เบทาโกร รับปี 61 "โป๊บ" ดึงคนรู้จักไส้กรอกเพิ่ม 93% ดันยอดขายพุ่ง ชูของสดเอสเพียวขยายตัว ส่งออกเพิ่ม 14% ส่วนปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 15% ส่งนอก 97,580 ตัน เน้นไก่ปรุงสุกและไก่สดแช่แข็ง ทำตลาดปลอดยาปฏิชีวนะ จ่อรุกขายญี่ปุ่น เผยศูนย์นวัตกรรมอาหารเสร็จแล้วพร้อมผลิตอาหารปรุงสำเร็จขายกว่า 8,000 ตันต่อปี
เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมอาหารที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องสำหรับ เบทาโกร ล่าสุด นายสมศักดิ์ บุญลาภ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจอาหาร เครือเบทาโกร ได้ออกมาเปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานในปี 2562 เมื่อวานนี้ (27 พ.ค.) ที่สยามดิสคัฟเวอร์รี่ โดยยอมรับว่า ในปีที่ผ่านมาเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความสำเร็จของบริษัท จากการเปิดตัว ‘ไส้กรอกรมควันเบทาโกร - อร่อยใช่สัมผัสไหนก็โดน’ ที่ดึง "โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ" พระเอกสุดหล่อมาเป็นพรีเซนเตอร์คนแรกภายใต้ผลิตภัณฑ์ไส้กรอกเบทาโกร ซึ่งทำให้เพิ่มการรับรู้ยี่ห้อไส้กรอกรมควันเบทาโกรในตลาดได้ถึง 93% และมีการบริโภคเป็นประจำเพิ่มสูงถึง 45% และสามารถช่วยดันยอดขายเพิ่มเฉพาะกลุ่มไส้กรอกสูงถึง 10% โดยที่ไส้กรอกกลุ่มพรีเมี่ยมและเกรด A เติบโตถึง 15%
นายสมศักดิ์ ยังระบุว่า ในส่วนของแคมเปญ ‘เลือกกิน ให้อนาคต’ ที่ตอกย้ำผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์สด และไข่ไก่ เอสเพียว ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะในขั้นตอนการเลี้ยงตั้งแต่วันแรก ที่ได้รับการรับรองโดย NSF เป็นรายแรกของโลกก็ส่งผลให้ภาพรวมตลาดอาหารสดหมู ไก่ ไข่ ของเอสเพียว ขยายตัวเพิ่มขึ้น 17% ขณะที่ตลาดสินค้าพรีเมี่ยมเติบโต 10% และยังเป็นสินค้าที่ช่วยเปิดตลาดส่งออกอาหารไปยังกลุ่มตะวันออกกลางและตลาดยุโรป ในรูปแบบ OEM และภายใต้ตราเอสเพียวไปยังฮ่องกง ส่งผลให้ยอดส่งออกเบทาโกรเพิ่มขึ้น 14% ขณะที่การส่งออกโดยรวมของประเทศเติบโตเพียง 11%
ส่วนทิศทางธุรกิจของเบทาโกรในปีนี้ นายสมศักดิ์ ระบุว่า ก็ยังคงเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จของไส้กรอกรมควัน ด้วยการให้ "โป๊ป-ธนวรรธน์" เป็นพรีเซนเตอร์ภายใต้ชื่อ ‘ไส้กรอกเบทาโกร ชีสซีรีส์ ความอร่อยที่ใครก็หยุดไม่ได้’ พร้อมผลิตภัณฑ์ใหม่ ไส้กรอกชีส 6 รสชาติ 6 สไตล์ เพื่อให้สอดรับกับกระแสความต้องการของตลาด ตอบโจทย์ผู้บริโภค และไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ แต่ก็ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพของอาหาร นอกจากนี้ก็ยังมีไส้กรอกพรีเมี่ยมสไตล์โฮมเมดที่ผลิตจากเนื้อหมูเอสเพียวเอาใจผู้บริโภคที่ใส่ใจเลือกสรรผลิตภัณฑ์ โดยจะเริ่มวางจำหน่าย 6 สาขา ได้แก่ ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, สยามพารากอน, เดอะมอลล์บางแค, เซ็นทรัลชิดลม และเซ็นทรัลปิ่นเกล้า รวมทั้งตั้งเป้าขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าเอสเพียวผ่าน Antibiotic Free Zone ในร้าน BETAGRO Shop กว่า 49 สาขา และผลักดันสู่ทุกสาขาของร้าน BETAGRO Shop ทั่วประเทศ ในปีหน้า
ขณะที่ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปของเบทาโกรถือครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 15% มูลค่าราว 4,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าเติบโต 15% ส่วนแนวโน้มตลาดส่งออกของปีนี้ก็เป็นไปในทิศทางที่ดี โดยตั้งเป้าปริมาณการส่งออกทั้งหมดในปีนี้ กว่า 97,580 ตัน ตั้งเป้าเติบโต 12% ซึ่งผลิตภัณฑ์หลักยังคงเป็นไก่ปรุงสุกแช่แข็ง และไก่สดแช่แข็ง และยังคงเน้นการทำตลาดสินค้าไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ ทั้งยี่ห้อเอสเพียว และ OEM ไปยัง ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น กลุ่มตะวันออกกลาง และกลุ่มสแกนดิเนเวียร์ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีโครงการขยายกำลังการผลิตสินค้าไก่ปรุงสุกเพิ่มขึ้นอีกปีละ 3,000 ตันเพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่นที่ต้องการสินค้าจากไทยมากขึ้น
ในส่วนของศูนย์นวัตกรรมอาหาร Betagro Central Kitchen นวนคร ที่ลงทุนก่อสร้างเมื่อปี 61 ด้วยงบกว่า 750 ล้านบาท ขณะนี้ได้เสร็จสิ้นสามารถผลิตอาหารพร้อมรับประทานมากกว่า 1,000 รายการ ใน 6 หมวดสินค้า ทั้งอาหารทานเล่นและสินค้าทอดประเภทหมู ไก่ ,ผลิตภัณฑ์ไข่ปรุงสุก ,ข้าวกล่องพร้อมรับประทาน ,กับข้าวสำเร็จรูป , เบเกอรี่ และ ผลิตภัณฑ์ปรุงรส ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยด้วยกำลังการผลิตรวม 8,000 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายในส่วนของอาหารแปรรูปและพร้อมรับประทานได้อีกราว 17 %
