1.ตำรวจรวบอดีตนักร้องดัง “ปุ๊กกี้-สามี” และหนุ่มไต้หวันค้ายาข้ามชาติ ส่งศาลฝากขัง ค้านประกัน!

เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 17 มิ.ย. ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว 3 ผู้ต้องหาขบวนการค้าเสพติด รายแรกนายหง เฉิงอี้ ชาวไต้หวัน อายุ 28 ปี ทำหน้าที่สั่งการและจัดลำเลียงผ่านบริษัทพัสดุ จับได้ที่โรงแรมโกล แอร์พอร์ต สูท เขตลาดกระบัง กทม. พร้อมของกลางเคตามีนน้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 5.17 กิโลกรัม บรรจุอยู่ในถุงใส ซุกซ่อนอยู่ในที่เขี่ยบุหรี่ 39 ชิ้น ใส่กล่องกระดาษ
จากนั้น ตำรวจได้ขยายผลจับกุมผู้ต้องหาอีก 2 คน คือ นายชลวิทย์ คีตะตระกูล อายุ 49 ปี ทำหน้าที่จัดหายาเสพติดและผลิตยาเสพติด และ น.ส.ปริศนา พรายแสง หรือพริสซิลลา จิวเมลลี่ อดีตนักร้องสาวลูกครึ่งชื่อดัง “ปุ๊กกี้ ชาลาล่า” ที่บ้านพักย่านรามอินทรา พบของกลาง ประกอบด้วย ไอซ์ 98.3 กรัม, ยาบ้า 8 เม็ด, ยาอี 10 เม็ด, เคตามีน 4 กรัม, กัญชาแห้ง 40 กรัม และสารเคมีหลายชนิด พร้อมอุปกรณ์ที่เชื่อว่า ใช้ผลิตยาเสพติด และตรวจยึดทรัพย์สิน 9 รายการ
พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองเลขาธิการ ป.ป.ส.เผยว่า “เครือข่ายชาวไต้หวันดังกล่าว ลักลอบส่งยาเสพติดไปไต้หวันกว่า 1 ปีแล้ว เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ได้เฝ้าติดตามเครือข่ายนี้มาตลอด และครั้งนี้พบตัวผู้ส่งของ จึงจับกุม และขยายผลไปยังผู้ผลิตซุกซ่อนยาเสพติดในฐานใต้ก้นที่เขี่ยบุหรี่ คือ นายชลวิทย์ สามีของปุ๊กกี้ ตอนที่เข้าไปจับกุม ปุ๊กกี้ก็รับสารภาพว่าเสพยาเสพติดและรับรู้การกระทำของสามี เพราะอยู่ด้วยกัน เท่าที่ได้รับข้อมูล ทั้งสองคนจะรับจ้างครั้งละประมาณหลักแสน แต่ทำเป็นอาชีพหลักนานเป็นปี ...เจ้าหน้าที่กำลังเร่งขยายผลผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ ซึ่งยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศไทย”
ด้าน พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส.เผยว่า เบื้องต้นตรวจปัสสาวะนายชลวิทย์และ น.ส.ปริศนา พบเป็นสีม่วง สอบถามรับสารภาพและอ้างว่า เพิ่งทำเป็นครั้งแรก โดยนำยาเสพติดดังกล่าวจากผู้ค้าย่านโชคชัย 4 มาบรรจุที่บ้านพัก ไม่ได้ผลิตยาเสพติดเอง แต่นำไปส่งยังโรงแรมที่นายหงเข้าพัก ส่วนจะมีดาราอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ เบื้องต้นไม่มี แต่ทางตำรวจกำลังจะสอบสวนเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุมาก่อนหรือไม่ หากพบมีผู้ร่วมกระทำผิดด้วย จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.ชินภัทร เผยด้วยว่า จากการตรวจสอบพบว่า นายชลวิทย์เคยถูกจำคุกคดีค้าขายยาเสพติด และพ้นโทษเมื่อปี 2549 ก่อนออกมาก่อเหตุซ้ำอีก ขณะที่ น.ส.ปริศนาไม่เคยมีประวัติคดีอาชญากรรมแต่อย่างใด
พล.ต.ท.ชินภัทร เผยอีกครั้งในวันต่อมา (19 มิ.ย.) ว่า น.ส.ปริศนายอมรับว่า ไม่ได้จัดหายาเสพติดเป็นครั้งแรก แต่ทำมากว่า 1 ปี “พฤติการณ์ของผู้ต้องหาเข้าข่ายขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ซึ่งได้ประสานไปยังทางการไต้หวันเรื่องการติดตามตัวผู้ต้องหาอีก 1 ราย ที่หลบหนีไปได้ก่อนเข้าจับกุม โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าชาวไต้หวันรายนี้เป็นคนสั่งซื้อหรือเป็นนายทุน ขณะที่การตรวจสอบเส้นทางการเงิน ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบเงินหมุนเวียนในบัญชีหลักสิบล้าน มีทั้งเงินจากการทำงานในวงการบันเทิงและค้ายาเสพติดด้วย ขณะนี้มีการขยายผล แต่ไม่ขอเปิดเผย เกรงจะกระทบต่อรูปคดี”
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทางเทคนิคพบว่า มีความเชื่อมโยงไปที่ดาราหลายคน แต่ไม่ชัดว่าเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่ อาจเป็นการพูดคุยกันในฐานะที่เป็นเพื่อนดาราด้วยกันก็ได้ ขณะเดียวกันมีรายงานว่า น.ส.ปริศนายอมรับว่า ติดยาจริง พยายามเลิก แต่ไม่สามารถเลิกได้ ติดยาเสพติดมากว่า 10 ปี จนทำให้ตนเองเบลอ กระทบชีวิตหลายด้าน
ทั้งนี้ วันเดียวกัน (19 มิ.ย.) ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสามไปขอศาลอาญาฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 19-30 มิ.ย.นี้ พร้อมคัดค้านการประกันตัวไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด เนื่องคดีมีอัตราโทษสูงและเป็นภัยอันตรายต่อสังคมประเทศชาติ หากได้ประกันตัว เกรงว่าจะหลบหนี ด้านศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตให้ฝากขัง หลังจากนั้น ผู้ต้องหาทั้งสามไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวนายหงและนายชลวิทย์ไปคุมขังยังทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ส่วน น.ส.ปริศนา นำตัวไปคุมขังยังทัณฑสถานหญิงกลาง
ล่าสุด วันนี้ (22 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส. ได้ขอศาลอาญาออกหมายจับขบวนการค้ายาเสพติดที่เกี่ยวข้องกับ น.ส.ปริศนา นายชลวิทย์ และนายหง อีก 2 ราย เป็นชาวไทยและชาวไต้หวัน ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย ส่วนข้อหาร่วมกันสมคบฯ นั้น ต้องรอภายหลังการจับกุมมาสอบปากคำเสร็จสิ้น จึงจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป
2.“บิ๊กตู่” ส่ง “ธรรมนัส” เคลียร์ ส.ส.กลุ่มใต้-อีสานจบ ไม่เรียกร้องตำแหน่ง รมต. ยันโผ ครม.นิ่ง-ทูลเกล้าฯ ภายใน มิ.ย.นี้!

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองสัปดาห์ที่ผ่านมา โฟกัสยังอยู่ที่โผคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ 2 ที่ดูเหมือนยังไม่นิ่ง แถมยังมีบางกลุ่มบางพรรคออกมาเรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรี โดยในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เอง มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ ในนาม “กลุ่มด้ามขวานไทย” ที่กวาด ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ได้ถึง 13 คน แต่ไม่ได้รับการจัดสรรตำแหน่งใดๆ กลุ่มนี้นำโดย นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง พรรค พปชร. โดยนายนิพันธ์พูดทำนองว่า หากไม่มีคนในสัดส่วนของภาคใต้เข้าไปนั่งบริหาร พปชร.จะสูญพันธุ์ที่ภาคใต้แน่นอน
ขณะที่อีกกลุ่มคือ กลุ่มของนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.อดีตหนึ่งในคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน ได้ ส.ส.19 คน แต่ไม่ได้รับการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี ซึ่งนายเอกราชส่งสัญญาณทำนองว่า หากทางกลุ่มไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี อาจต้องมีมาตรการตอบโต้
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ส่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยาและประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ พรรค พปชร.ไปประสานพูดคุยกับทั้ง 2 กลุ่ม หลังพูดคุย ร.อ.ธรรมนัส ได้เปิดแถลงพร้อมนายเอกราช ช่างเหลา แกนนำ ส.ส.ภาคอีสานตอนบน และ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติ แกนนำภาคใต้ ว่า ได้ข้อสรุปว่า ส.ส.ภาคใต้ 13 คน และอีสานตอนบน จะขับเคลื่อนนโยบายและทำงานกับพรรค พปชร.ต่อ และว่า ภาคอีสานและภาคใต้ไม่ได้เรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรี แต่เป็นห่วงว่าจะผลักดันการแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างไร ดังนั้น นายกฯ จะมอบหมายให้มีรัฐมนตรีมาช่วยกำกับดูแลงาน ส่วนตำแหน่งทางการเมืองอื่น ทั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีหรือเลขาฯ อยู่ที่นายกฯ พิจารณาบุคคล ซึ่งทั้งสองกลุ่มก็พอใจ ที่จะมีตัวแทนเข้าไปขับเคลื่อนงาน โดยหลังจากจัดตั้งรัฐบาล พรรค พปชร.จะมอบหมายให้นายเอกภาพและ พ.อ.สุชาติ เสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ ต่อไป
ทั้งนี้ วันเดียวกัน (18 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่า ปัญหากลุ่ม ส.ส.อีสานและภาคใต้เรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรียุติแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่มีปัญหามั้ง ยืนยันว่าไม่มี” เมื่อถามต่อว่า คุยกันแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “คุยกันแล้ว บ้านเมืองมาก่อนเสมอ”
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า จะได้เห็นโฉมหน้า ครม.ในเดือน มิ.ย.นี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องรอ ตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบคุณสมบัติเสร็จแล้วก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ คงต้องทำให้แล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย.นี้ สุดแล้วแต่ว่าจะทรงโปรดเกล้าฯ ลงมาวันไหน จากนั้น ต้องเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณฯ คงไม่นานหรอก เมื่อถามต่อว่า รายชื่อทุกพรรคที่จะเป็นรัฐมนตรี อยู่ในมือนายกฯ ทั้งหมด และนิ่งแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “รายชื่อมาทั้งหมดแล้ว และต้องนิ่งแล้ว มันจะไม่นิ่งได้อย่างไร มันมีแค่ 36 ที่ รวมนายกฯ จะเอาที่ไหนอีก ก็ต้องเอาไปก่อน จัดให้ได้ก่อน และเดี๋ยวค่อยว่ากัน จะทำอย่างไรกันต่อไป และใครที่ไม่ได้ จะเอามาช่วยงานตรงไหนใช่หรือไม่ แต่ทุกคนก็เป็นห่วงว่า เลือกตั้งมาแล้ว ตัวเองไม่มีบทบาทเป็นรัฐมนตรี แล้วมันจะเป็นรัฐมนตรีกันได้ทั้งหมดหรือไม่”
สำหรับโผ ครม.หลังนายกฯ ระบุว่า รายชื่อรัฐมนตรีนิ่งแล้ว มีรายงานว่า ในส่วนของพรรค พปชร. พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ จะนั่งควบ รมว.กลาโหม, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม, นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.พลังงาน, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.อุตสาหกรรม, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, นายอัครา พรหมเผ่า รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม
ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีรายงานว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จะนั่งรองนายกฯ ควบ รมว.พาณิชย์, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย, คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ, นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข
พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล จะนั่งรองนายกฯ ควบ รมว.สาธารณสุข, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา, น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย, นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ และ น.ส.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ
ส่วนพรรคอื่นๆ ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายประภัทร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล รมว.การต่างประเทศ พรรคชาติพัฒนา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมช.อุตสาหกรรม
3.“ธนาธร” ขอศาล รธน.ขยายเวลารอบ 2 อีก 15 วัน ยื่นเอกสารแจงถือหุ้นสื่อ ด้าน พปชร.ขอศาลจำหน่ายคดี 41 ส.ส.ถือหุ้นสื่อ ชี้ อนค.ยื่นผิด!

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้ส่งทีมกฎหมายไปยื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอขยายเวลาในการส่งเอกสารคำชี้แจงกรณีถือหุ้นสื่อในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด เข้าข่ายทำให้ขาดคุณสมบัติความเป็น ส.ส.หรือไม่ ออกไปอีก 15 วัน ซึ่งก่อนหน้านี้ นายธนาธรได้ขอขยายเวลามาครั้งหนึ่งแล้ว 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 8 ก.ค.นี้
ทั้งนี้ ทีมกฎหมายนายธนาธรให้เหตุผลที่ขอขยายเวลาครั้งนี้ว่า เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารเท่านั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไร รวมถึงมาตรวจสำนวนด้วยว่ามีความคืบหน้าอย่างไร หรือไม่ และว่า เมื่อยื่นคำร้องแล้ว ต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะอนุญาตให้ขยายเวลาตามที่ขอหรือไม่
เป็นที่น่าสังเกตว่า หากศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้นายธนาธรขยายเวลาส่งคำชี้แจงออกไปได้อีก 15 วัน จะเท่ากับนายธนาธรมีเวลาในการส่งคำชี้แจงนานถึง 60 วัน เนื่องจากตอนแรกศาลฯ ให้เวลานายธนาธร 15 วันในการส่งคำชี้แจง เมื่อครบกำหนด นายธนาธรขอขยายเวลาอีก 30 วัน และเมื่อใกล้จะครบกำหนดในวันที่ 8 ก.ค. นายธนาธรกลับขอขยายเวลาอีก 15 วัน
ส่วนความคืบหน้ากรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบคุณสมบัติของ ส.ส.41 คน ของพรรคร่วมรัฐบาลว่าเข้าข่ายขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.หรือไม่ ตามคำร้องของ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ที่ระบุว่า 41 ส.ส.ดังกล่าวถือหุ้นในกิจการสื่อสารมวลชน ซึ่งประกอบด้วย ส.ส.พรรค พปชร.27 คน, พรรคประชาธิปัตย์ 10 คน, พรรคภูมิใจไทย 1 คน, พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 คน, พรรคขาติพัฒนา 1 คน และพรรคประชาภิวัฒน์ 1 คนนั้น
ในส่วนของพรรค พปชร. นายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมต่อสู้คดีหุ้นสื่อ 27 ส.ส.พปชร. ได้เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้พิจารณาจำหน่ายคดีดังกล่าว และขอให้ศาลไต่สวนว่า คดีมีพยานหลักฐานเพียงพอและมีมูลที่จะรับไว้วินิจฉัยหรือไม่ และถ้าหากศาลไต่สวนและรับเรื่องไว้พิจารณา ขอให้ไต่สวนว่า ควรจะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ โดยให้โอกาส ส.ส.ผู้ถูกร้องแสดงพยานหลักฐาน
นายทศพล เผยด้วยว่า เหตุที่ขอให้ศาลจำหน่ายคดี เนื่องจากตรวจสอบสำนวนพบว่า 66 ส.ส.พรรค อนค.ที่ยื่นเรื่องนี้ต่อประธานสภาและประธานสภานำส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญ มีการทำเป็นหนังสือ ซึ่งไม่ถูกต้องตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดไว้ในมาตรา 7(5) และมาตรา 41 ว่า หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลง ต้องกระทำเป็นคำร้อง จึงเห็นว่า เมื่อการยื่นคำร้องไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก ก็สมควรที่ศาลจะจำหน่ายคดี
ส่วนเหตุผลที่ขอให้ศาลไต่สวน 2 ครั้ง เนื่องจากเรื่องนี้เป็นการยื่นโดยไม่มีหน่วยงานรวบรวมพยานหลักฐาน และ 27 ส.ส.ของพรรค ไม่มีโอกาสชี้แจง ไม่เหมือนกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค.ที่ผ่านกระบวนการสืบสวนสอบสวนจาก กกต.แล้ว และนายธนาธรได้ชี้แจงโต้แย้งแล้ว ก่อนที่ กกต.จะมีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
4.เกิดเหตุเครนก่อสร้างโรงแรมถล่มใส่โรงเรียนอัสสัมชัญฯ นร.เจ็บนับสิบ ด้านผู้ว่าฯ กทม.เด้ง โยธาฯ บางรัก ปล่อยปละละเลย!

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ได้เกิดเหตุเครนก่อสร้างโรงแรมริเวอร์ การ์เด้นท์หักโค่นและมีแผ่นเหล็กก่อสร้างยาว 1.50 เมตร กว่า 30 แผ่น ร่วงใส่หลังคากันสาดลานอเนกประสงค์ของโรงเรียนอัสสัมชัญ คอนแวนต์ ย่านเจริญกรุง เขตบางรัก กทม. ส่งผลให้นักเรียนหญิงบาดเจ็บนับสิบราย และรถยนต์เสียหาย 1 คัน
นายสุริยา แจ่มจำรัส อาจารย์ประจำโรงเรียน ซึ่งเห็นเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 10.00 น. ได้ยินเสียงสิ่งของตกหล่นกระแทกหลังคา จึงพากันหลบหนี แต่ก็มีนักเรียนบาดเจ็บประมาณ 10 คน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ชีพเข้าช่วยเหลือนักเรียนและแจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบ และว่า ก่อนหน้านี้ ทางโรงเรียนเคยร้องเรียนไปที่สำนักงานเขตบางรัก และทางสถานีตำรวจบางรักหลายรอบแล้ว เพราะเคยเกิดเหตุวัสดุก่อสร้างตกใส่โรงเรียนมาแล้ว 4 ครั้ง แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จนครั้งนี้เกิดความเสียหายและนักเรียนบาดเจ็บ
ด้านบาทหลวงวินัย ฤทธิบุญไชย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสอาสนวิหารอัสสัมชัญ เผยว่า อุบัติเหตุครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 5 ตั้งแต่มีการก่อสร้างอาคารโรงแรมดังกล่าว โดย 2 ครั้งแรก เป็นอุบัติเหตุเล็กน้อย ต่อมาครั้งที่ 3 เป็นครั้งที่ไปแจ้งความ เนื่องจากมีน้ำปูนหล่นลงมาขณะยกเครน ทำให้ห้องน้ำเสียหาย ต่อมาทางผู้รับเหมาเข้ามาซ่อมแซมให้ ขณะที่ทางสำนักงานเขตที่เข้ามาดูหน้างานก็ได้กำชับไปว่าให้ป้องกันให้ดีกว่านี้
บาทหลวงวินัย เผยต่อว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว เกิดอุบัติเหตุครั้งที่ 4 โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สน.บางรัก เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า ทางสำนักงานเขตบางรักต้องส่งข้อมูลการเจรจาไกล่เกลี่ยให้ตำรวจด้วย จึงไปร้องที่ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตบางรัก แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า จริงๆ แล้ว ถ้าไม่มีคนบาดเจ็บล้มตาย ก็ไม่น่ามีประเด็นอะไร สร้างความเคืองใจให้กับตนเป็นอย่างมาก เนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่โบสถ์และมีนักเรียน ไม่อยากให้มีเหตุร้ายกับนักเรียน กระทั่งมาเกิดอุบัติเหตุอีกในครั้งนี้
หลังเกิดเหตุ ทางโรงเรียนอัสสัมชัญ คอนแวนต์ ได้ประกาศหยุดเรียน 1 วัน เนื่องจากต้องดูแลความเรียบร้อยและตรวจสอบความปลอดภัย ส่วนนักเรียนหญิงที่ได้รับบาดเจ็บนับสิบคนนั้น มี 1 คน ที่ยังดูอาการอยู่ในโรงพยาบาล นพ.สมพงษ์ ตันจริยาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน เผยถึงอาการของนักเรียนที่ยังรอดูอาการคนนี้ว่า เนื่องจากเด็กถูกเหล็กกระทบที่ศีรษะค่อนข้างรุนแรง มีบาดแผลที่หนังศีรษะ คล้ายกับหมดสติไปชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็รู้สึกตัว จึงได้ให้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ พบว่า กะโหลกศีรษะด้านหลังแตกร้าว สมองช้ำเล็กน้อย แต่ไม่มีเลือดออกในสมอง
ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยหลังลงพื้นที่ตรวจเหตุเครนก่อสร้างโรงแรมริเวอร์ การ์เด้นท์หักโค่น ทำให้นักเรียนบาดเจ็บว่า อาคารดังกล่าวมีการขออนุญาตปรับปรุงอาคารกับสำนักการโยธา กทม. และพบมีการก่อสร้างต่อเติมและดัดแปลงอาคาร มีความผิดทางกฎหมาย สำนักการโยธาจึงไม่ได้ออกใบอนุญาตให้ พร้อมให้กองควบคุมอาคารและสำนักงานเขตบางรักลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยผู้อำนวยการเขตบางรักได้สั่งระงับการก่อสร้างตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ วันเดียวกัน (19 มิ.ย.) นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้มีคำสั่งย้ายนายภัทรกร รังษีภโนดร หัวหน้าฝ่ายโยธาเขตบางรัก ออกจากพื้นที่ มีผลตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.เป็นต้นไป โดยคำสั่งย้ายครั้งนี้เป็นไปตามคำสั่งของ พล.ต.อ.อัศวิน ผู้ว่าฯ กทม. ที่ให้ลงโทษเจ้าหน้าที่ฐานปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบก่อสร้างผิดกฎหมาย จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งเหตุการณ์วัสดุก่อสร้างตกหล่นที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่ครั้งแรก
ส่วนทางด้านคดี พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.บางรัก เผยว่า ได้แจ้งข้อหานายภัทรเกียรติ สนธิเดชกุล อายุ 26 ปี วิศวกรคุมงาน และชาวต่างด้าวคนขับรถเครน ซึ่งหลบหนีตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น ข้อหาร่วมกันประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ส่วน 6 บริษัทที่เกี่ยวข้อง หากยังไม่เข้าให้ถ้อยคำ จะออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป ขณะที่สำนักงานเขตบางรักได้แจ้งความเอาผิดบริษัทรับเหมาหลัก ฐานต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากได้ขออนุญาตต่อเติมโดยไม่ได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างอาคาร แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกลับพบว่า มีลักษณะเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง รวมทั้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน เพราะสำนักงานเขตเคยมีคำสั่งให้หยุดการก่อสร้างตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
ด้านนายวรพล อุดมโชคปิดิ ตัวแทนบริษัท แบงค์ค็อก ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด เจ้าของโรงแรมริเวอร์การ์เด้นท์ ได้แถลงข่าวขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และว่า รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงทรัพย์สินของโรงเรียนได้รับความเสียหาย พร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษานักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งระหว่างรักษาและเยียวยาต่อเนื่อง รวมถึงความเสียหายของตัวอาคาร และทางบริษัทได้จัดหาที่พักให้บาทหลวงที่ต้องออกจากอาคาร โดยบริษัทรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ประชุมเพื่อหามาตรการป้องกันและแก้ปัญหาเครนถล่มใส่อาคารโรงเรียนอัสสัมชัญฯ โดยได้ข้อสรุป ระยะสั้น เรื่องการเยียยานักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 10 ราย ซึ่งผู้ประกอบการจะรับผิดชอบทั้งหมด ส่วนระยะยาว ได้ข้อตกลงร่วมกันว่า ผู้ประกอบการจะหยุดการก่อสร้างตลอดปีการศึกษา 2562 ซึ่งจะสิ้น 31 มี.ค.2563
ด้าน น.ส.นิภา พรฤกษ์งาม ผู้อำนวยการโรงเรียนอัสสัมชัญ คอนแวนต์ ได้ประกาศหยุดเรียนตั้งแต่วันที่ 20-24 มิ.ย. เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน เนื่องจากต้องมีการซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหายจากเครนถล่มใส่
5.ปิดตำนาน “กำนันเป๊าะ” ผู้กว้างขวางภาคตะวันออก พบเพิ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษ!

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เผยว่า นายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ อายุ 82 ปี อดีตนายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข จ.ชลบุรี บิดาของตน เสียชีวิตที่โรงพยาบาลสมิติเวชชลบุรี เมื่อเวลา 03.00 น. สาเหตุเกิดจากเป็นมะเร็งปอด และว่า ก่อนเสียชีวิต มีอาการผ่อนคลาย และนอนหลับไป “ก่อนเสีย ได้นอนหลับสบายๆ โดยไม่มีห่วงกังวลแต่อย่างใด ถือว่าไปดี ส่วนการสั่งเสียนั้น ได้บอกกับลูกๆ ไว้แล้ว ส่วนพ่อนั้น ถือว่า เป็นต้นแบบในการช่วยเหลือชาวบ้านมาตลอด ตั้งแต่เป็นผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และเป็นนายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข ซึ่งเป็นแบบอย่างของครอบครัว และประชาชนทั่วไป ทำงานให้กับชาวบ้านมาตลอด พวกเราคงต้องสืบสานปณิธานกันต่อไปในการช่วยเหลือประชาชน”
ทั้งนี้ ได้มีพิธีบำเพ็ญกุศลที่วัดแจ้งเจริญดอน อ.แสนสุข จ.ชลบุรี โดยมีการสวดพระอภิธรรมศพวันที่ 18-25 มิ.ย. และฌาปนกิจวันที่ 26 มิ.ย. เวลา 16.00 น.
สำหรับนายสมชาย เป็นทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจผู้กว้างขวางในภาคตะวันออก รวมทั้งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและให้การสนับสนุนนักการเมืองจากภาคตะวันออกหลายคน นายสมชายมีบุตร 5 คน คือ นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา, นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชลบุรี, น.ส.จิราภรณ์ คุณปลื้ม, นายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายณรงค์ คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข อ.เมืองชลบุรี
นายสมชายถูกศาลพิพากษาจำคุกคดีทุจริตจัดซื้อที่ทิ้งขยะเขาไม้แก้ว 5 ปี 4 เดือน และคดีจ้างวานฆ่านายประยูร สิทธิโชติ หรือกำนันยูร อดีตกำนัน ต.เสม็ด อ.เมืองชลบุรี เมื่อปี 2546 เป็นเวลา 25 ปี รวมโทษจำคุก 30 ปี 4 เดือน แต่นายสมชายหลบหนีไปตั้งแต่ปี 2549 และมาถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2556 ต่อมาวันที่ 14 ธ.ค.2561 ได้รับการพักโทษ เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์พิเศษหลังป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะที่ 4 และอายุเกิน 70 ปี
ด้านนายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายสมชายเป็นผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ 2562 แต่อยู่ระหว่างขั้นตอนภายใน 120 วัน ในการออกหมายปล่อยตัว แต่เมื่อนายสมชายเสียชีวิต ทุกอย่างก็จบกระบวนการตามขั้นตอน
เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 17 มิ.ย. ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว 3 ผู้ต้องหาขบวนการค้าเสพติด รายแรกนายหง เฉิงอี้ ชาวไต้หวัน อายุ 28 ปี ทำหน้าที่สั่งการและจัดลำเลียงผ่านบริษัทพัสดุ จับได้ที่โรงแรมโกล แอร์พอร์ต สูท เขตลาดกระบัง กทม. พร้อมของกลางเคตามีนน้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 5.17 กิโลกรัม บรรจุอยู่ในถุงใส ซุกซ่อนอยู่ในที่เขี่ยบุหรี่ 39 ชิ้น ใส่กล่องกระดาษ
จากนั้น ตำรวจได้ขยายผลจับกุมผู้ต้องหาอีก 2 คน คือ นายชลวิทย์ คีตะตระกูล อายุ 49 ปี ทำหน้าที่จัดหายาเสพติดและผลิตยาเสพติด และ น.ส.ปริศนา พรายแสง หรือพริสซิลลา จิวเมลลี่ อดีตนักร้องสาวลูกครึ่งชื่อดัง “ปุ๊กกี้ ชาลาล่า” ที่บ้านพักย่านรามอินทรา พบของกลาง ประกอบด้วย ไอซ์ 98.3 กรัม, ยาบ้า 8 เม็ด, ยาอี 10 เม็ด, เคตามีน 4 กรัม, กัญชาแห้ง 40 กรัม และสารเคมีหลายชนิด พร้อมอุปกรณ์ที่เชื่อว่า ใช้ผลิตยาเสพติด และตรวจยึดทรัพย์สิน 9 รายการ
พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองเลขาธิการ ป.ป.ส.เผยว่า “เครือข่ายชาวไต้หวันดังกล่าว ลักลอบส่งยาเสพติดไปไต้หวันกว่า 1 ปีแล้ว เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ได้เฝ้าติดตามเครือข่ายนี้มาตลอด และครั้งนี้พบตัวผู้ส่งของ จึงจับกุม และขยายผลไปยังผู้ผลิตซุกซ่อนยาเสพติดในฐานใต้ก้นที่เขี่ยบุหรี่ คือ นายชลวิทย์ สามีของปุ๊กกี้ ตอนที่เข้าไปจับกุม ปุ๊กกี้ก็รับสารภาพว่าเสพยาเสพติดและรับรู้การกระทำของสามี เพราะอยู่ด้วยกัน เท่าที่ได้รับข้อมูล ทั้งสองคนจะรับจ้างครั้งละประมาณหลักแสน แต่ทำเป็นอาชีพหลักนานเป็นปี ...เจ้าหน้าที่กำลังเร่งขยายผลผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ ซึ่งยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศไทย”
ด้าน พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส.เผยว่า เบื้องต้นตรวจปัสสาวะนายชลวิทย์และ น.ส.ปริศนา พบเป็นสีม่วง สอบถามรับสารภาพและอ้างว่า เพิ่งทำเป็นครั้งแรก โดยนำยาเสพติดดังกล่าวจากผู้ค้าย่านโชคชัย 4 มาบรรจุที่บ้านพัก ไม่ได้ผลิตยาเสพติดเอง แต่นำไปส่งยังโรงแรมที่นายหงเข้าพัก ส่วนจะมีดาราอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ เบื้องต้นไม่มี แต่ทางตำรวจกำลังจะสอบสวนเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุมาก่อนหรือไม่ หากพบมีผู้ร่วมกระทำผิดด้วย จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.ชินภัทร เผยด้วยว่า จากการตรวจสอบพบว่า นายชลวิทย์เคยถูกจำคุกคดีค้าขายยาเสพติด และพ้นโทษเมื่อปี 2549 ก่อนออกมาก่อเหตุซ้ำอีก ขณะที่ น.ส.ปริศนาไม่เคยมีประวัติคดีอาชญากรรมแต่อย่างใด
พล.ต.ท.ชินภัทร เผยอีกครั้งในวันต่อมา (19 มิ.ย.) ว่า น.ส.ปริศนายอมรับว่า ไม่ได้จัดหายาเสพติดเป็นครั้งแรก แต่ทำมากว่า 1 ปี “พฤติการณ์ของผู้ต้องหาเข้าข่ายขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ซึ่งได้ประสานไปยังทางการไต้หวันเรื่องการติดตามตัวผู้ต้องหาอีก 1 ราย ที่หลบหนีไปได้ก่อนเข้าจับกุม โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าชาวไต้หวันรายนี้เป็นคนสั่งซื้อหรือเป็นนายทุน ขณะที่การตรวจสอบเส้นทางการเงิน ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบเงินหมุนเวียนในบัญชีหลักสิบล้าน มีทั้งเงินจากการทำงานในวงการบันเทิงและค้ายาเสพติดด้วย ขณะนี้มีการขยายผล แต่ไม่ขอเปิดเผย เกรงจะกระทบต่อรูปคดี”
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทางเทคนิคพบว่า มีความเชื่อมโยงไปที่ดาราหลายคน แต่ไม่ชัดว่าเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่ อาจเป็นการพูดคุยกันในฐานะที่เป็นเพื่อนดาราด้วยกันก็ได้ ขณะเดียวกันมีรายงานว่า น.ส.ปริศนายอมรับว่า ติดยาจริง พยายามเลิก แต่ไม่สามารถเลิกได้ ติดยาเสพติดมากว่า 10 ปี จนทำให้ตนเองเบลอ กระทบชีวิตหลายด้าน
ทั้งนี้ วันเดียวกัน (19 มิ.ย.) ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสามไปขอศาลอาญาฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 19-30 มิ.ย.นี้ พร้อมคัดค้านการประกันตัวไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด เนื่องคดีมีอัตราโทษสูงและเป็นภัยอันตรายต่อสังคมประเทศชาติ หากได้ประกันตัว เกรงว่าจะหลบหนี ด้านศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตให้ฝากขัง หลังจากนั้น ผู้ต้องหาทั้งสามไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวนายหงและนายชลวิทย์ไปคุมขังยังทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ส่วน น.ส.ปริศนา นำตัวไปคุมขังยังทัณฑสถานหญิงกลาง
ล่าสุด วันนี้ (22 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส. ได้ขอศาลอาญาออกหมายจับขบวนการค้ายาเสพติดที่เกี่ยวข้องกับ น.ส.ปริศนา นายชลวิทย์ และนายหง อีก 2 ราย เป็นชาวไทยและชาวไต้หวัน ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย ส่วนข้อหาร่วมกันสมคบฯ นั้น ต้องรอภายหลังการจับกุมมาสอบปากคำเสร็จสิ้น จึงจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป
2.“บิ๊กตู่” ส่ง “ธรรมนัส” เคลียร์ ส.ส.กลุ่มใต้-อีสานจบ ไม่เรียกร้องตำแหน่ง รมต. ยันโผ ครม.นิ่ง-ทูลเกล้าฯ ภายใน มิ.ย.นี้!
ความเคลื่อนไหวทางการเมืองสัปดาห์ที่ผ่านมา โฟกัสยังอยู่ที่โผคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ 2 ที่ดูเหมือนยังไม่นิ่ง แถมยังมีบางกลุ่มบางพรรคออกมาเรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรี โดยในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เอง มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ ในนาม “กลุ่มด้ามขวานไทย” ที่กวาด ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ได้ถึง 13 คน แต่ไม่ได้รับการจัดสรรตำแหน่งใดๆ กลุ่มนี้นำโดย นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง พรรค พปชร. โดยนายนิพันธ์พูดทำนองว่า หากไม่มีคนในสัดส่วนของภาคใต้เข้าไปนั่งบริหาร พปชร.จะสูญพันธุ์ที่ภาคใต้แน่นอน
ขณะที่อีกกลุ่มคือ กลุ่มของนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.อดีตหนึ่งในคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ดูแลพื้นที่ภาคอีสาน ได้ ส.ส.19 คน แต่ไม่ได้รับการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี ซึ่งนายเอกราชส่งสัญญาณทำนองว่า หากทางกลุ่มไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี อาจต้องมีมาตรการตอบโต้
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ส่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยาและประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ พรรค พปชร.ไปประสานพูดคุยกับทั้ง 2 กลุ่ม หลังพูดคุย ร.อ.ธรรมนัส ได้เปิดแถลงพร้อมนายเอกราช ช่างเหลา แกนนำ ส.ส.ภาคอีสานตอนบน และ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติ แกนนำภาคใต้ ว่า ได้ข้อสรุปว่า ส.ส.ภาคใต้ 13 คน และอีสานตอนบน จะขับเคลื่อนนโยบายและทำงานกับพรรค พปชร.ต่อ และว่า ภาคอีสานและภาคใต้ไม่ได้เรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรี แต่เป็นห่วงว่าจะผลักดันการแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างไร ดังนั้น นายกฯ จะมอบหมายให้มีรัฐมนตรีมาช่วยกำกับดูแลงาน ส่วนตำแหน่งทางการเมืองอื่น ทั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีหรือเลขาฯ อยู่ที่นายกฯ พิจารณาบุคคล ซึ่งทั้งสองกลุ่มก็พอใจ ที่จะมีตัวแทนเข้าไปขับเคลื่อนงาน โดยหลังจากจัดตั้งรัฐบาล พรรค พปชร.จะมอบหมายให้นายเอกภาพและ พ.อ.สุชาติ เสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ ต่อไป
ทั้งนี้ วันเดียวกัน (18 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่า ปัญหากลุ่ม ส.ส.อีสานและภาคใต้เรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรียุติแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่มีปัญหามั้ง ยืนยันว่าไม่มี” เมื่อถามต่อว่า คุยกันแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “คุยกันแล้ว บ้านเมืองมาก่อนเสมอ”
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า จะได้เห็นโฉมหน้า ครม.ในเดือน มิ.ย.นี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องรอ ตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบคุณสมบัติเสร็จแล้วก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ คงต้องทำให้แล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย.นี้ สุดแล้วแต่ว่าจะทรงโปรดเกล้าฯ ลงมาวันไหน จากนั้น ต้องเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณฯ คงไม่นานหรอก เมื่อถามต่อว่า รายชื่อทุกพรรคที่จะเป็นรัฐมนตรี อยู่ในมือนายกฯ ทั้งหมด และนิ่งแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “รายชื่อมาทั้งหมดแล้ว และต้องนิ่งแล้ว มันจะไม่นิ่งได้อย่างไร มันมีแค่ 36 ที่ รวมนายกฯ จะเอาที่ไหนอีก ก็ต้องเอาไปก่อน จัดให้ได้ก่อน และเดี๋ยวค่อยว่ากัน จะทำอย่างไรกันต่อไป และใครที่ไม่ได้ จะเอามาช่วยงานตรงไหนใช่หรือไม่ แต่ทุกคนก็เป็นห่วงว่า เลือกตั้งมาแล้ว ตัวเองไม่มีบทบาทเป็นรัฐมนตรี แล้วมันจะเป็นรัฐมนตรีกันได้ทั้งหมดหรือไม่”
สำหรับโผ ครม.หลังนายกฯ ระบุว่า รายชื่อรัฐมนตรีนิ่งแล้ว มีรายงานว่า ในส่วนของพรรค พปชร. พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ จะนั่งควบ รมว.กลาโหม, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม, นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.พลังงาน, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.อุตสาหกรรม, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, นายอัครา พรหมเผ่า รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม
ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีรายงานว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จะนั่งรองนายกฯ ควบ รมว.พาณิชย์, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย, คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ, นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข
พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล จะนั่งรองนายกฯ ควบ รมว.สาธารณสุข, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา, น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย, นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ และ น.ส.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ
ส่วนพรรคอื่นๆ ได้แก่ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายประภัทร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล รมว.การต่างประเทศ พรรคชาติพัฒนา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมช.อุตสาหกรรม
3.“ธนาธร” ขอศาล รธน.ขยายเวลารอบ 2 อีก 15 วัน ยื่นเอกสารแจงถือหุ้นสื่อ ด้าน พปชร.ขอศาลจำหน่ายคดี 41 ส.ส.ถือหุ้นสื่อ ชี้ อนค.ยื่นผิด!
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้ส่งทีมกฎหมายไปยื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอขยายเวลาในการส่งเอกสารคำชี้แจงกรณีถือหุ้นสื่อในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด เข้าข่ายทำให้ขาดคุณสมบัติความเป็น ส.ส.หรือไม่ ออกไปอีก 15 วัน ซึ่งก่อนหน้านี้ นายธนาธรได้ขอขยายเวลามาครั้งหนึ่งแล้ว 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 8 ก.ค.นี้
ทั้งนี้ ทีมกฎหมายนายธนาธรให้เหตุผลที่ขอขยายเวลาครั้งนี้ว่า เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารเท่านั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไร รวมถึงมาตรวจสำนวนด้วยว่ามีความคืบหน้าอย่างไร หรือไม่ และว่า เมื่อยื่นคำร้องแล้ว ต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะอนุญาตให้ขยายเวลาตามที่ขอหรือไม่
เป็นที่น่าสังเกตว่า หากศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้นายธนาธรขยายเวลาส่งคำชี้แจงออกไปได้อีก 15 วัน จะเท่ากับนายธนาธรมีเวลาในการส่งคำชี้แจงนานถึง 60 วัน เนื่องจากตอนแรกศาลฯ ให้เวลานายธนาธร 15 วันในการส่งคำชี้แจง เมื่อครบกำหนด นายธนาธรขอขยายเวลาอีก 30 วัน และเมื่อใกล้จะครบกำหนดในวันที่ 8 ก.ค. นายธนาธรกลับขอขยายเวลาอีก 15 วัน
ส่วนความคืบหน้ากรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบคุณสมบัติของ ส.ส.41 คน ของพรรคร่วมรัฐบาลว่าเข้าข่ายขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.หรือไม่ ตามคำร้องของ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ที่ระบุว่า 41 ส.ส.ดังกล่าวถือหุ้นในกิจการสื่อสารมวลชน ซึ่งประกอบด้วย ส.ส.พรรค พปชร.27 คน, พรรคประชาธิปัตย์ 10 คน, พรรคภูมิใจไทย 1 คน, พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 คน, พรรคขาติพัฒนา 1 คน และพรรคประชาภิวัฒน์ 1 คนนั้น
ในส่วนของพรรค พปชร. นายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าทีมต่อสู้คดีหุ้นสื่อ 27 ส.ส.พปชร. ได้เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้พิจารณาจำหน่ายคดีดังกล่าว และขอให้ศาลไต่สวนว่า คดีมีพยานหลักฐานเพียงพอและมีมูลที่จะรับไว้วินิจฉัยหรือไม่ และถ้าหากศาลไต่สวนและรับเรื่องไว้พิจารณา ขอให้ไต่สวนว่า ควรจะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ โดยให้โอกาส ส.ส.ผู้ถูกร้องแสดงพยานหลักฐาน
นายทศพล เผยด้วยว่า เหตุที่ขอให้ศาลจำหน่ายคดี เนื่องจากตรวจสอบสำนวนพบว่า 66 ส.ส.พรรค อนค.ที่ยื่นเรื่องนี้ต่อประธานสภาและประธานสภานำส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญ มีการทำเป็นหนังสือ ซึ่งไม่ถูกต้องตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดไว้ในมาตรา 7(5) และมาตรา 41 ว่า หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลง ต้องกระทำเป็นคำร้อง จึงเห็นว่า เมื่อการยื่นคำร้องไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก ก็สมควรที่ศาลจะจำหน่ายคดี
ส่วนเหตุผลที่ขอให้ศาลไต่สวน 2 ครั้ง เนื่องจากเรื่องนี้เป็นการยื่นโดยไม่มีหน่วยงานรวบรวมพยานหลักฐาน และ 27 ส.ส.ของพรรค ไม่มีโอกาสชี้แจง ไม่เหมือนกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค.ที่ผ่านกระบวนการสืบสวนสอบสวนจาก กกต.แล้ว และนายธนาธรได้ชี้แจงโต้แย้งแล้ว ก่อนที่ กกต.จะมีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
4.เกิดเหตุเครนก่อสร้างโรงแรมถล่มใส่โรงเรียนอัสสัมชัญฯ นร.เจ็บนับสิบ ด้านผู้ว่าฯ กทม.เด้ง โยธาฯ บางรัก ปล่อยปละละเลย!
เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ได้เกิดเหตุเครนก่อสร้างโรงแรมริเวอร์ การ์เด้นท์หักโค่นและมีแผ่นเหล็กก่อสร้างยาว 1.50 เมตร กว่า 30 แผ่น ร่วงใส่หลังคากันสาดลานอเนกประสงค์ของโรงเรียนอัสสัมชัญ คอนแวนต์ ย่านเจริญกรุง เขตบางรัก กทม. ส่งผลให้นักเรียนหญิงบาดเจ็บนับสิบราย และรถยนต์เสียหาย 1 คัน
นายสุริยา แจ่มจำรัส อาจารย์ประจำโรงเรียน ซึ่งเห็นเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 10.00 น. ได้ยินเสียงสิ่งของตกหล่นกระแทกหลังคา จึงพากันหลบหนี แต่ก็มีนักเรียนบาดเจ็บประมาณ 10 คน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ชีพเข้าช่วยเหลือนักเรียนและแจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบ และว่า ก่อนหน้านี้ ทางโรงเรียนเคยร้องเรียนไปที่สำนักงานเขตบางรัก และทางสถานีตำรวจบางรักหลายรอบแล้ว เพราะเคยเกิดเหตุวัสดุก่อสร้างตกใส่โรงเรียนมาแล้ว 4 ครั้ง แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จนครั้งนี้เกิดความเสียหายและนักเรียนบาดเจ็บ
ด้านบาทหลวงวินัย ฤทธิบุญไชย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสอาสนวิหารอัสสัมชัญ เผยว่า อุบัติเหตุครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 5 ตั้งแต่มีการก่อสร้างอาคารโรงแรมดังกล่าว โดย 2 ครั้งแรก เป็นอุบัติเหตุเล็กน้อย ต่อมาครั้งที่ 3 เป็นครั้งที่ไปแจ้งความ เนื่องจากมีน้ำปูนหล่นลงมาขณะยกเครน ทำให้ห้องน้ำเสียหาย ต่อมาทางผู้รับเหมาเข้ามาซ่อมแซมให้ ขณะที่ทางสำนักงานเขตที่เข้ามาดูหน้างานก็ได้กำชับไปว่าให้ป้องกันให้ดีกว่านี้
บาทหลวงวินัย เผยต่อว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว เกิดอุบัติเหตุครั้งที่ 4 โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สน.บางรัก เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า ทางสำนักงานเขตบางรักต้องส่งข้อมูลการเจรจาไกล่เกลี่ยให้ตำรวจด้วย จึงไปร้องที่ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตบางรัก แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า จริงๆ แล้ว ถ้าไม่มีคนบาดเจ็บล้มตาย ก็ไม่น่ามีประเด็นอะไร สร้างความเคืองใจให้กับตนเป็นอย่างมาก เนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่โบสถ์และมีนักเรียน ไม่อยากให้มีเหตุร้ายกับนักเรียน กระทั่งมาเกิดอุบัติเหตุอีกในครั้งนี้
หลังเกิดเหตุ ทางโรงเรียนอัสสัมชัญ คอนแวนต์ ได้ประกาศหยุดเรียน 1 วัน เนื่องจากต้องดูแลความเรียบร้อยและตรวจสอบความปลอดภัย ส่วนนักเรียนหญิงที่ได้รับบาดเจ็บนับสิบคนนั้น มี 1 คน ที่ยังดูอาการอยู่ในโรงพยาบาล นพ.สมพงษ์ ตันจริยาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน เผยถึงอาการของนักเรียนที่ยังรอดูอาการคนนี้ว่า เนื่องจากเด็กถูกเหล็กกระทบที่ศีรษะค่อนข้างรุนแรง มีบาดแผลที่หนังศีรษะ คล้ายกับหมดสติไปชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็รู้สึกตัว จึงได้ให้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ พบว่า กะโหลกศีรษะด้านหลังแตกร้าว สมองช้ำเล็กน้อย แต่ไม่มีเลือดออกในสมอง
ด้าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยหลังลงพื้นที่ตรวจเหตุเครนก่อสร้างโรงแรมริเวอร์ การ์เด้นท์หักโค่น ทำให้นักเรียนบาดเจ็บว่า อาคารดังกล่าวมีการขออนุญาตปรับปรุงอาคารกับสำนักการโยธา กทม. และพบมีการก่อสร้างต่อเติมและดัดแปลงอาคาร มีความผิดทางกฎหมาย สำนักการโยธาจึงไม่ได้ออกใบอนุญาตให้ พร้อมให้กองควบคุมอาคารและสำนักงานเขตบางรักลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยผู้อำนวยการเขตบางรักได้สั่งระงับการก่อสร้างตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ วันเดียวกัน (19 มิ.ย.) นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้มีคำสั่งย้ายนายภัทรกร รังษีภโนดร หัวหน้าฝ่ายโยธาเขตบางรัก ออกจากพื้นที่ มีผลตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.เป็นต้นไป โดยคำสั่งย้ายครั้งนี้เป็นไปตามคำสั่งของ พล.ต.อ.อัศวิน ผู้ว่าฯ กทม. ที่ให้ลงโทษเจ้าหน้าที่ฐานปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบก่อสร้างผิดกฎหมาย จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งเหตุการณ์วัสดุก่อสร้างตกหล่นที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่ครั้งแรก
ส่วนทางด้านคดี พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.บางรัก เผยว่า ได้แจ้งข้อหานายภัทรเกียรติ สนธิเดชกุล อายุ 26 ปี วิศวกรคุมงาน และชาวต่างด้าวคนขับรถเครน ซึ่งหลบหนีตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น ข้อหาร่วมกันประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ส่วน 6 บริษัทที่เกี่ยวข้อง หากยังไม่เข้าให้ถ้อยคำ จะออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป ขณะที่สำนักงานเขตบางรักได้แจ้งความเอาผิดบริษัทรับเหมาหลัก ฐานต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากได้ขออนุญาตต่อเติมโดยไม่ได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างอาคาร แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกลับพบว่า มีลักษณะเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง รวมทั้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน เพราะสำนักงานเขตเคยมีคำสั่งให้หยุดการก่อสร้างตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
ด้านนายวรพล อุดมโชคปิดิ ตัวแทนบริษัท แบงค์ค็อก ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด เจ้าของโรงแรมริเวอร์การ์เด้นท์ ได้แถลงข่าวขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และว่า รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงทรัพย์สินของโรงเรียนได้รับความเสียหาย พร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษานักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งระหว่างรักษาและเยียวยาต่อเนื่อง รวมถึงความเสียหายของตัวอาคาร และทางบริษัทได้จัดหาที่พักให้บาทหลวงที่ต้องออกจากอาคาร โดยบริษัทรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ประชุมเพื่อหามาตรการป้องกันและแก้ปัญหาเครนถล่มใส่อาคารโรงเรียนอัสสัมชัญฯ โดยได้ข้อสรุป ระยะสั้น เรื่องการเยียยานักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 10 ราย ซึ่งผู้ประกอบการจะรับผิดชอบทั้งหมด ส่วนระยะยาว ได้ข้อตกลงร่วมกันว่า ผู้ประกอบการจะหยุดการก่อสร้างตลอดปีการศึกษา 2562 ซึ่งจะสิ้น 31 มี.ค.2563
ด้าน น.ส.นิภา พรฤกษ์งาม ผู้อำนวยการโรงเรียนอัสสัมชัญ คอนแวนต์ ได้ประกาศหยุดเรียนตั้งแต่วันที่ 20-24 มิ.ย. เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน เนื่องจากต้องมีการซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหายจากเครนถล่มใส่
5.ปิดตำนาน “กำนันเป๊าะ” ผู้กว้างขวางภาคตะวันออก พบเพิ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษ!
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เผยว่า นายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ อายุ 82 ปี อดีตนายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข จ.ชลบุรี บิดาของตน เสียชีวิตที่โรงพยาบาลสมิติเวชชลบุรี เมื่อเวลา 03.00 น. สาเหตุเกิดจากเป็นมะเร็งปอด และว่า ก่อนเสียชีวิต มีอาการผ่อนคลาย และนอนหลับไป “ก่อนเสีย ได้นอนหลับสบายๆ โดยไม่มีห่วงกังวลแต่อย่างใด ถือว่าไปดี ส่วนการสั่งเสียนั้น ได้บอกกับลูกๆ ไว้แล้ว ส่วนพ่อนั้น ถือว่า เป็นต้นแบบในการช่วยเหลือชาวบ้านมาตลอด ตั้งแต่เป็นผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และเป็นนายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข ซึ่งเป็นแบบอย่างของครอบครัว และประชาชนทั่วไป ทำงานให้กับชาวบ้านมาตลอด พวกเราคงต้องสืบสานปณิธานกันต่อไปในการช่วยเหลือประชาชน”
ทั้งนี้ ได้มีพิธีบำเพ็ญกุศลที่วัดแจ้งเจริญดอน อ.แสนสุข จ.ชลบุรี โดยมีการสวดพระอภิธรรมศพวันที่ 18-25 มิ.ย. และฌาปนกิจวันที่ 26 มิ.ย. เวลา 16.00 น.
สำหรับนายสมชาย เป็นทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจผู้กว้างขวางในภาคตะวันออก รวมทั้งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและให้การสนับสนุนนักการเมืองจากภาคตะวันออกหลายคน นายสมชายมีบุตร 5 คน คือ นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา, นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชลบุรี, น.ส.จิราภรณ์ คุณปลื้ม, นายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายณรงค์ คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข อ.เมืองชลบุรี
นายสมชายถูกศาลพิพากษาจำคุกคดีทุจริตจัดซื้อที่ทิ้งขยะเขาไม้แก้ว 5 ปี 4 เดือน และคดีจ้างวานฆ่านายประยูร สิทธิโชติ หรือกำนันยูร อดีตกำนัน ต.เสม็ด อ.เมืองชลบุรี เมื่อปี 2546 เป็นเวลา 25 ปี รวมโทษจำคุก 30 ปี 4 เดือน แต่นายสมชายหลบหนีไปตั้งแต่ปี 2549 และมาถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2556 ต่อมาวันที่ 14 ธ.ค.2561 ได้รับการพักโทษ เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์พิเศษหลังป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะที่ 4 และอายุเกิน 70 ปี
ด้านนายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายสมชายเป็นผู้ต้องขังที่เข้าเกณฑ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ 2562 แต่อยู่ระหว่างขั้นตอนภายใน 120 วัน ในการออกหมายปล่อยตัว แต่เมื่อนายสมชายเสียชีวิต ทุกอย่างก็จบกระบวนการตามขั้นตอน