ตำรวจระบุขณะนี้ยังไม่สามารถใช้ได้ หลังมีการโพสต์ในโลกโซเชียลกันมากมายเรื่อง มาตรา 31/1 ของ พ.ร.บ.จราจรทางบก และสามารถแสดงใบอนุญาตขับขี่ได้ 3 รูปแบบมีผลบังคับใช้ 19 ก.ย.นี้
จากกรณีที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 12 ) โดยได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ในกรณีที่ผู้ขับขี่แสดงใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือสำเนาภาพถ่าย ใบอนุญาตขับขี่ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ถือว่าผู้ขับขี่มีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวตามวรรคหนึ่งแล้ว
เมื่อวันที่ 25 พ.ค. เพจ”สถานีตำรวจนครบาลจรเข้น้อย” ได้ออกมาให้ความรู้ประชาชน โดยระบุเนื้อหาว่า “มีการโพสต์ในโลกโซเชียลกันมากมายเรื่อง มาตรา 31/1 ของ พ.ร.บ.จราจรทางบก ที่ประกาศออกมาเรื่องการแสดงใบขับขี่ แล้วจะใช้ภาพถ่ายแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรแทนใบขับขี่ตัวจริงได้นั้น โดยขออนุญาตชี้แจงว่าสามารถแสดงได้ 3 รูปแบบด้วยกัน ประกอบด้วย
1.แสดงด้วยใบขับขี่ตัวจริง (แบบเดิม)
2.แสดงด้วยวิธีการทางข้อมูลอีเลคโทรนิคส์ (ใบขับขี่digital)ซึ่งกรมการขนส่งทางบกประกาศรับรองแล้วโดยจะต้องใช้แอปพลิเคชันของกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น
3.สำเนาภาพถ่ายใบอนุญาตขับขี่ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด
ซึ่งขณะนี้กรมการขนส่งทางบกยังไม่ได้กำหนดรูปแบบออกมา เพราะฉะนั้น การใช้สำเนาถ่ายเอกสาร หรือภาพถ่ายใบขับขี่ในโทรศัพท์แบบที่แชร์กันยังไม่สามารถใช้แสดงต่อเจ้าพนักงานจราจรได้นะครับ เว้นแต่จะมีประกาศของกรมการขนส่งทางบกออกมารับรองว่าใช้ได้
ทั้งนี้ พรบ.จราจรฯ ที่แก้ไขเพิ่มเติม จะมีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2562 เป็นต้นไป”
โดยขณะนี้ระเบียบยังไม่ได้มีผลบังคับใช้ ดังนั้นผู้ขับขี่ทุกคนต้องพกใบอนุญาตับขี่ตัวจริงไว้กับตัวด้วย เพราะหากไม่พกหรือมีติดตัว เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจอาจทำให้ถูกจับปรับฐานไม่พกใบขับขี่ได้ เพราะมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ได้ก็ต่อเมื่อหลังการประกาศไปแล้ว 120 วัน ซึ่งตรงกับวันที่ 19 กันยายนนี้เป็นต้นไป
โดยกฎหมายข้อนี้เป็นไปตาม มาตรา 31/1 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 31/1 ในขณะขับรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัวและต้องแสดง ต่อเจ้าพนักงานจราจรเมื่อขอตรวจ ซึ่งหากไม่มีหรือไม่พกใบขับขี่ มาตรา 64 ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต ตามกฎหมายเดิมลงโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท