“ข้าพเจ้าผู้เป็นสยามมกุฎราชกุมาร จะรักษาเกียรติยศและอริยศักดิ์ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานไว้ด้วยชีวิต จะภักดีต่อชาติบ้านเมือง จะซื่อสัตย์ต่อประชาชน จะปฏิบัติภาระหน้าที่ทุกอย่าง โดยเต็มกำลังสติปัญญาความสามารถและโดยความเสียสละ เพื่อความเจริญสงบสุข และความมั่นคงไพบูลย์ของประเทศไทย จนตราบเท่าชีวิตร่างกายจะหาไม่”
คำถวายสัตย์ปฏิญาณในการพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ในวันสถาปนา สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช๒๕๑๕ เพื่อเป็นรัชทายาทสืบสันตติวงศ์ ณ อุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
๒๙ ธันวาคม ๒๕๑๕
"...ข้าพเจ้าทราบตระหนักว่า ข้าพเจ้ามีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อประเทศชาติอย่างสูง และการปฏิบัติราชการแผ่นดินนั้น เป็นภาระสำคัญใหญ่ยิ่ง ที่ต้องอาศัยทั้งสติปัญญาและความรู้ความสามารถอย่างพร้อมมูล ข้าพเจ้าจะต้องเพียรพยายาม ศึกษาและปฏิบัติฝึกฝนตนเองต่อไปอีกอย่างมาก เพื่อให้สามารถเหมาะสม กับหน้าที่ ตามที่ทุกคนมุ่งหวัง... ในโอกาสอันพิเศษนี้ จึงใคร่ขอให้ท่านทั้งหลายได้เป็นกำลังใจสนับสนุนข้าพเจ้า และได้ตั้งความ ปรารถนาร่วมกันกับข้าพเจ้าที่จะมุ่งมั่นประกอบกรณียกิจ ด้วยความสามัคคีพร้อมเพรียง และด้วยความสุจริตยุติธรรม เพื่อยังความเจริญมั่นคงและความร่มเย็นเป็นผาสุกให้บังเกิดแก่ชาติ ประเทศ และ ประชาชนยั่งยืน สืบไป..."
พระราชดำรัส สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในงานสโมสรสันนิบาต ซึ่งรัฐบาลจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ที่ทรงดำรงพระอิสริยศักดิ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พระองค์ได้ทรงพระวิริยอุตสาหะมุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการตามพระปฏิญญาณ เพื่อประเทศชาติและประชาชนโดยมิย่อท้อ โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไปทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ได้ทอดพระเนตรความเป็นอยู่ของราษฎรอย่างใกล้ชิด จึงทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ทั้งด้านการเกษตร การสาธารณสุข การศาสนา ฯลฯ เพื่อความสุขความเจริญก้าวหน้าแก่บ้านเมืองและประชาชนทุกหมู่เหล่า ตามรอยพระราชบุพการี
ด้วยทรงตระหนักว่าสุขภาพพลานามัยของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตเพื่อพัฒนาประเทศ ในปี พ.ศ.๒๕๒๐ รัฐบาลและประชาชนทั่วประเทศจึงได้จัดสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระองค์ขึ้น ๒๑ แห่ง ให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนในถิ่นทุรกันดารทั่วทุกภาคของประเทศ
ในด้านการศาสนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณฯ ได้อุปสมบทเมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๒๑ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารา ขณะดำรงพระยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน์ วาสโน) เป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วเสด็จไปประทับที่พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิเวศราชวรมหาวิหาร ครบ ๑๕ วันจึงทรงลาผนวช
ใน พ.ศ.๒๕๔๙ เนื่องในมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณฯ ได้ทรงเป็นประธานในการก่อสร้างพระพุทธรูป “พระพุทธมหาวชิราอุตตโมภาสศาสดา” ณ หน้าผาเขาชีจรรย์ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ที่ถูกระเบิดหินไป โดยทรงพระราชอุตสาหะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงควบคุมการแกะสลักบนหน้าผาโดยแสงเลเซอร์ด้วยพระองค์เองตั้งแต่ต้นจนเสร็จ ดังที่เป็นลายสลักพระพุทธรูปสูง ๑๕๐ เมตร หน้าตักกว้าง ๑๐๐ เมตร สง่างามอยู่บนหน้าผาเขาชีจรรย์ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ในปี พ.ศ.๒๕๕๕ เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๕ รอบในวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ได้ทรงทำการบินมหากุศลในตำแหน่งนักบินที่ ๑ เที่ยวบินพิเศษของการบินไทย จำกัด (มหาชน) นำคณะพุทธศาสนิกชน ๑๑๓ คน ไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ วัดป่าวิเวกธรรม อำเภอเมืองขอนแก่น รายได้จากการจำหน่ายบัตรและเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาครั้งนี้ บริษัทการบินไทยได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อสมทบทุน “มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร”
พระราชภาระสำคัญประการหนึ่งที่ทรงปฏิบัติต่อเนื่องคือ การเสด็จแทนพระองค์สมเด็จพระบรมชนกนาถ ไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงเยือนมิตรประเทศทั่วทุกทวีป นอกจากจะเป็นการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยและประเทศต่างๆ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นแล้ว ยังได้ทอดพระเนตรกิจการอันเป็นประโยชน์ต่างๆ นำมาใช้ในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะด้านการทหาร
ในปี พ.ศ.๒๕๕๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณฯ เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชปณิธานจัดกิจกรรมจักรยานถวายพระเกียรติและถวายความจงรักภักดีเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมราชชนนีฯ และเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระบรมราชชนกฯ โดยได้ทรงจักรยานพระที่นั่งนำประชาชนทั่วประเทศปั่นจักรยานในกิจกรรม Bike for Mom - ปั่นเพื่อแม่ จัดกิจกรรมวันที่ ๑๖ สิงหาคม และกิจกรรม Bike for Dad - ปั่นเพื่อพ่อ ในวันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘ มีประชาชนร่วมใจกันแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมาก และตลอดเส้นทางมีพสกนิกรเฝ้ารับเสด็จอย่างเนืองแน่น
อีกเรื่องหนึ่งที่ปลุกประชาชนให้ร่วมมือร่วมใจกันดูแลบ้านและถิ่นกำเนิดของตัวเอง บำเพ็ญประโยชน์ในพื้นที่สาธารณะรอบบ้าน บรรเทาปัญหาสภาพแวดล้อมต่างๆ เพื่อชีวิตที่สดใสและสุขภาพที่ดี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดโครงการจิตอาสา “เราทำความดีด้วยหัวใจ” โดยทรงให้เริ่มจากบ้านของพระองค์ก่อน และขยายต่อยอดไปยังพื้นที่อื่นต่อไป โปรดเกล้าฯให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ พร้อมด้วยข้าราชบริพารในพระองค์ ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ เริ่มจากบริเวณรอบๆพระราชวังดุสิต ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านของพระองค์ก่อน จนขณะนี้โครงการนี้ได้ขยายแพร่กระจายไปทั่วประเทศแล้ว ก่อให้เกิดสภาพชีวิตที่ดีกว่าทั่วแผ่นดิน
ด้วยทรงเข้าพระราชหฤทัยประชาชนว่ายังไม่คลายรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงทรงมีพระราชปณิธานสืบสานสมเด็จพระบรมราชชนกที่ทรงปรารถนาให้ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่ามีความรักสมัครสมานสามัคคีกัน จึงได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์พระราชทานเสื้อยืดคอโปโลสีดำ “ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์” แก่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ ผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ จำนวน ๗๖ จังหวัด จังหวัดละ ๑๐,๐๐๐ ตัว รวม ๗๗๐,๐๐๐ เพื่อเชิญไปมอบให้แก่ประชาชนจิตอาสาทั่วประเทศ อันเป็นการบำรุงขวัญและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ประชาชนร่วมกันลุกขึ้นมาประกอบกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญประโยชน์ในการทำความดีให้แก่สังคมส่วนรวมและประเทศชาติ โดยทรงมีพระราชปรารถนา ที่จะเฉลิมพระเกียรติและอุทิศถวายเป็นพระราชกุศล แด่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ด้วยพระราชหฤทัยอันเปี่ยมล้นด้วยพระกตัญญูกตเวทิตาธรรม และทรงสำนึกระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
“เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
จากพระปฐมบรมราชโองการของ “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา ทรงให้ความมั่นใจแก่ประชาชนชาวไทยถึงพระราชปณิธานและความตั้งใจอันแน่วแน่ในการทรงงานว่า โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แนวพระราชดำริต่าง ๆ ของ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” รัชกาลที่ ๙ จะได้รับการสืบสาน รักษา และต่อยอดต่อไปในรัชกาลที่ ๑๐ เพื่อเพื่อความเจริญสงบสุข และความมั่นคงไพบูลย์ของประเทศไทย