xs
xsm
sm
md
lg

“ชาวจีน” โดนแท็กซี่เท-ทำถุงเงิน 9 หมื่นดอลลาร์หล่น พบหยิบไปใช้เนียนๆ แต่สุดท้ายจนมุม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แท็กซี่ไทยโชว์ฟอร์มอีกแล้ว! ชาวจีนเรียก นั่งเบาะหน้า เจอคาถา “ไปส่งรถ” โดนเทต้องรีบลง ทำถุงเงิน 9 หมื่นดอลลาร์สหรัฐหล่นในรถ แจ้ง จส.100 ช่วยแกะรอยถึงอู่ ทีแรกอ้างมีคนขึ้นต่อ แต่ตำรวจเช็กกล้องในรถละเอียดยิบ พบถือถุงเงินเข้าบ้านก่อนส่งกะเนียนๆ แถมรีบย้ายห้อง พบหยิบไปใช้กว่า 1 พันเหรียญฯ ก่อนฝากพี่ชายที่ราชบุรี ผู้เสียหายไม่ติดใจยักยอกทรัพย์ ทำได้แค่ปรับข้อหาปฏิเสธผู้โดยสาร 1 พัน

เหตุการณ์แท็กซี่ไม่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพ ผู้โดยสารทำของหายแทนที่จะได้คืนกลับยักยอกไปใช้อย่างแนบเนียนครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. สถานีวิทยุ จส.100 รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ส่งมอบเงินสดสกุลดอลลาร์สหรัฐ รวม 88,900 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.77 ล้านบาท) แก่ชาวจีนรายหนึ่ง หลังเจ้าหน้าที่โรงแรมเดอะ ทวิน ทาวเวอร์ ถนนพระรามที่ 6 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือกับ จส.100 ระบุว่า ได้ทำถุงหูหิ้วสีขาวร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ภายในมีถุงสีหม่นบรรจุเงินสดจำนวน 90,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.8 ล้านบาท) ลืมไว้ในรถแท็กซี่สีส้มคาดขาว ที่ผู้ขับรถแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ชาวจีน 2 คน ถือถุงใส่เงินสดที่เตรียมไว้เพื่อนำไปซื้อคอนโดมิเนียม เรียกรถแท็กซี่สีส้ม ไม่ทราบเลขทะเบียน บริเวณฝั่งตรงข้ามโรงแรม และได้นั่งบริเวณเบาะหน้าฝั่งตรงข้ามคนขับแล้ว แต่ผู้ขับรถแท็กซี่ปฏิเสธที่จะไปส่ง อ้างว่าต้องคืนรถ ชาวจีนจึงรีบลงมาแต่ลืมหยิบถุงใส่เงินสดมาด้วย เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงแรมกลับมองไม่เห็นทะเบียน เพราะชาวจีนเรียกแท็กซี่อีกฝั่งของถนน จากนั้นจึงประสานไปยังสำนักงานเขตปทุมวัน เพื่อขอดูกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงอีกหลายจุด พบรถแท็กซี่ที่คาดว่าเป็นคันที่ชาวจีนเรียก แต่เมื่อตำรวจเรียกมาสอบถามกลับไม่ใช่รถคันดังกล่าว



ต่อมา สถานีวิทยุ จส.100 รับแจ้งว่า มีข้อมูลจากกล้องวงจรปิดจากบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม พบแท็กซี่สีส้มอีกคันหนึ่ง หมายเลขทะเบียน ทห 7445 กรุงเทพมหานคร ที่แล่นผ่านในช่วงเวลาเดียวกัน จึงตรวจสอบเพิ่มเติมกับกรมการขนส่งทางบก ก่อนติดต่อกับเจ้าของอู่ ให้ข้อมูลว่าผู้ขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวชื่อ นายวรพงษ์ (แหล่งข่าวสงวนนามสกุล) เพิ่งกลับมาขับแท็กซี่ได้ 2-3 วัน แต่นายวรพงษ์แจ้งว่า รับชาวจีนทั้ง 2 คน แต่ไม่ได้สังเกตว่าถืออะไรมาด้วย และไม่ได้ไปส่ง เพราะใกล้เวลาจะต้องไปส่งรถคืนที่อู่ จากนั้นได้รับผู้โดยสารบริเวณแยกถนนรองเมือง เป็นหญิง 3 คน นั่งหน้า 1 คน นั่งหลัง 2 คน ไปส่งที่ย่านปิ่นเกล้า โดยไม่ทันสังเกตว่าถืออะไรลงไปหรือไม่

อย่างไรก็ตาม สถานีวิทยุ จส.100 ได้ติดต่อไปยังศูนย์วิทยุนครชัย เพื่อขอภาพวงจรปิดภายในรถ เนื่องจากเป็นรถที่เข้าร่วมโครงการแท็กซี่โอเค แต่ยังเห็นภาพไม่ชัดเจนว่ามีการหยิบถุงใส่เงินที่ชาวจีนลืมไว้ลงไปหรือไม่ จึงได้ส่งต่อข้อมูลและรายละเอียดที่พบทั้งหมด มอบให้ตำรวจ สน.ปทุมวัน กระทั่งบ่ายวันที่ 15 มิ.ย. ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน แจ้งว่าได้เข้าไปตรวจสอบที่ศูนย์วิทยุนครชัย เพื่อขอภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหมด พบนายวรพงษ์ ถือถุงที่มีลักษณะเดียวกับที่ชาวจีนถือในโรงแรม และพบว่านายวรพงษ์แวะเข้าไปที่ห้องพัก ก่อนหายไปจากรถประมาณ 49 นาที จากนั้นนำรถมาส่งกะ โดยไม่ได้แจ้งเจ้าของอู่ว่าพบอะไรในรถแท็กซี่



จากนั้น ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน ได้ติดตามไปที่ห้องพักของนายวรพงษ์ ใกล้กับอู่รถแท็กซี่ ในซอยกำนันแม้น 16 ถนนกำนันแม้น แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพฯ ตรวจสอบพบว่าข้าวของภายในห้องถูกเก็บไปหมด จึงกระจายกำลังค้นหาพบนายวรพงษ์เดินอยู่ใกล้ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งจึงเข้าควบคุมตัวในที่สุด เจ้าตัวรับสารภาพว่าเก็บถุงใส่เงินสดไปจริง โดยนำไปฝากไว้กับพี่ชายที่ อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ก่อนย้ายห้องพักไปอีกแห่งหนึ่ง ตำรวจจึงติดต่อไปยังพี่ชายนายวรพงษ์ ทราบว่าเงินยังอยู่ จึงให้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.บ้านคา วันต่อมาถุงใส่เงินสด และเงินสดของกลางมาถึงที่ สน.ปทุมวัน แต่เนื่องจากมีเงินสดจำนวนมาก และล่ามแจ้งว่าชาวจีนมีอาการป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล จึงใช้เวลาในการสอบสวนเพื่อให้ปราศจากข้อสงสัยก่อน กระทั่งเวลา 18.30 น. วันที่ 18 มิ.ย. สถานีวิทยุ จส.100 รายงานว่า ตำรวจ สน.ปทุมวัน ได้ส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าวคืนให้กับชาวจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ร.ต.ท.ชินดนัย วิลาวัลย์ รองสารวัตรสอบสวน สน.ปทุมวัน เจ้าของคดี เปิดเผยว่า จากการสอบถามชาวจีนพร้อมเพื่อนรวม 6 คน ให้การว่า เงินจำนวน 90,000 เหรียญสหรัฐฯ เป็นเงินที่ทั้ง 6 คนนำมาลงขันคนละ 15,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 4.68 แสนบาท) เพื่อนำไปใช้ทำธุรกิจเกี่ยวกับความงาม เริ่มจากการนำไปซื้อคอนโดมิเนียมที่พัทยา มีเอกสารหลักฐานซื้อขายถูกต้อง สอดคล้องกับคำให้การ ตำรวจจึงหมดข้อสงสัยที่มาของเงิน แต่ขณะที่เงินอยู่กับนายวรพงษ์นั้นได้หยิบออกมาใช้จำนวน 1,100 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.5 หมื่นบาท) ชาวจีนไม่ได้ติดใจอะไร ขอเพียงได้เงินคืนก็พอใจแล้ว จึงขอให้ตำรวจถอนแจ้งความดำเนินคดีแพ่งกับนายวรพงษ์ฐานยักยอกทรัพย์ ก่อนรับเงินคืนและเดินทางกลับไป พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และสถานีวิทยุ จส.100 ที่ช่วยติดตามจนได้เงินคืน

ขณะที่ นายวรพงษ์ ผู้ขับรถแท็กซี่นั้น พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีในข้อหาปฏิเสธผู้โดยสาร เปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 1,000 บาท ก่อนปล่อยตัวกลับไป



กำลังโหลดความคิดเห็น