xs
xsm
sm
md
lg

ช่างภาพนู้ดระดับตำนาน “ชัยทัต โชตยาภา”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เขาคลุกคลีกับการถ่ายภาพนู้ดมาเกือบ 30 ปี

ผ่านการถ่ายนางแบบมาแล้วกว่าพันคน และไม่ว่าจะเป็นแนท เกศริน เชอร์รี่ สามโคก ก็ผ่านฝีมือเขามาแล้ว

ในปี พ.ศ. 2537 เคยเป็นช่างภาพที่ถ่ายปฏิทินนู้ดมากที่สุดในประเทศไทย

และบุคคลที่เรากำลังกล่าวถึง คือ “ชัยทัต โชตยาภา”

กว่าจะเป็นช่างภาพนู้ดมืออาชีพ

พอฝึกงานจบแล้วต้องหางานทำ ผมก็ได้ไปเป็นผู้ช่วยสตูดิโอดังๆ ผู้ช่วยช่างภาพดังๆ รับจ็อบถ่ายปกเทป ถ่ายแค็ตตาล็อก ถ่ายโฆษณา แต่ก็มีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่แนวเราเท่าไหร่ เลยขอลาออก

จนมีอยู่วันหนึ่ง... หนังสือ GM รับช่างภาพ ผมเลยไปตึก GM ปรากฏว่าตึกเขาจะมีอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็น ‘GM’ อีกฝั่งหนึ่งเป็นหนังสือ ‘หนุ่มสาว’ เป็นหนังสือนู้ด ผมเลยคิดว่านี่คือสำนักงานของหนังสือเล่มนี้หรือ วันนั้นผมเลยตัดสินใจไม่ขึ้นไปฝั่ง GM และเปลี่ยนใจมาฝั่งหนุ่มสาวแทน (หัวเราะ)

ผมโชคดีมากที่ผมไปเจอ พี่บู๊ นิสิต-พงศ์วราภา เจ้าของหนังสือหนุ่มสาวตอนนั้น ผมเลยเอางานชิ้นที่จะเอาไปสมัครกับทาง GM ให้พี่บู๊ดู และบอกเขาไปว่าผมอยากสมัครที่นี่ แต่ตอนนั้นผมยังไม่รู้หรอกครับว่าระบบของการถ่ายงานหนังสือ-ถ่ายนู้ดเขาเป็นยังไง นึกว่าเขาจะจ้างเราเป็นลูกจ้างประจำ ปรากฏว่ามันไม่ใช่ คือการจะถ่ายนู้ด ถ่ายหนังสือสมัยก่อนเราต้องลงทุนถ่ายไปก่อนแล้วเอาไปเสนอขาย ถ้าเขาซื้อก็ดี แต่ถ้าเขาไม่ซื้อเราก็ขาดทุน พี่บู๊เลยบอกว่าให้ลองไปถ่าย 1 ชุดดูก่อน

งานแรกผมไปหาโมเดลลิ่ง เขาก็ให้นางแบบมาคนหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นนางแบบค่าตัวน่าจะ 5,000-6,000 บาท ผมก็ลงทุนจ้างไปถ่ายต่างจังหวัด ถ่ายมาเป็นฟิล์มแล้วเอามาให้พี่บู๊ดู ก็ลุ้นเหมือนกันนะครับว่าเขาจะซื้อไหม คือถ้าเขาไม่ซื้อ เราก็ขาดทุนเลย แต่ปรากฏว่าพี่เขาซื้อในราคา 10,000 บาท ดีใจมากครับที่งานแรกเขาก็ซื้อแล้ว

หลังจากนั้นผมเลยได้ถ่ายชุดต่อไป เรามีความรู้สึกว่าเราดีใจเพราะว่าเราได้มาทำหนังสือกับสำนักพิมพ์ที่มีช่างภาพดังๆ สมัยก่อนช่างภาพที่อยู่ในเครือหนุ่มสาวก็จะมี พี่บี๋-ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ พี่ชาติชาย มีบำรุง ฯลฯ ซึ่งพี่บี๋เป็นช่างภาพไอดอลของผม ที่ผมติดตามมานานมากๆ แล้วด้วย

พอถ่ายงานได้ 1 ปี ในระหว่าง 1 ปีที่ผ่านมาผมจะโดนวิจารณ์ โดนคอมเมนต์มาตลอดว่าผลงานดีหรือไม่ดี ซึ่งพี่บู๊ก็ใจดีบอกให้ผมลองไปฝึกงานกับช่างภาพนู้ดชื่อ พี่ใหญ่ พอได้ไปฝึกพี่เขาก็ได้สอนเทคนิคต่างๆ ให้ พี่ใหญ่จะมีลูกค้าที่มาให้ถ่ายปฏิทินเป็นประจำอยู่แล้ว และบังเอิญว่าเขาเห็นว่าผมฝึกงาน เขาเลยถามผมว่า “อยากลองถ่ายปฏิทินนู้ดดูไหม” ผมได้ลองถ่ายปฏิทินนู้ดชิ้นแรก และบังเอิญว่าเขาก็ชอบผลงาน หลังจากนั้นผมเลยได้ลองเอาไปเสนอปฏิทินเจ้าอื่นๆ ดู ผมก็เลยได้ถ่ายปฏิทินให้ เช่น 3K แบตเตอรี่ สีนิปปอนเพนต์ น้ำมันเครื่องมอลล่า หรือปฏิทินดูเร็กซ์ คิงเท็ค ฯลฯ เป็นต้น และตั้งแต่นั้นมาผมก็ได้ถ่ายงานปฏิทินมาเรื่อยๆ ซึ่งในปี พ.ศ. 2537 ผมเคยได้เป็นช่างภาพที่ถ่ายปฏิทินนู้ดมากที่สุดในประเทศไทย ปีนั้นถ่ายประมาณ 15 ชิ้นครับ

อย่างเชอร์รี่ สามโคก
ผมเป็นคนแรกที่ได้ถ่ายนู้ดให้กับเขา
แต่จริงๆ แล้วผมไม่ได้ถนัดแค่ถ่ายนู้ดอย่างเดียวนะครับ ก็มีถ่ายงานโฆษณาบ้าง ล่าสุดปีที่แล้วก็มีไปถ่ายงานโฆษณาที่ประเทศกัมพูชาครับ

โดยสิ่งที่ทำให้ผมภูมิใจในอาชีพนี้มีอยู่ 3 ส่วน คือ

2. ได้เป็นช่างภาพที่ถ่ายปฏิทิน คือปฏิทินเป็นความฝันของช่างภาพหลายๆ คนนะผมว่า

3. ภูมิใจที่ได้มีหนังสือเป็นของตัวเอง และหนังสือก็เป็นหนังสือหัวไทยที่ติดตลาด ตอนนี้หนังสือที่ผมทำก็ขึ้นปีที่ 11 แล้วก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ยังไงผมก็ฝากผลงานของผมในหนังสือด้วยนะครับ ก็มี เช่น นิตยสาร Play, I'm, Girlie (เกิร์ลลี่), W magazine, G magazine และ เพจ I’m Play ครับ

หลงเสน่ห์อะไรในการถ่ายภาพนู้ด?

ถ้าพูดถึง ‘ภาพนู้ด’ หลายคนอาจจะมองว่า อ๋อ…ชอบผู้หญิงแก้ผ้าใช่ไหม ซึ่งเป็นธรรมดาของผู้ชายนะครับที่ต้องชอบอยู่แล้ว แต่ผมไม่ได้ชอบตรงนั้น ผมมีความรู้สึกว่าการถ่ายนู้ดยากกว่าถ่ายแฟชั่น ถ่ายพอตเทรตตรงที่ว่าจะทำยังไงจะถ่ายภาพคนที่ไม่ใส่เสื้อผ้าให้ออกมาสวย ดูแล้วไม่อนาจาร ตรงนี้ก็ท้าทายดี ซึ่งผมเรียนศิลปะมาด้วย ผมมีความรู้สึกว่าเส้นสายสรีระของคนสวยเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ ดูเป็นกราฟิก ผมก็เลยชอบ

จริงๆ ถามว่าแล้วถ้าเป็นงานนู้ดสรีระหรือสัดส่วน เช่น หน้าอกต้องใหญ่ไหม ผมว่าไม่สำคัญอะไรขนาดนั้นนะครับ แต่ว่าต้องยอมรับว่าสิ่งนี้เป็นตัวเสริมให้ภาพดูน่าสนใจ ทำให้คนมาซื้อของเรา เพราะถ้าเป็นเรื่องของการค้า เรื่องหน้าอกใหญ่ก็มีส่วน แต่ถ้าถ่ายในแง่ของงานศิลปะ ผมว่าถ่ายได้ ถ้าหน้าอกเล็กแต่สวยก็ถ่ายได้เลย แล้วแต่ช่างภาพ แล้วแต่งานๆ ไป

ภาพนู้ด…บ้างก็ว่า ‘ศิลปะ’ บ้างก็ว่า ‘อนาจาร’

เราอยู่เมืองไทย คำว่า ‘นู้ด’ กับ ‘โป๊เปลือย’ มันเป็นเส้นกั้นบางๆ บางมากๆ เราต้องทำอะไรก็ได้ที่ทำให้งานออกมาแล้วคนมองว่าเราไม่ได้ถ่ายสื่อลามก แต่ผมว่าการที่คนจะดูว่าเป็นนู้ดหรือลามกอนาจารมันอยู่ที่คนดูด้วยนะ อยู่ที่พื้นฐาน การศึกษาของแต่ละคนด้วย ทำไมฝรั่งถ่ายนู้ดแค่ไหนเขาก็ไม่มีปัญหาอาชญากรรม แล้วทำไมคนไทยเราถึงมี

อีกอย่างอยู่ที่คนผลิตงานด้วยว่าเขามีเจตนายังไง ถ้าผลิตงานมีเจตนาที่ดี ที่เป็นศิลปะ แต่ว่าคนมองเป็นลามก พื้นฐานเขาเป็นคนมองแบบนี้มันก็ไปกันไม่ได้ แต่ถ้าสมมติว่าคนผลิตงานตั้งใจจะผลิตงานที่เป็นลามกอนาจาร อันนี้คือจบเลย คือยังไงคนก็ต้องมองแบบนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นผมว่ามันอยู่ที่ทั้งสองฝ่าย ทั้งคนผลิตงานและคนดูงาน

วงการถ่ายภาพนู้ดสมัยก่อนกับสมัยนี้เปลี่ยนไปนะครับ สมัยก่อนการถ่ายภาพนู้ดไม่ใช่เรื่องง่าย ช่างภาพนู้ดเป็นอะไรที่เท่ และคนอยากเป็นมาก สมัยก่อนจะมีคนอิจฉาช่างภาพนู้ดมาก แต่เดี๋ยวนี้การถ่ายภาพนู้ดง่ายมากขึ้น นางแบบใจกล้ามากขึ้น เปิดมากขึ้น และด้วยเทคโนโลยี ด้วยโลกเราที่เปลี่ยนไป อุปกรณ์ทุกอย่างมันกลายเป็นว่าทำให้ถ่ายรูปได้ง่ายขึ้น ถ่ายนางแบบได้ง่ายขึ้น มีทริปถ่ายรูปเยอะแยะมากมาย เลยกลับกลายเป็นว่าการถ่ายนู้ดเป็นเรื่องที่ง่ายมาก

หรืออย่างสมัยก่อนต้องใช้กล้องฟิล์ม ก็ยากที่อุปกรณ์ กว่าจะล้างฟิล์มออกมา ล้างออกมาแล้วได้อย่างที่เราต้องการไหม แต่เดี๋ยวนี้เป็นดิจิทัล ถ่ายออกมาก็เห็นแล้ว ได้ถ่ายนางแบบ ภาพออกมาสวย ชัด ก็ได้เป็นช่างภาพนู้ดแล้ว แต่ผมมองว่ามันไม่ใช่ ไม่ใช่ว่ามีกล้องตัวหนึ่ง ถ่ายภาพผู้หญิงแก้ผ้าแล้วบอกว่าตัวเองเป็นช่างภาพนู้ดแล้ว ผมจะบอกตลอดเวลาว่ามันจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในงานด้วยเพื่อให้นางแบบออกมาสวย ซึ่งมันก็ไม่ใช่ง่ายๆ

อย่างงานของผมจะมีคอนเซ็ปต์ไม่ใช่ว่าเอานางแบบมาแก้ผ้า ผมจะมีกระบวนการทำงาน มีเลย์เอาต์ในใจก่อน หรืออย่างงานหนังสือที่ผมทำตอนนี้ก็จะมีคิดธีม ให้สไตลิสต์ไปหาเสื้อผ้าต่างๆ ซึ่งเอกลักษณ์ในงานของผมสมัยก่อนที่ใช้กล้องฟิล์มจะเน้นเป็นแนววอร์มโทน ใสๆ ส่วนสมัยนี้มาเป็นยุคดิจิทัลผมก็จะปรับโดยเน้นใส่ความคิดสร้างสรรค์เข้าไป และเน้นอารมณ์ของนางแบบร่วม ถ้าคนมองภาพผมดีๆ และไม่ได้มองผ่านๆ จะเห็นสิ่งนั้นอยู่ในนั้น เพราะสิ่งที่ผมทำไม่ใช่เอานางแบบมาแก้ผ้าถ่ายรูป แต่นางแบบที่ผมถ่ายจะต้องสวยทุกคน ผมไม่อยากให้มองว่าเป็น ‘นู้ด’ แค่แก้ผ้าก็น่าสนใจ ซึ่งมันไม่ใช่


ช่างภาพนู้ดชายกับอุปสรรคในการทำงาน

จริงๆ การถ่ายภาพคนยากกว่าถ่ายสินค้า ถ่ายโปรดักต์นะครับ เพราะเราจะทำยังไงให้คนคนหนึ่งแสดงอารมณ์ แสดงความเป็นตัวเองออกมา เทคนิคของผมไม่รู้ว่าช่างภาพคนอื่นเป็นหรือเปล่านะครับ คือเวลาที่ผมจะถ่ายนู้ด ถ่ายนางแบบ ผมจะต้องคุยกับนางแบบก่อน ให้เขามีความรู้สึกว่าเขาสนิทกับเรา เขารู้จักเราก่อน วางแผนกับเขาก่อนถ่าย จะดีกว่าการที่มาเจอกัน แล้วจู่ๆ ก็ถ่ายเลย ถ้าเขาไม่ใช่นางแบบมืออาชีพ เขาก็จะเคอะเขินได้ แต่ถ้าเขารู้จักเราปุ๊บ อารมณ์เคอะเขินก็จะน้อยลงเพราะได้คุยกันก่อนแล้ว ก็จะทำให้การทำงานลื่นไหลมากขึ้น

จรรยาบรรณที่ช่างภาพนู้ดต้องมี

สำหรับผมมองว่าการเป็นช่างภาพนู้ดจะต้องมีทัศนคติที่ดีต่อนางแบบ มีเจตนาที่ดีในการผลิตงาน ไม่ใช่เจอนางแบบแล้วแบบ โอ้โห! คนนี้สวยมากเลย มันน่าจริงๆ เลย ตรงนี้ไม่ใช่แล้ว นอกจากนี้ ต้องมีความคิดสร้างสรรค์กับงานถ่าย หรือการถ่ายภาพ จะได้ไม่ถูกมองว่าเป็นภาพอนาจาร

พูดตรงๆ นะครับ มีหลายคนถามผมบ่อยมาก ตั้งแต่ที่ผมถ่ายภาพนู้ดมา คำถามคือ ผมมีอารมณ์ทางเพศไหม เวลาที่เจอผู้หญิงแก้ผ้า? ผมก็ตอบไปตรงๆ ว่าด้วยความเป็นมนุษย์ เราเป็นผู้ชาย มันมีอยู่แล้วครับ เพียงแต่ว่าเราจะไม่ไปหื่น หรือควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ งานไม่เอาแล้วนะ อะไรแบบนี้ พราะด้วยอาชีพ ด้วยสัญชาตญาณ ทัศนคติ และการทำงาน ตรงนั้นมันกลับกลายเป็นว่าเราไม่ได้คิดถึงเรื่องแบบนั้นเลย เราคิดแค่ว่าเราต้องทำงาน และพอได้เจอนางแบบบ่อยๆ เราจะเกิดความเคยชินแล้ว เพราะผู้หญิงที่หุ่นดีที่สุด สวยที่สุด เราก็เคยเจอมาแล้ว สิ่งนี้คือการเป็นช่างภาพนู้ดมืออาชีพครับ

ถ้าใครที่อยากเป็นช่างภาพนู้ดมืออาชีพจริงๆ สิ่งที่ผมอยากแนะนำก็คือ เขาต้องศึกษา มีทัศนคติที่ดีกับภาพนู้ด และมีความคิดสร้างสรรค์ในการถ่ายทอดงานออกมา ผมมองว่ามันไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากครับ.



เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : พลภัทร วรรณดี

ติดตามผลงานได้ที่ : อินสตาแกรม @ichaitouch


กำลังโหลดความคิดเห็น