xs
xsm
sm
md
lg

“หญิงไทยใจเด็ด”! สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี เห็นแก่บ้านเมืองมากกว่าพระโอรส!!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค

สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี
สมเด็จพระศรีสุเรนทราบรมราชินี ก็คือพระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระนามเดิมคือ เจ้าฟ้าบุญรอด พระองค์ประสูติใน พ.ศ.๒๓๑๐ ปีเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯประสูติ แก่พระชันษาแก่กว่า ๔ เดือน ทรงเติบโตในยามที่บ้านแตกสาแหรกขาดจากการเสียกรุง ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง เฉลียวฉลาด และกล้าหาญ

ในปี ๒๓๒๔ ปลายสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงส่งคณะราชทูตไปเมืองจีน สมเด็จพระศรีสุริเยนทราฯ ซึ่งพระชันษาเพียง ๑๔ ปี ได้ขอติดตาม หลวงฤทธิ์นายเวร พระเชษฐาผู้เป็นอุปทูตไปด้วย ซึ่งการเดินทางไปเมืองจีนด้วยเรือสำเภาฝ่าคลื่นลมของผู้หญิงวัยเพียง ๑๔ ในสมัยนั้น ย่อมต้องมีความใฝ่รู้เป็นอันดับแรก และใช้ความกล้าหาญและความอดทนอย่างมาก

หลวงฤทธิ์นายเวรผู้นี้ก็คือ พระโอรสองค์ที่ ๓ ในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุภาวดี พระพี่นางพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เมื่อสถาปนาพระราชวงศ์แล้ว ได้รับโปรดเกล้าฯเป็น เจ้าฟ้ากรมหลวงนรินทร์รณเรศ
ยังมีเรื่องที่แสดงถึงพระปัญญาของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราฯอีกว่า ครั้งหนึ่งเมื่อหมอบรัดเล มิชชันนารีอเมริกันมาเข้าเฝ้า ได้กราบทูลเล่าถึงประเทศสหรัฐอเมริกาว่ามีความสนุกสบาย ศิวิไลซ์ไปทุกอย่าง ก็ทรงรับฟังจนจบแล้วจึงทรงย้อนถาม
หมอบรัดเลว่า หากเมืองของท่านมีความสนุกสบายดังนั้นแล้ว พวกท่านมาประเทศนี้เพื่ออะไร หมอบรัดเลได้กราบทูลว่า มาเพื่อนำคำสั่งสอนของพระเยซูมาสอนคนทั่วไปตามประสงค์แห่งพระผู้เป็นเจ้าและยังจดบันทึกไว้ด้วยว่า

ในระหว่างที่สมเด็จพระราชินีตรัสแก่หมอบรัดเลนั้น เจ้าฟ้าน้อย (ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว) ประทับนิ่งมิได้ตรัสประการใดเลย และดูเหมือนว่าพระองค์ทรงเกรงกลัวพระราชมารดามากทีเดียวซึ่งแสดงว่าพระองค์ทรงเด็ดเดี่ยวและเป็นที่น่าเกรงขามด้วย

จุลลดา ภักดีภูมินทร์ ได้เขียนไว้ใน “เวียงวัง” ตอนหนึ่งว่า

มีความในหนังสือหลวง ซึ่งพระเจ้าเฉียนหลงให้กรรมการข้าราชการตรวจจดหมายเหตุเก่าของจีนมาเรียบเรียงใหม่ในสมัยที่ตรงกับสมัยกรุงธนบุรี ว่าด้วยประเทศต่างๆที่เคยมีไมตรีมากับกรุงจีน กล่าวถึง “เสียมหลอก๊ก” คือประเทศสยาม ว่ามีมาแต่ก่อนกรุงสุโขทัยแล้ว หนังสือเล่มหนึ่งชื่อ “เหมงอ๋องก่ายสกทงเค้า” ยกย่องผู้หญิงเสียมหลอก๊กว่า มีสติปัญญายิ่งกว่าผู้ชาย การใช้จ่ายเงินทองสุดแล้วแต่ผู้หญิง ผู้ชายที่เป็นสามีก็ต้องเชื่อฟัง

แสดงว่าผู้หญิงไทยนั้น ว่าโดยส่วนรวมแล้ว คงมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด และมิได้อยู่ในอำนาจของบุรุษเช่นผู้หญิงทางแถบเอเชียส่วนมากจึงไม่แปลกที่สมเด็จพระศรีสุริเยนทราฯจะทรงสติปัญญา ด้วยพื้นฐานก็มิใช่สตรีชาวบ้านทั่วๆไป

เมื่อตอนที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยสวรรคต ตามกฎมณเฑียรบาลแล้ว ราชสมบัติย่อมได้แก่ เจ้าฟ้ามงกุฎ พระราชที่โอรสที่ประสูติจากสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ซึ่งพระชนมายุ ๒๐ พรรษาพอดี แต่ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ พระราชโอรสที่ประสูติจากพระสนม คือเจ้าจอมมารดาเรียม มีพระชนม์ ๓๗ พรรษาแล้ว และทรงว่าราชการต่างพระเนตรพระกรรณพระราชบิดาอยู่ในขณะนั้น เป็นที่ยอมรับของขุนนางข้าราชการทั่วไป พระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางข้าราชการจึงเห็นสมควรว่าเป็นผู้เหมาะสมที่จะได้ขึ้นครองราชย์ ซึ่งสมเด็จพระศรีสุริเยนทราฯก็ทรงอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พงศาวดารรัชกาลที่ ๓ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรณ์วงศ์ (ขำ บุนนาค) กล่าวไว้ว่า ด้านพระราชพิธีของฝ่ายในนั้น สมเด็จพระศรีสุริเยนทราฯทรงจัดการให้
ซึ่งแสดงว่าพระองค์ทรงคุณธรรม เห็นแก่ประเทศชาติบ้านเมืองมากกว่าพระโอรสของพระองค์เองที่ทรงเป็นเจ้าฟ้า

นี่คือครั้งหนึ่งของการสืบทอดอำนาจในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ด้วยความเห็นชอบของกลุ่มผู้มีอำนาจทางการเมืองที่มีคุณธรรม เห็นแก่บ้านเมืองเหนือกว่าสิ่งอื่นใด โดยเฉพาะผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น