พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เซ็นต์คำสั่งให้พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.ภ.7 เข้าสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยีไบโอแมทริกซ์ลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่าย
วันนี้ (28 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) มีบันทึกข้อความ ลงวันที่ 19 เมษายน 2562 ถึงผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เรื่องข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการในสังกัด ตร. ด้วย ตร.มีบันทึกลง 19 เมษายน 2562 อนุมัติเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายให้ พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.ภ.7 ไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมอบหมายเป็นครั้งคราว โดยไม่ขาดจากต้นสังกัดมีกำหนดหนึ่งปี นับตั้งแต่วันที่ 19 เมษายนเป็นต้นไป
สำหรับการออกคำสั่งให้พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผบช.ภ.7 ไปปฏิบัติราชการในสังกัดสตม.เพื่อเข้าไปดำเนินการตรวจรับพัสดุ (ไบโอแมทริกซ์)ตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยีไบโอแมทริกซ์ลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า พร้อมกันนี้ทางผบ.ตร.ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงกรรมการตรวจรับพัสดุรายการจัดซื้อคุรุภัณฑ์โครงการดังกล่าว
โดยให้พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ เป็นรองประธานกรรมการ แทนที่ พ.ต.อ.มานัด ศรีวงษา ,แต่งตั้งพ.ต.อ.มนตรี สีทอง เป็นกรรมการ แทนที่พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน แต่งตั้งพ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี เป็นกรรมการ แทนที่ พ.ต.อ.ภูธร ปริศนานันทกุล
ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าการออกคำสั่งดังกล่าวออกมาเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นหรือไม่ เนื่องจากทางบช.ภ.7 ถือเป็นหน่วยงานฝ่ายปฎิบัติควรมีการวางกำลังพลเต็มอัตรา ต่างจากสตม. ที่เป็นหน่วยงานสนับสนุนการปฎิบัติและมีรองผบช.เต็มอัตรา อีกทั้งการมอบหมายให้มาตรวจรับพัสดุโครงการดังกล่าวดูแลงบกว่าพันล้าน ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยผ่านงานด้านตรวจคนเข้าเมืองมาก่อนมีนัยยะซ่อนไว้หรือไม่
สำหรับพล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ เป็นนักเรียนนรต.รุ่น 40 รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) เคยเป็นพนักงานสอบสวนสน.นางเลิ้ง ก่อนเข้าซุ้มสืบสวนเหนือสมัย พ.ต.อ.วินัย เปาอินทร์ เป็นผกก.สส.น.เหนือ คลุกคลีอยู่ในถิ่นใจกลางเมืองหลวง ก่อนขยับขึ้นตามลำดับ เคยดำรงตำแหน่งเป็นรองผบก.น.1 ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร ,ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี และรองผบช.ภ.7
สำหรับการจัดซื้อคุรุภัณฑ์โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยีไบโอแมทริกซ์ ลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้า มีการดำเนินการมาก่อนหน้านี้ในสมัยพล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม.ในขณะนั้น และในสมัย พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น เป็น ผบข.สตม. ก็ดำเนินการไม่แล้วเสร็จโดยมีงบลงทุนรวมกว่า 6 พันล้าน ปัจจุบันได้มีการตรวจรับงานงวดที่สาม โดยมีมติเห็นควรรับไว้ในราชการ ซึ่งที่ผ่านมายังใช้การไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ ส่วนหนึ่งมาจากความพร้อมของอุปกรณ์ ซึ่งใช้เทคโนโลยีล้าหลัง เชื่อมต่อระบบจะแม่ข่ายไปหาลูกข่ายไม่ผ่าน ทำให้ในบางครั้งระบบล่มหยุดชะงัก ที่ผ่านมาสมัยพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ดำรงตำแหน่งผบช.สตม. ได้เข้าไปตรวจสอบหลังพบกปัญหาความไม่เสถียรของเทคโนโลยีดังกล่าว และความล่าช้าของการตรวจรับ รวมทั้งได้ศึกษาการคัดกรองบุคคลเข้า-ออกประเทศของหลายๆประเทศ เพื่อนำข้อดีของเทคโนโลยีในการคัดกรองของแต่ละประเทศ มาเพื่อเทียบเคียงเทคโนโลยีให้มันคุ้มกับการลงทุน แต่ยังไม่ทันสำเร็จก็เกิดการเปลี่ยนแปลงผู้บัญชาการเสียก่อน
