“บางครั้งก็รู้สึกท้อ แต่เราก็ทิ้งเขาไม่ได้ เพราะเขาไม่มีใคร
เราว่าคุ้มนะ ที่ต้องเหนื่อยขนาดนี้... คุ้มค่าที่ได้เกิดมาเป็นคน
เราเหนื่อยเพื่อโอบอุ้มกว่า 500 ชีวิต ให้กินอิ่ม นอนหลับ มีที่นอนโดยไม่ต้องโดนใครไล่ตีทำร้าย เท่านี้ก็คุ้มมากแล้วในความคิดเรา”
เพราะมีจิตใจโอบอ้อมอารี รักน้องหมาเป็นทุนเดิม
ทำให้เธอมักจะเมตตาช่วยเหลือและเก็บสุนัขที่ถูกทิ้งมาเลี้ยงไว้เองเป็นประจำ
เริ่มจาก 1 ตัว เป็น 10 ตัว 100 ตัว
โดยปัจจุบันเธอมีสุนัขจรจัดอยู่ในการดูแลมากกว่า 500 ตัว!
เธอชื่อ “แก้วตา-ธัญญาพร ตู้ทอง”
เจ้าของคอกสุนัขจรจัด “บ้านแก้วตา เพื่อน้องหมาจร” อ.จอมบึง จ.ราชบุรี

“แล้วปีนั้นเป็นปีน้ำท่วมพอดี ก็มีคนหนีน้ำท่วมมาจากปทุมธานีบ้าง กรุงเทพฯ บ้าง มาอยู่แถว ต.เจ็ดเสมียน ตอนที่เขามาเขาก็นำน้องหมามาด้วย แต่พอตอนกลับเขาไม่เอากลับไป ทำให้น้องหมาไปสร้างความเดือดร้อน คุ้ยขยะ ทำความสกปรกให้ชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านเขาก็ตีบ้าง ทำร้ายบ้าง และพอเราได้เห็นแบบนั้น เราก็ทนไม่ได้ ก็เลยเริ่มเก็บน้องหมามาเลี้ยงเอง
บางทีเราไปเจอหมาโดนรถชนข้างถนน เราก็จะเก็บเขามารักษา พอรักษาเสร็จก็ไม่สามารถส่งกลับที่เดิมได้ หรืออย่างคนในหมู่บ้าน เขารู้ว่าเรารักหมา คนในบ้านเราเองก็รักหมาเหมือนกัน ทั้งแม่ น้อง และแฟน เขาไปเจอหมาจรที่ไหนก็จะเก็บมาให้ด้วย
นอกจากนี้ก็มีที่คนเขาเห็นเราเลี้ยง เขาก็เอาใส่ลัง ใส่กระสอบเอามาทิ้งให้หน้าบ้านก็มี หรือเอามาปล่อยวัดทั้งๆ ที่หมาท้อง ซึ่งพระก็จะให้เราช่วยหน่อย เราก็ต้องรับมาเลี้ยงเขาไว้ เพราะไม่รู้จะเอาไปไหน ทำให้ตั้งแต่นั้นมาก็มีสุนัขจำนวนเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันเราเลี้ยงหมามากกว่า 500 ตัว”

“แก้วตา” ควักเงินส่วนตัว เป็นทุนเพื่อหมาจร ซึ่งจากเดิมมีอาชีพค้าขาย ก็เริ่มเปลี่ยนอาชีพ โดยซื้อจักรมือสองมาเย็บเบาะน้องหมาขาย และแฟนเธอเองก็ทำกรงน้องหมาขาย ทำตั้งแต่ 2 ทุ่มถึงตี 4 ทุกวัน เพื่อจะมีรายได้เพียงพอต่อรายจ่าย
“วันหนึ่งเราต้องจ่ายค่าอาหาร 3,000 บาทตายตัวอยู่แล้ว ต้องหุงข้าววันละ 2 กระสอบครึ่ง ทั้งหมด 125 กิโลกรัม ต้มโครงไก่วันละ 40 กิโลกรัม เพราะน้องหมา 1 ตัว จะกินอาหารตกตัวละ 6 บาทต่อ 1 วัน
ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็มีบ้างค่ะ ก็มีเปิดรับบริจาคนะคะ แต่เดือนหนึ่งก็มีคนเข้ามาบริจาคไม่เยอะ บางทีก็ 1-2 คน เอาตรงๆ เลยคือเดือนหนึ่งมีคนมาคนมาบริจาคราวๆ 30,000 บาท จากรายจ่าย 120,000 บาท ที่เหลือเราก็หาเอง แต่ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ขอรับบริจาคเลยค่ะ จะมีบางเดือนที่ไม่ไหวจริงๆ แต่เราก็จะพยายามทำงานหาเงินเองมากกว่า เพราะเราเป็นคนสร้างภาระด้วยตัวเอง เลยจะทำด้วยตัวเองให้เต็มที่ก่อน แต่ถ้าอยากบริจาคจริงๆ ส่วนตัวอยากได้ข้าวกับอาหารมากกว่าค่ะ”

ถามว่าเหนื่อยไหม แก้วตา-ธัญญาพร ตอบทันทีว่าเหนื่อย แต่ทิ้งไม่ได้ และจะเลี้ยงหมาจรจัดเหล่านี้ไปจนกว่าจะหมดแรง
“เราตั้งใจว่าจะเลี้ยงเขาไปจนกว่าจะหมดแรง
เลี้ยงเขาไปจนกว่าจะถึงลมหายใจสุดท้ายของเขา”
ท้ายนี้แก้วตาอยากฝากถึงคนที่เลี้ยงสุนัขว่า อยากให้เลี้ยงเขาเหมือนคนในครอบครัว เลี้ยงให้เหมือนเป็นลูกเรา ญาติเรา เพราะชีวิตของหมา 1 ตัว มีแค่เจ้าของ “ถ้าคิดจะเลี้ยงแล้วต้องไม่ทิ้ง”

“บ้านแก้วตา เพื่อน้องหมาจร”
ธ.ไทยพานิชย์ 779-2-30529-7 ธัญญาพร ตู้ทอง
ธ.กรุงไทย 761-0-20345-9 ธัญญาพร ตู้ทอง
หรือติดต่อผ่านเฟซบุ๊ก
https://www.facebook.com/profile.php?id=100008178734269&fref=search&__tn__=%2Cd%2CP-R&eid=ARDdZkQDqy3ocSuOAYayhMYgepjoVAmIJ62sWGUp4jx9vq8yCFK7At88H_oM3u1sizoiuVzCjhRZ0liS
เรื่อง : วรัญญา งามขำ
เราว่าคุ้มนะ ที่ต้องเหนื่อยขนาดนี้... คุ้มค่าที่ได้เกิดมาเป็นคน
เราเหนื่อยเพื่อโอบอุ้มกว่า 500 ชีวิต ให้กินอิ่ม นอนหลับ มีที่นอนโดยไม่ต้องโดนใครไล่ตีทำร้าย เท่านี้ก็คุ้มมากแล้วในความคิดเรา”
เพราะมีจิตใจโอบอ้อมอารี รักน้องหมาเป็นทุนเดิม
ทำให้เธอมักจะเมตตาช่วยเหลือและเก็บสุนัขที่ถูกทิ้งมาเลี้ยงไว้เองเป็นประจำ
เริ่มจาก 1 ตัว เป็น 10 ตัว 100 ตัว
โดยปัจจุบันเธอมีสุนัขจรจัดอยู่ในการดูแลมากกว่า 500 ตัว!
เธอชื่อ “แก้วตา-ธัญญาพร ตู้ทอง”
เจ้าของคอกสุนัขจรจัด “บ้านแก้วตา เพื่อน้องหมาจร” อ.จอมบึง จ.ราชบุรี
“แล้วปีนั้นเป็นปีน้ำท่วมพอดี ก็มีคนหนีน้ำท่วมมาจากปทุมธานีบ้าง กรุงเทพฯ บ้าง มาอยู่แถว ต.เจ็ดเสมียน ตอนที่เขามาเขาก็นำน้องหมามาด้วย แต่พอตอนกลับเขาไม่เอากลับไป ทำให้น้องหมาไปสร้างความเดือดร้อน คุ้ยขยะ ทำความสกปรกให้ชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านเขาก็ตีบ้าง ทำร้ายบ้าง และพอเราได้เห็นแบบนั้น เราก็ทนไม่ได้ ก็เลยเริ่มเก็บน้องหมามาเลี้ยงเอง
บางทีเราไปเจอหมาโดนรถชนข้างถนน เราก็จะเก็บเขามารักษา พอรักษาเสร็จก็ไม่สามารถส่งกลับที่เดิมได้ หรืออย่างคนในหมู่บ้าน เขารู้ว่าเรารักหมา คนในบ้านเราเองก็รักหมาเหมือนกัน ทั้งแม่ น้อง และแฟน เขาไปเจอหมาจรที่ไหนก็จะเก็บมาให้ด้วย
นอกจากนี้ก็มีที่คนเขาเห็นเราเลี้ยง เขาก็เอาใส่ลัง ใส่กระสอบเอามาทิ้งให้หน้าบ้านก็มี หรือเอามาปล่อยวัดทั้งๆ ที่หมาท้อง ซึ่งพระก็จะให้เราช่วยหน่อย เราก็ต้องรับมาเลี้ยงเขาไว้ เพราะไม่รู้จะเอาไปไหน ทำให้ตั้งแต่นั้นมาก็มีสุนัขจำนวนเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันเราเลี้ยงหมามากกว่า 500 ตัว”
“แก้วตา” ควักเงินส่วนตัว เป็นทุนเพื่อหมาจร ซึ่งจากเดิมมีอาชีพค้าขาย ก็เริ่มเปลี่ยนอาชีพ โดยซื้อจักรมือสองมาเย็บเบาะน้องหมาขาย และแฟนเธอเองก็ทำกรงน้องหมาขาย ทำตั้งแต่ 2 ทุ่มถึงตี 4 ทุกวัน เพื่อจะมีรายได้เพียงพอต่อรายจ่าย
“วันหนึ่งเราต้องจ่ายค่าอาหาร 3,000 บาทตายตัวอยู่แล้ว ต้องหุงข้าววันละ 2 กระสอบครึ่ง ทั้งหมด 125 กิโลกรัม ต้มโครงไก่วันละ 40 กิโลกรัม เพราะน้องหมา 1 ตัว จะกินอาหารตกตัวละ 6 บาทต่อ 1 วัน
ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ก็มีบ้างค่ะ ก็มีเปิดรับบริจาคนะคะ แต่เดือนหนึ่งก็มีคนเข้ามาบริจาคไม่เยอะ บางทีก็ 1-2 คน เอาตรงๆ เลยคือเดือนหนึ่งมีคนมาคนมาบริจาคราวๆ 30,000 บาท จากรายจ่าย 120,000 บาท ที่เหลือเราก็หาเอง แต่ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ขอรับบริจาคเลยค่ะ จะมีบางเดือนที่ไม่ไหวจริงๆ แต่เราก็จะพยายามทำงานหาเงินเองมากกว่า เพราะเราเป็นคนสร้างภาระด้วยตัวเอง เลยจะทำด้วยตัวเองให้เต็มที่ก่อน แต่ถ้าอยากบริจาคจริงๆ ส่วนตัวอยากได้ข้าวกับอาหารมากกว่าค่ะ”
ถามว่าเหนื่อยไหม แก้วตา-ธัญญาพร ตอบทันทีว่าเหนื่อย แต่ทิ้งไม่ได้ และจะเลี้ยงหมาจรจัดเหล่านี้ไปจนกว่าจะหมดแรง
“เราตั้งใจว่าจะเลี้ยงเขาไปจนกว่าจะหมดแรง
เลี้ยงเขาไปจนกว่าจะถึงลมหายใจสุดท้ายของเขา”
ท้ายนี้แก้วตาอยากฝากถึงคนที่เลี้ยงสุนัขว่า อยากให้เลี้ยงเขาเหมือนคนในครอบครัว เลี้ยงให้เหมือนเป็นลูกเรา ญาติเรา เพราะชีวิตของหมา 1 ตัว มีแค่เจ้าของ “ถ้าคิดจะเลี้ยงแล้วต้องไม่ทิ้ง”
“บ้านแก้วตา เพื่อน้องหมาจร”
ธ.ไทยพานิชย์ 779-2-30529-7 ธัญญาพร ตู้ทอง
ธ.กรุงไทย 761-0-20345-9 ธัญญาพร ตู้ทอง
หรือติดต่อผ่านเฟซบุ๊ก
https://www.facebook.com/profile.php?id=100008178734269&fref=search&__tn__=%2Cd%2CP-R&eid=ARDdZkQDqy3ocSuOAYayhMYgepjoVAmIJ62sWGUp4jx9vq8yCFK7At88H_oM3u1sizoiuVzCjhRZ0liS
เรื่อง : วรัญญา งามขำ