังอยู่แล้ว แล้ว
เขาก็บอกทุกสนทนา ทุกอะไรเขาก็มีการจับ ดังนั้นตัวกัฟเวอร์เมนต์ของจีน การเก็บข้อมูลบนดาต้าส่วนกลาง การผ่านวีแชต แล้วก็ตัวระบบโซเชียลไม่ว่าอาลีบาบา หรืออะไรก็ตาม รัฐบาลมอนิเตอร์อยู่แล้ว อันนั้นทางจีนเขารู้อยู่แล้วทุกคนมอนิเตอร์ แต่ทางฝั่งตะวันตกบอกว่าไม่มอนิเตอร์ แต่จริงๆ แล้วเขาเก็บข้อมูลเราตลอดเวลา แต่ว่าเขาไม่ได้เอาไปใช้เป็น by user เขาก็ทำเป็นข้อมูลภาพรวมขึ้นมา
นงวดี- ที่นี้ถ้าเช่นนั้นคำว่า ลิบรา เป็นเงินสกุลใหม่ของโลกก็มี
ความเป็นไปได้สูงสิคะอาจารย์
ทวีสุข- มันจะต้องดูที่ 2 สถานะนะครับ คือโดยโครงสร้างมันเหมือน SDR อยู่แล้ว ของ IMF ที่เอาเคอซี่ต่างๆ มารวมเป็นตระกร้าเงิน ดังนั้นสิ่งที่จะตามมา เราต้องดูตรงนี้ว่าเร็กกูเลเตอร์ในบางประเทศสำคัญ อย่างเช่น ประเทศในยุโรปหรืออเมริกายอมรับไหม ถ้าหากเร็กกูเลเตอร์ผ่าน แล้วก็ให้ว่าน่าจะเป็นสกุลเงินใหม่ แต่ว่าควรจะมีกฎเกณฑ์ควบคุมอย่างนั้นอย่างนี้ อันนี้แสดงว่ามันจะต้องกลายเป็นสกุลเงินใหม่ของโลกได้จริงๆ โดยผ่านบริษัทเอกชน อาจจะถูกควบคุม IMF อีกที หรือว่าต้องไปดูหลังจากที่เฉลยในคราวหน้า ว่าเขาจะมีใครที่ออกมาบ้าง แต่ว่าถ้าได้ผ่าน แสดงว่าตัวระบบการเงินของโลกน่าจะกำลังมีปัญหา แล้วที่นี่ดิสรัปไหม มันจะดิสรับระบบการเงินทั้งโลกทันที แล้วส่วนตัวมองว่า ถ้าหากระบบการเงินของโลกโครงสร้างเดิมมีปัญหา แสดงว่าตัวเฟซบุ๊กน่าจะเป็นระบบสำรอง ระบบสำรองที่ถ้าเกิดว่าตัวระบบเดิมเกิดขัดข้องขึ้น หรือแคลชในระบบธนาคารทั้งโลกที่เกิดขึ้น ตัวระบบของลิบรา จะเป็นตัวระบบสำรองในการทำพาเซ็กชั่น ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า 27 ที่เข้ามาร่วมสมาคม ก็เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมการเงินทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจะดูชัดๆ ได้เลย ก็คือต่อเมื่อเร็กกูเลเตอร์ไม่มีปัญหากับเรื่องนี้
นงวดี- อาจารย์คะ ที่นี้ถ้าอาจารย์พูดถึงเรื่องว่าหรือเขากำลังทำระบบสำรอง สำหรับระบบ ณ ตอนนี้ที่มีปัญหา ซึ่งนงได้คุยกับอาจารย์ในหลายๆ ตอน ที่บอกว่าระบบการเงินโลกมันมีความเสี่ยงมาก พูดถึงฟองสบู่หลายชั้นที่เกิดขึ้นนี้นะคะอาจารย์ เราอาจจะพูดได้คะว่าเงินสกุลที่ว่านี้ คริปโต ลิบรา จะมาแทนที่เงินดอลลาร์
ทวีสุข- ผมคิดว่าตอนนี้ในโลก เขาพยายามสร้างระบบ หลายระบบ ตอนแรกที่เราเห็นมันมีเทสระบบของบล็อกเชน ของตัวคลิปโตที่เรียว่าบิทคอยน์ แต่โครงสร้างตัวนั้นมันคอนซูม เอ็นเนเจอร์ค่อนข้างเยอะ และมันสร้างความร้อนมาก ที่จะสร้างตัวโน๊ดจำนวนเยอะ และก็เก็บข้อมูล ที่นี้เขาก็เลยคิดตัวระบบใหม่เพื่อมาแก้ไขระบบเดิม ซึ่งในประเทศจีนเขาทำกันแล้ว คอเขาเปลี่ยนสกุลเงินหยวนให้ไปเป็นดิจิทัลมันนี่ แล้วก็เอาตัวระบบบล็อกเชน ซึ่งตอนนี้ทางฮ่องกงกับทางจีนกำลังทำเปิด เอพีไอ กันอยู่นะครับ แล้วก็จะเป็นฐาน ซึ่งสิ่งที่เราคุ้นเคยกันก็คือระบบคิวอาร์โค้ด ดังนั้นจีนเขาบอกแล้วว่า เขามีคลิปโตของเขาอยู่แล้ว แต่ว่าไม่ใช่เป็นคอยน์ แต่เป็นตัวหยวนที่อยู่บนดิจิทัลมันนี่ แล้วเขาก็จะเอาตัวระบบบล็อกเชนเข้ามารับ แต่ในที่สุดผมคิดว่ามันคงจะต้องเป็นเซ็นทรัลไรท์ กึ่งดีเซ็นทรัลไรท์ ออกแบบมาแบบนี้ เพราะฉะนั้นมนฝั่งเอเชีย จีนก็เริ่มทำ และการที่พบปะกันที่ผู้นำมหาเธร์ออกมาบอกว่า เราควรมีสกุลเงินของเอเชียเป็นของตัวเอง ดังนั้นแสดงว่าทุกคนกำลังตระหนก วิตกกังวลอย่างยิ่งต่อค่าเงินดอลลาร์ที่เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว เพราะเนื่องจากน่าจะมีการพิมพ์ดอลลาร์ครั้งใหม่เกิดขึ้น แล้วที่นี้ค่าเงินเสื่อมมันจะก่อให้เกิดอินเฟชั่นจากการเสื่อมค่าของค่าเงิน เหมือนในเวเนซุเอลา หรืออาร์เจนตินาปัจจุบันนี้ ดังนั้นทางนี้คงต้องหาทางออกว่าควรจะทำอะไรกัน เพราะฉะนั้นถ้าหากดอลลาร์มันเกิดเสื่อมค่าแบบอัตราเร่งเพิ่มขึ้น ซึ่งใน 2 เดือนนี้เราเริ่มเห็นแล้ว เห็นสกุลเงินทั่วโลกเริ่มแข็งค่า เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ เกิดการพังของตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น เราจะทราบว่าตลาดหุ้นทางโลก 60 เปอร์เซ็นต์ มันถูกด้วยแบล็กด้วยเด็ดคอมเพล็ซ์ที่อยู่ตรงนั้น ที่อยู่เบื้องหลัง เพราะฉะนั้นถ้าตัวระบบเด็ดคอมเพล็ซ์ มันเกิดพังทลายหรือตลาดหุ้นพัง ที่นี่ถ้าตลาดหุ้นลงมาแรงมากตัวสินทรัพย์หลักประกัน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น แล้วก็ตัวอ้างอิงของหุ้น อัตราดอกเบี้ย และก็ตัวระบบเงินที่มันเคลื่อนย้าย มันจะมีปัญหาระบบในธนาคาร ที่เขาเรียกว่า การมาร์ทูมาร์เก็ต เพราะฉะนั้นพอหุ้นตก หุ้นไปค้ำหนี้อยู่ พอตัวราคาหุ้นตกลงมาต่ำกว่าหลักประกัน ก็จะเรียกการคอลแคลชเกิดขึ้น ที่นี้เมื่อมีการคอลแคลช แต่แคลชไม่มีการให้คอล มันยิ่งจะถูกกดลงไปอยู่ฟอสเซลล์ ที่นี้การเทขาย มันจะทำให้สินทรัพย์ที่เป็นหลักประกัน ไม่ว่าประกันในบอนส์ ไม่ว่าจะกันในระบบธนาคารมันจะล้มลง เพราะถ้าล้มลงในขนาดนั้นโลกมีอยู่ 2 ทางเลือก ทางเลือกที่หนึ่งเลยที่ตลอดแคสหนักๆ จะต้องปิดตลาดหุ้น หรือทางเลือกที่สอง ปล่อยให้ไฟแนนเชียล ซิสเต็มส์ มันพังลง เหมือนกรณีปี 2008 ซึ่งผมเคยพูดอยู่เสมอว่าปี 2008 คือการทดลองระบบ ก็คือยอมให้เลห์แมน บราเธอร์สล้ม พอเลห์แมน บราเธอร์สล้ม เขาก็รู้ว่าแล้วว่าปัญหาทั้งหมดคือมาร์กทูมาร์เก็ต ราคาบอน เพราะฉะนั้นเมื่อล้ม เลห์แมน บราเธอร์ส ปรากฏว่าโดมิโนที่มันเกิดขึ้นค่อนข้างรุนแรงในระบบแบงก์กิ้ง ซิสเต็มม์ นั้นคือเหตุผลว่าทำไมเขายังพยุงไม่ให้ธนาคารในอิตาลีล้มละลาย ทั้งที่อัตราหนี้เสียของอิตาลีขึ้นไปประมาณ 18 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมันเกินจุดปลอดภัยไปมากแล้ว ดังนั้นตัวลิบราคืออีกตัวระบบสำรองที่กำลังจะเกิดขึ้น ถ้าหากไฟแนนเชียล ซิสเต็มส์ ล้มในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เพราะฉะนั้นเราจะดูได้เลยว่าถ้าตลาดหุ้นบิทแคลชเมื่อไหร่ เพราะว่าตอนนี้เศรษฐกิจมันถดถอยทั้งโลกแล้ว มันจะอยู่ที่ว่า มันรีเซ็ตชั่นเมื่อไหร่ ดังนั้นสิ่งที่จะลงไปได้ในขณะนี้เลยคือตลาดหุ้น เพระาถ้าตลาดหุ้นแคลชลงเมื่อไหร่ ระบบไฟแนนเชียล ซิสเต็มส์ทั้งโลกจะช็อกทันที และผมคิดว่าถ้าถึงจุดหนึ่ง น่าจะปิดตลาดหุ้นทั่วโลก เพื่อไม่ให้ระบบธนาคารพัง แต่ถ้าปิดไม่ทัน อันเนี่ยจะเป็นปัญหา
นงวดี- เดี๋ยวที่นงจะมาเรื่องแบล็กอัพที่อาจารย์พูด นงขอถามต่อนิดหนึ่งว่า หลายท่านที่ฟังอยู่ตอนนี้ ก็รู้สึกคัดค้านกับที่อาจารย์พูดว่า เอ้า ตอนนี้ตลาดหุ้นเขากำลังพุ่งเลยนะ แต่ว่าดอลลาร์อ่อนจริง บาทนี่แข็งโปก เลยใช่ไหมคะอาจารย์
ทวีสุข- ครับ
นงวดี- ทองพุ่งทะลุ 1,400 เหรียญขึ้นไป แล้วดูเหมือนจะวิ่งไปอีกด้วยนะคะอาจารย์
ทวีสุข- อันนี้จะเป็นการวิ่งหนีของดอลลาร์ คือเงินทั้งโลกมันจะเหมือนยาสีฟัน พอบีบออกจากหลอดแล้ว มันเอากลับเข้าไปไม่ได้ วิธีทำให้มันหมด คือทำให้มันมีมูลค่าเพิ่มขึ้น หรือเบิร์นมันทิ้ง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ระบบวางไว้ก็คือว่า เขาเลือกที่จะเข้าไปในสินทรัพย์แทน แล้วให้แบงก์ชาติทั่วโลกรับความเสี่ยง ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่าถ้าเราถือดอลลาร์อยู่ แต่เราไม่อยากได้ดอลลาร์ เราก็จะเข้าไปสื่อตราสารหนี้ เข้าไปถือหุ้น แล้วมีสัญญาอนุพันธ์ เท่ากับว่าเขาไม่ได้ถือ ยูเอส ดอลลาร์ แต่ให้แบงก์ชาติทั่วโลก ไปถือ ยูเอส ดอลาร์ ในนามทุนสำรองแทน ที่นี้แบงก์ชาติทั่วโลก ไม่ได้รู้จักว่าการที่เสื่อมค่าของดอลลาร์ลง มันจะมีผลกระทบรุนแรงอย่างไร ดอลลาร์ไม่จำเป็นต้องจากแอดเซ็จ บาร์ลานชิป ของแบงก์ชาติแต่ละที่ในโลกเลย แต่ดอลลาร์มันจะเสื่อมค่าลง ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ธนาคารสวิซเห็น ธนาคารสวิซทำตัวเป็นมัลติ เคอเรนซี่ แล้วทำกำไรด้วยการเอาเงินไปถือหุ้น แล้วก็ทำการเฮ็ดไว้ อันที่สองก็คือแบงก์ชาติรัสเซีย ก็คือขาย ยูเอส ดอลลาร์ออก แล้วก็ทำการเปลี่ยนเป็นทองคำแทน แล้วเราก็จะเห็นสิ่งที่ผิดสังเกตมากคือ ธนาคารกลางญี่ปุ่นทยอยขายยูเอส ดอลลาร์ออกมา เพราะว่าจีนกับญี่ปุ่นเยอะที่สุด งั้นเราเริ่มเห็นภาพแล้วว่ายูเอส ดอลลาร์ เริ่มมีปัญหา ดังนั้นสิ่งที่ธนาคารกลางอเมริกาจะแก้ได้ยังไง ก็ไม่ต้องแปลกใจว่าอินเทอร์เรส เรท จะต้องลงไปถึงศูนย์ เพื่อเขาที่จะทำมหกรรม QE ครั้งใหม่ เพราะว่าอินเทอร์เรส เรทเท่ากับศูนย์ เขาสามารถพิมพ์เงินเท่าไหร่ก็ได้ โดยที่ไม่มีต้นทุน เพราะขณะนี้ภาษีอเมริกาเก็บไม่ได้ แล้วเทรนวอลล์ทำให้เศรษฐกิจของตัวเองมีปัญหามาก งั้นถ้าเก็บภาษีไม่ได้ ถ้าดอกเบี้ยยังมีอยู่ ต้นทุนพันธบัตรที่ก่อหนี้มันจะมี แต่ไม่มีเงินไปจ่าย เพราะปีที่ผ่านมา ทางกระทรวงการคลังอเมริกาต้องสร้างหนี้ใหม่ประมาณ 5 แสนล้าน เพื่อไปจ่ายดอกเบี้ย วันนี้เราเดินมาจุดี่ต้องสร้างหนี้ใหม่แล้วไปจ่ายดอกเบี้ยแล้วนะครับ เพราะฉะนั้นจุดนี้ทำให้คุณทรัมป์ไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ได้
นงวดี- ที่นี้กลับมาที่อาจารญ์บอกว่า คริปโต ลิบรา จะเป็นระบบสำรอง ที่นี้ภาพที่อาจารย์วาดให้ดู ที่จะเกิดแคลชทั้งหลายแหล่ แล้วเกิดความวุ่นวาย ปั่นป่วนในระบบการเงินโลก แต่ว่าระบบใหม่ที่กำลังสร้างก่อร่างสร้างตัวอันนี้ เขาจะไม่ได้รับผลกระเทือนไปด้วยหรอคะอาจารย์
าะทุกวันนี้มันไม่ต้องห่วงบิทคอยน์มันเลือกกันไปง่ายๆ
นงวดี- แล้วก็พูดง่ายๆคำว่าการเข้าถึงบัญชีที่ไม่สามารถเข้าถึงธนาคารได้ อันนี้อาจจะเป็นตัวหนึ่งที่บอกได้ว่า อาจจะทำให้ความเสี่ยงเรื่องของการแคชของระบบ มันมาไม่ถึงเพราะว่าบัญชีเหล่านั้น ไม่มีความเชื่อมโยงกับระบบธนาคาร อันนั้นเป็นประเด็นไหมคะอาจารย์
ทวีสุข- ใช่ครับ พอถึงแล้วหากตัวดอลลาร์มันเกิดเสื่อมค่าลง มันมีผลต่อโล'เคิล เคอเรนซี่ ทุกประเทศในโลกอยู่แล้ว เพราะว่าโล'เคิล เคอเรนซี่ เอาดอลลาร์แบค ทีนี้สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราเข้าเคอเรนซี่ในโลกมีปัญหา เขาสามารถจะพาสระบบ ไปสู่ระบบลิบราของเฟซบุ๊กได้ทันที อันนี้คือเรกูเลเตอร์ ต้องตั้งคำถามเพราะเราจะเห็นได้ว่าถ้าเราตัดเงิน อย่างหลายท่านซื้อโฆษณากับเฟซบุ๊ก เราจะเห็นได้ว่าถ้าเราตัดเงินแล้วปลายทางการเงินไปตัดที่ ไอซ์แลนด์ เราจะเห็นได้ว่าเมื่อปี 2012 ไอซ์แลนด์ เกิดวิกฤตทางด้านเศรษฐกิจเกิดขึ้น เขาก็จะเหมือนกับเราจะต้องใช้เงินของไอเวฟเข้าไปช่วยเหลือ แล้วก็สหภาพยุโรปเข้าไปช่วยเหลือ ปรากฎว่าความช่วยเหลือมันเป็นความช่วยเหลือบวกบวก หนึ่งในนั้นก็ทำให้เป็นศูนย์ตัดบัญชีทางการเงินของโลก ซึ่งกูเกิล เฟซบุ๊ก ก็ตามตรงนี้เข้าไป เพราะไอซ์แลนด์จะมีข้อดีอยู่ 2 อย่าง อย่างที่ 1.เลยคือประชากรน้อยแล้วพอเปิดระบบมันจะทำให้เงินในไอซ์แลนด์ถูกกฎหมายและถูกกฎเกณฑ์ ดังนั้นค่าโฆษณาที่เราจ่ายไป เฟซบุ๊กไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษีเมืองไทยเลย เพราะเราถือว่าไปจ่ายให้กับที่ไอซ์แลนด์ และไอซ์แลนด์มีข้อดีอยู่อีกอันหนึ่งคือด้วยความร้อนที่มีอยู่ในนั้น มันสามารถผลิตไฟฟ้าได้ อันที่ 1,2 คือไอซ์แลนด์โดยสภาพรวมเป็นดินแดนที่อากาศเย็น การวางเซิร์ฟเวอร์ไว้ที่นั้น มันก็จะเป็นการประหยัด เพราะฉะนั้นด้วยทั้ง 2 อย่างคือไฟฟ้ามีแนวโน้มว่ามีอยู่แล้ว ซึ่งสำคัญต่อระบบเซิร์ฟเวอร์ ก็เลยทำให้เฟซบุ๊กน่าจะขยายตรงนี้ได้ โดยใช้ไอซ์แลนด์เป็นพื้นฐาน ซึ่งกูเกิลก็ทำตรงนี้เช่นกัน วันนี้ระบบทั้งหมดมันไม่ได้อยู่ที่ประเทศใดประเทศหนึ่ง มันเป็นโกลบอล คอปเปอร์เรท ไปแล้ว
นงวดี- ทีนี้ถ้าเกิดว่า เรามาดูเรื่องของสมาชิกบริษัทต่างๆ และสมาชิกผู้ก่อตั้งลิบราแอสโซซิเอชั่นส์ ที่ว่าเนี่ยนะคะอาจารย์ ก็มีทั้งบริษัทพวกเพลย์กราวน์ หรือบริษัทสตาร์ตอัพยุคใหม่ๆคืออยู่ในนั้นหมดเลย หรือว่าตอนนี้ เขาประกาศไว้ที่ 27 ก่อนใช่ไหมคะอาจารย์ แล้วก็บอกว่าคาดว่าน่าจะเป็น 100 บริษัทได้ ตรงนี้อาจารย์คิดว่ามันจะเป็นกลไกสำคัญอย่างไรบ้างที่จะทำให้ตัวลิบรามันจะเกิดขึ้นคะอาจารย์
ทวีสุข- สำคัญข้อที่ 1 เลยพอรวมกันมากๆ เขาจะดันเรกูเลเตอร์ให้ผ่านกฎหมาย และอันที่ 2 คือกลุ่มที่เข้ามาร่วมกันรู้แล้วละว่ายูเอส ดอลล่าร์ ซิสเต็มส์ กำลังมีปัญหาแล้วถ้าหากทั่วโลกไม่สามารถคอนโทรล ในการแคชได้ระบบสถาบันการเงินจะมีปัญหาเมื่อที่ปี 2008 ที่เกิดขึ้น แบบไม่รู้ตัวเพราะเกิดภาวะเครดิตครันช์ หาเงินกันไม่ทัน สภาพคล่องไม่มีการหมุน ดังนั้นทุกคนเห็นภาพนี้หมดแล้ว เพียงแต่พยายามจะยืดเวลา ดังนั้นการที่เขาจะเข้ามาร่วมลิบรา จึงไม่ใช่ข้อที่น่าแปลกใจใดๆเลย
นงวดี- ทีนี้ก็ย้ำเมื่ออาจารย์พูดเมื่อสักครู่นี้ ก็คือว่าตัวนี้คือตัวสะท้อนว่าระบบที่เรากำลังยืนอยู่มีปัญหา ระบบการเงินโลกกำลังมีปัญหา แล้วก็จึงทำให้เกิดสร้างระบบทางเลือกขึ้นมาใหม่ ระบบสำรองขึ้นใหม่ ซึ่งถ้าย้อนไปดูตรงระบบหลักตอนนี้ซึ่งถ้าที่เราเห็นคือหุ้นขึ้นดอลลาร์อ่อน แล้วก็ทองพุ่ง แล้วก็ทะลุ 1,400 เหรียญขึ้นไปแล้ว อันนี้เป็นสัญญาณที่สามารถบ่งบอกว่ามันเกิดปัญหาในระบบปัจจุบันจริงๆ
ทวีสุข- โดยเฉพาะการที่ใช้ดอลลาร์โดยที่เอาปิโตรดอลลาร์เป็นตัวแบ่ง อันนี้ตัวดิสรัปชันก็จะเห็นได้ชัดนะครับ และก็อุตสาหกรรมของอเมริกาวันนี้พิสูจน์ได้แล้วว่าสู้ทางด้านรัสเซียไม่ได้ แม้กระทั่งเครื่องบินโดรนเวลาถูกยิงปกติจะไม่ยอม อันนี้ให้สัญญาณอยู่ๆเปลี่ยนกลับไปกลับมา แสดงว่าเขาเองก็มีปัญหาในการที่จะต้องทำสงครามระยะยาวอย่างแน่นอน แต่ถ้าสงครามเกิดขึ้น เราจเห็นน้ำมันวิ่งไป 120-150 ตรงนั้น อันนี้ต้องระวังสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในอิหร่านในที่ราบสูงโกลัน ซึ่งเปลี่ยนเป็นที่ราบสูงทรัมป์ไปละ นั่นคือจุดยุทธศาสตร์ที่เกิดเหตุการณ์ใหญ่ของโลก อันนี้คือตัวบอกว่ายูเอสดอลลาร์เริ่มถูกเทอร์มิเนตออกจากระบบ อันที่ 2 เรื่องอาวุธสงครามการทำสงครามเกิดสถานการณ์ดีขึ้น จะเห็นได้ว่าทันทีเลยดอลลาร์อ่อนค่าลงทันทีเลย เพราะว่ากองทัพอเมริกาที่หนุนดอลลาร์อยู่เริ่มสู้ฝั่งตะวันออกและทางฝั่งรัสเซียไม่ได้ ด้วยเทคโนโลยี เราจะเห็นชัดเลยว่าการที่ยอมอิหร่านโดยไม่ทำอะไรดอลลาร์อ่อนค่าลงทันทีนั่นคือตัวที่แบกอีกตัวหนึง ตัวหนึงคือการที่ทั่วโลก ซื้อดอลลาร์จากอเมริกา เพราะอเมริกาเป็นประเทศที่ซื้อทุกอย่างจากทั่วโลก แต่ขอกู้เขามาซื้อก็กู้ประเทศนั้นในนามทุนสำรองและเอาตราสารหนี้ของตัวเองมาขายโดยแลกกับดอกเบี้ยเพียงแค่ 1-2 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ และกู้เงิน 100 เปอร์เซ็นต์ไป และเอาเงินนี่ละมาใช้ อันนี้เป็นความชาญฉลาดของระบบที่วางไว้ และที่สำคัญคือเขาเป็นประเทศลูกหนี้รายใหญ่และสามารถบอกเจ้าหนี้ได้ว่าจะเสนอดอกเบี้ยเท่าไหร่ ซึ่งระบบมันผิดปกติมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว งั้นด้วย 3 ตัวนี้ มันก็ทำให้การอ่อนค่าของดอลลาร์จะเกิดขึ้น แต่โอกาสที่จะเหวี่ยงกลับมาใหม่แข็งได้ เพราะว่าเศรษฐกิจการส่งออกแต่ละประเทศมีแต่ปัญหา พอมีปัญหาปุ๊บ พอค่าเงินไหลออกอย่างเดียว เราสังเกตได้ว่าที่อินโดนีเซีย เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เงินไหลออกเพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ ค่าเงินร่วงไปตั้ง 50 เปอร์เซ็นต์ สถาวะแบบนี้ที่จะเกิดการผันผวนหลังจากนี้เกิดขึ้น ดังนั้นทั้งผู้นำเข้าส่งออกต้องศึกษาตรงนี้ให้ดี
นงวดี- อาจารย์พูดถึงบาทนิดหนึงได้ไหมคะ ตอนนี้หลายคนค่อนข้างภูมิอกภูมิใจว่าบาทแข็งมาก ก็มีมุมมองอย่างอาจารย์ศุภวุฒิ จริงๆแล้วเงินไหลเข้ามาในบ้านเราเม็ดเงินเหล่านี้สามารถทำกำไรได้ 2 เด้ง ทั้งเรื่องของบอนด้วยและเรื่องของค่าเงินด้วย อาจารย์ใช้คำว่าเป็น one way bet ก็คือดูแล้วมันจะมีทรงแข็งไปเรื่อยๆ แสดงว่าความเสี่ยงของการกลับไปอ่อนไม่มีเข้ามามีแต่กำไร 2 เด้งด้วย และอาจารยืพูดถึงกรณีอินโดฯว่าถ้าเกิดประเทศไทยส่งออกไม่ดีท้ายที่สุดบาทอาจจะตีกลับมาเป็นอ่อนอย่างแรงใช่ไหมคะอาจารย์
ทวีสุข- ทีนี้ต้องดูว่าปีหน้า ทั้งส่งออกและท่องเที่ยวเรากระทบแรงไหมผมคิดว่ากลางปีหน้าจะเห็นภาพชัด เพราะฉะนั้นการแข็งขึ้นไปเป็นสัญญาณที่ไม่ดีมากและสัญญาณที่ไม่ดีมาก เมื่อดอลลาร์มั่นเสื่อมค่าอย่างแท้จริง แบงก์ชาติทั่วโลกจะรับมืออย่างไร เพราะแบงก์ชาติทั่วโลกถูกสอนให้เชื่อมั่นในเงินยูเอสดอลลาร์แล้วเขาไม่ได้คิดว่าเขาจะเจอสถานการณ์แบบนี้ เรายังคิดว่าปี 2540 เงินไหลเขาไหลออก แต่สถานการณ์นี่คือคุณถือไว้เต็มแค่ค่าเงินมันลดลง อันนี้ผมคิดว่าว่าถ้าทางแบงก์ชาติรัสเซียเห็นภาพนี้ชัดแล้วละ แบงก์ชาติรัสเซียบริหารความเสี่ยงตรงนี้ชัดเจนแล้วแต่ว่าทั่วโลกยังไม่เห็นภาพและยังเชื่อมั่นอยู่
นงวดี- กลับมาเรื่องของคริปโต อีกสักนิดนะคะอาจารย์ วันนี้ก็มีตัวเลขบิทคอยน์อาจารย์ตอนนี้ขึ้นไปยืนเหลือที่ 11,000 เหรียญ เป็นครั้งแรกในรอบ 15 เดือน คือตั้งแต่มีนาคมปี 2018 และตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้บวกขึ้นมาแล้ว 170 เปอร์เซ็นต์ และเหตุผลสำคัญคงหนี้ไม่พ้นเรื่องลิบรา คริปโต ที่ว่านี้ใช่ไหมคะอาจารย์
ทวีสุข- ใช่ครับ
นงวดี- ตรงนี้มันสะท้อนอะไรบ้างคะอาจารย์
ทวีสุข- ตัวบิทคอยน์เราจะเห็นว่าบิทคอยน์ขึ้นแต่ตัวอื่นไม่ได้ขึ้น ซึ่งอันนี้ไม่ได้แปลกใจแต่ปกติเรื่องนี้ผมจะไม่พูด เนื่องจากบ้านเรามีการเอาพวกคริปโตไปหลอกคนมาทำการลงทุนค่อนข้างเยอะ แต่ในรูปแบบของการขึ้นรอบนี้เป็นการขึ้นเพื่อเบิร์นแคชอีกรอบหนึ่งตอนนี้เงืนสภาพคล่องมันเยอะแต่ดันเศรษฐกิจไม่ขึ้น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่ดีเราจะเห็นได้ว่าเงินวิ่งเข้าไปหาบิทคอยน์ทั้งเงินที่อยู่ในระบบและเงินที่อยู่นอกระบบแบบพิสูนจ์ไม่ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าไปสู่ตรงนี้ปุ๊บเงินทั้งโลกก็จะวิ่งเข้าไปใหม่แล้วบิทคอยน์มีโอกาสอีกครั้งเพื่อล่อให้คนเข้าไป จากนั้นบิทคอยน์น่าจะเป็นตัวที่เบิร์นแคชของโลกอย่างครั้งใหญ่ ครั้งหนึ่งที่จะได้เห็นในอีกไม่ช้านี้แต่สิ่งที่เห็นในเฟซบุ๊กและตัวลิบรามันแตกต่าง ลิบรามันจะเป็นตัวที่ทำให้ตัวเองทำทรานซิสชันกันก็เอาไปเก็บไว้ในนั้น ซึ่งมันจะเก็บข้อมูลแตกต่างจากบิทคอยน์อย่างชัดเจน งั้นบิทคอยน์มันจะพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง ดังนั้นสถานการณ์ดอลลาร์กำลังเสื่อมค่าลง เงินที่อยู่นอกระบบทั่วโลกจะต้องหาที่ไป เพราะฉะนั้นบิทคอยน์คือสิ่งที่ดีที่สุดในการวิ่งเข้ามาเพื่อหาที่ไปและเปลี่ยนตัวเองไปเป็นสินทรัพย์อื่นๆ
นงวดี- ทีนี้เรื่องเราประเมินในหลายๆ แง่มุมซึ่งอาจารย์วิเคราะห์ไปถึงขั้นระบบเงินของโลกด้วย ทีนี้อาจมีคำถามว่าถ้าดูแบบนี้แล้วแสดงว่าเราควรที่จะเข้าไปกับระบบสำรองนี้ใช่ไหมคือคริปโต ลิบรา เป็นทางเลือกที่จะทำให้เราหลุดจากความเสี่ยงต่างๆ ที่เรากำลังยืนอยู่ได้ใช่ไหมคะอาจารย์
ทวีสุข- เรื่องนี้เราจะต้องดูในรายละเอีกยอีกที ถ้าหากหลายแห่งทั่วโลกยอมรับมันอาจเป็นสิ่งที่เราต้องไปศึกษา สิ่งที่ในมุมมองเราไม่ควรจะตั้งการ์ดรับไม่รับตั้งแต่แรกโ สิ่งที่สำคัญที่สุดเราต้องหาระบบสำรอง หากระบบเก่าเกิดการปิดหรือล้มของธนาคารเกิดขึ้นมันต้องเป็นทางไหนที่จะสำรองในการ เคลื่อนย้ายเงินในการโอนเงินไหม ดังนั้นเราไม่ควรตั้งการ์ดใช่หรือไม่ใช่ตั้งแต่แรก แต่สิ่งที่สำคัญคือเราต้องเปิดใจที่จะเรียนรู้ในระบบใหม่แต่ไม่ใช่เรียนรู้แบบเชื่อมั่นสัทธา โดยไม่มีเหตุผล เราควรเรียรรู้ว่าทางหนี้ทางรอดหรือทางที่จะเอามาช่วยเหลือในทางใดทางหนึ่งคือตัวไหน ดังนั้นสิ่งที่ดูได้คือเรกกูเรเตอร์ คือที่สำคัญคือไอเอ็มเอฟพูดว่าอย่างไร เพราะในที่สุดเมื่อระบบมันพังลงเราเห็นภาพของไอเอ็มเอฟ ไอเอ็มเอฟน่าจะขึ้นมาโดยร่วมมือกับทางอังกฤษและจีนเพื่อที่จะควบคุมระบบในอนาคตแน่นอน
นงวดี- เพราะฉะนั้นนงเสริมนิดหนึ่ง ว่าท่าทีของธนาคารกลางต่างๆเป็นอย่างไร ถ้าดูทางธนาคารกลางทางอังกฤษนะคะ ถ้าดูทางมาร์ค คาร์นีย์ Bank of England บอกว่าแผนงานของเฟซบุ๊กต้องตรวจสอบก่อนและต้องให้เฟซบุ๊กมาอภิปรายรายละเอียดถึงแผนที่จะทำและความเสี่ยง ที่เกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์ ของอังกฤษด้วยถึงBank of England จะเปิดใจรับเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ไม่ได้แปลว่าจะเปิดประตูรับทั้งหมด
ทวีสุข- อันนี้ต้องตั้งเงื่อนไขก่อน จะดูง่ายไป
นงวดี- อันนี้ธนาคารกลางอังกฤษนะคะ มาดูธนาคารกลางฝรั่งเศสบ้าง รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศส บรูโน เลอ แมร์ บอกว่ากลุ่มG7 ต้องการศึกษาความเสี่ยงของการใช้สกุลเงินดิจิตอลในมิติผลกระทบที่อาจจะเกิดกับเสถียรภาพการเงิน กำกับดูแลและป้องกันให้สกุลเงินดิจิตอลเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน
ทวีสุข- ใช่ครับ ตอนนี้เงินสกุลดิจิตอลส่วนใหญ่คือการฟอกเงินเกือบทั้งโลกเลย แต่ถ้าตัวเฟซบุ๊กทำตัวลิบรา แล้วมีตัวเรกกูเรเตอร์รองรับมันจะมีข้อดีคือทุกแอคเคาท์มันจะตรวจสอบได้ มันจะถูกตรวจสอบได้ถูกตรวจสอบที่มาที่ไปและแหล่งของเงินแม้กระทั่งตัวระบบบล็อกเชนมันกลับไปแก้ไขข้อมูลไม่ได้ อันนี้ขอติงนิดหนึงว่าตราบใดที่เราไม่ได้ใช้ระบบควอนตั้มคอมพิวติ้งมันยังเป็นระบบที่ดีอยู่ ซึ่งตรงนี้มันจะทำให้ตัวลิบรา ถ้าได้รับการยอมรับปุ๊บมันจะโตแบบก้าวกระโดดทันที สำคัญที่สุดคือแบงก์ชาติทั่วโลกมีความเห็นตรงกันและนั้นคือทางออก แต่ฟังสำเนียงจากที่ มาร์ค คาร์นีย์ พูดเหมือนจะเริ่มยอมรับแต่ขอกันไว้นิดหนึ่งก่อน แต่ยูโรซิสเต็มน่าจะมีปัญหาตอนนี้ อัตราดอกเบี้ยยูโรทั้งหมดติดลบหมดแล้ว โดยเฉพาะสวิสมันลามไปถึงพันธบัตร 30 ปีที่ติดลบ 1 เปอร์เซ็นต์คือคนเอาเงินไปฝาก 100 ก็จะหายไป 1 บาท ทุกๆปี เพราะฉะนั้นตัวนี้จะกระทบคนที่เอาเงินไปฝากในยุโรปทั้งหมด มันจะเป็นตัวทำให้เศรษฐกิจยุโรปยากที่จะโตขึ้นมาได้
นงวดี- ทิ้งท้ายเรามาที่เกร็ดสักนิดหนึงนะคะอาจารย์ เรื่องชื่อลิบรา พอฟังว่าลิบรามันหมายความถึงดาราศาสตร์เป็นตราชั่งเครื่องหมายโหราศาสตร์ที่แสดงถึงความสมดุล แต่ความจริงมีความหมายนอกเหนือไปจากนั้นอย่างเช่นลิบราเป็นหน่วยวัดน้ำหนักโรมันที่เกี่ยวข้องกับเหรียญไปถึงขั้นยุคโรมันเลยนะ นอกเหนือจากเป็นเรื่องตราชั่งเครื่องหมายที่แสดงถึงความสมดุล ถ้าดูภาษาฝรั่งเศสจะอ่านว่าลี-บรา หมายถึงอิสระภาพ เขาก็เป็นเกร็ดที่เอามาตีรวมกันบอกว่าผู้ถือจะได้รับความยุติธรรมและความอิสระตามชื่อของลิบราคริปโต เคอเรนซี่ของเฟซบุ๊ก
ทวีสุข- เลยฝากอีกมุมมองหนึ่งนะครับว่าองค์ราชินีของอังกฤษก็สืบเชื้อสายตรงจูเลียส ซีซาร์มาเหมือนกัน
นงวดี- ทิ้งไว้แบบนี้ และอะไรจะเกิดขึ้นกับลิบราคริปโต เคอเรนซี่ของเฟซบุ๊กเราต้องติดตามตอนต่อไป แม้จะถูกมองว่าเป็นก้าวใหม่ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ของเงินสกุลดิจิตอลทั้งหลายเลย และเรื่องของแวดวงเทคโนโลยีด้วย แต่อาจารย์ทวีสุขบอกว่าเราอย่าเพิ่งตั้งป้อมว่าจะบอกหรือจะลบจะรับหรือไม่รับกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นแต่ต้องเรียนรูเไปกับมัน
ทวีสุข- ใช่ครับ
นงวดี- สำหรับวันนี้ต้องขอขอบคุณอาจารย์มากคะ
ทวีสุข- ขอบคุณมากครับ
นงวดี- หมดเวลาแล้วนะคะ คนเคาะข่าวลาไปก่อนวันนี้ และพบกันทุกคืนวันจันทร์-พฤหัสบดี 20.15 น. คะ