เพจ “กรมบัญชีกลาง” ออกมาชี้แจงหลังพบมีการแชร์ข่าวข้าราชการไม่สามารถเบิกค่ายารักษามะเร็งได้แล้ว ยืนยันไม่เป็นความจริง ชี้แค่ปรับเกณฑ์ขยายสิทธิเบิกจ่ายตรงรักษาโรคมะเร็งเพิ่มเติม
วันนี้ (20 มี.ค.) เพจ “กรมบัญชีกลาง ประเทศไทย” ได้โพสต์เตือนหลังพบว่ามีการนำข้อมูลที่ไม่ถูกกต้องเกี่ยวกับการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาโรคมะเร็งของข้าราชการ ซึ่งมีการระบุข้อความไว้ว่า
“ข้าราชการไม่สามารถเบิกค่ายามะเร็งได้แล้ว เริ่ม 15 มี.ค.นี้ เพราะฉะนั้นข้าราชการกรุณาอย่าเป็นมะเร็งกัน”
โดยทางกรมบัญชีกลางยืนยันว่าข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง และอธิบายให้เข้าใจว่า หลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นการเพิ่มรายการยา/เงื่อนไขข้อบ่งชี้ในการเบิกจ่ายยาสำหรับกลุ่มโรคมะเร็ง ให้ผู้มีสิทธิสามารถเบิกในระบบเบิกจ่ายตรงเท่านั้น โดยไม่ต้องทนรอจ่ายเงินไปก่อน
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 62 น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ได้ออกมาเปิดเผยผ่านข่าวของกรมบัญชีกลางว่า
“ตามที่กรมบัญชีกลางได้กําหนดเงื่อนไขการเบิก ค่ายาสําหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งและค่าโลหิตวิทยาจํานวน 37 รายการ ที่ไม่อนุญาตให้เบิกในระบบเบิกจ่ายตรง กรมบัญชีกลางร่วมมือกับคณะทํางานโดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาและปรับปรุงแนวทางการรักษาโรคมะเร็ง และโลหิตวิทยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผู้ป่วยสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการไม่ต้อง ทดรองจ่ายค่ายาไปก่อน โดยจะประกาศรายการยา จํานวน 1 รายการ ให้สามารถเบิกจ่ายตรงได้ สําหรับยา อีก 36 รายการที่เหลือ หากแพทย์ผู้ทําการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งได้ใช้ยาหรือวิธีการรักษาอื่นก่อนแล้ว และวินิจฉัย เพิ่มเติมว่าผู้ป่วยมีความจําเป็นต้องใช้ยาดังกล่าว ให้สถานพยาบาลยื่นเรื่องมาที่กรมบัญชีกลางเพื่อขออนุมัติเป็นรายกรณี”
อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการกําหนดเงื่อนไขการเบิกค่ายาแล้ว คณะทํางานได้มี การศึกษาและพิจารณาแนวทางเพื่อให้เข้าถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีการพัฒนาการรักษามะเร็งในแต่ละชนิด เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้มากขึ้น มีแนวทางการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อ ผู้ป่วย จึงได้พิจารณาเพิ่มรายการยา/เงื่อนไขข้อบ่งชี้ในการเบิกค่ายาจากเดิม 14 รายการ เป็น 17 รายการ เช่น ยารักษาโรคมะเร็งตับ ยารักษาโรคมะเร็งไทรอยด์ ยารักษาโรค Myelodysplastic Syndrome (MDS) เป็นต้น พร้อมทั้งปรับเงื่อนไขให้สามารถเบิกจ่ายให้กว้างขวางขึ้น คาดว่าจะเริ่มใช้ได้เดือนมีนาคม 2562 เป็นต้นไป