ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งเฝ้าระวัง พร้อมกำชับจัดระเบียบป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ทั้ง การตรวจค้น จับกุม อาวุธปืน อาวุธสงคราม ยาเสพติด บุคคลตามหมายจับ และสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ในการบริการขนส่งสาธารณะ
จากกรณีวินจักรยานยนต์ 2 แห่ง ยกพวกตีกัน จนเหตุบานปลาย บนถนนสุขุมวิท ช่วงสุขุมวิท 103/1 (อุดมสุข) โดยมีทั้งไม้ เหล็ก ปืน แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุก็ยังเอาไม่อยู่ ก่อนจะวิ่งไล่ตีกันเข้าไปในซอย สุดท้ายเสียชีวิต 1 ราย แถวซอยอุดมสุข 12 และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายราย
วันนี้ (18 มิ.ย.) เพจ "ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร." ได้ออกมาเปิดเผยว่า "พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษ ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมกลุ่มวินมอเตอร์ไซด์ ที่ก่อเหตุยกพวกตีกัน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บว่า ตามที่ได้รับรายงาน เพิ่มเติมว่า พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางนา ได้ร่วมกันขอศาลจังหวัดพระโขนง อนุมัติหมายจับบุคคลที่กระทำความผิดในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว่ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ร่วมกันพกพาอาวุธเข้าไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน ซึ่งมีผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ จำนวน 7 ราย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 5 รายแล้วนั้น และในวันนี้ (18 มิ.ย.) พนักงงานสอบสวน สน.บางนา จะนำตัวผู้ต้องหา จำนวน 8 รายส่งฟ้องต่อ ศาลแขวงพระโขนง ในความผิดฐานร่วมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ ได้มากกว่า 10 ราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงดำเนินการ สอบสวน ซักถาม ขยายผล ผู้ที่เกี่ยวข้องและร่วมกระทำความผิดรายอื่นๆเพิ่มเติม ซึ่งหากข้อมูลการสืบสวนสวบสวนมีความเชื่อมโยงไปถึงผู้ใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว
พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ยังได้กำชับให้เร่งสืบสวน ติดตามจับกุม ผู้ที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว อีกทั้ง ผบ.ตร. ยังสอดรับนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยได้สั่งการไปยังกองบัญชาการทุกภาคส่วน ในการเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ทั้ง การตรวจค้น จับกุม อาวุธปืน อาวุธสงคราม ยาเสพติด บุคคลตามหมายจับ และสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ประกอบกับการบูรณาการร่วมกันของ กรมการขนส่ง ทหาร ฝ่ายปกครอง ในการจัดระเบียบ อบรม ให้ความรู้ ข้อกฎหมาย การบริการขนส่งสาธารณะ การแก้ปัญหาวินเถื่อน การวิ่งทับเส้นทาง รวมไปถึงผู้มีอิทธิพลที่เข้ามาแทรกแซง ตลอดจน การเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิด โดยกำหนดให้ผู้ขับรถ มีเสื้อวิน บัตรประจำตัว และรถจักรยานยนต์รับจ้างทุกคันจะต้องมีข้อมูลที่ถูกต้องและตรงกัน ห้ามเรียกเก็บค่าโดยสารเกินอัตราที่กำหนด และห้ามใช้รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (ป้ายดำ) มารับจ้างโดยเด็ดขาด