เช้านี้ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี “เปรมชัย กรรณสูต” เจ้าของบริษัทรับเหมา “อิตาเลียนไทย” พร้อมพวกล่าเสือดำ ปลุกกระแสนักอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตื่นตัวขึ้น... มาย้อนรอยเหตุการณ์ที่ถือเป็นคดีใหญ่แห่งปี เป็นบทพิสูจน์กระบวนการยุติธรรมไทยว่า คุกมีไว้ขังคนจน หรือจะเอาผิดเจ้าสัวแสนล้านได้หรือไม่?
4 ก.พ. 2561 นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี จับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 63 ปี ประธานบริหารและกรรมการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน), นายยงค์ โดดเครือ, นางนที เรียมแสน และนายธานี ทุมมาศ รวม 4 คน พร้อมของกลาง อาวุธปืน 3 กระบอก ซากไก่ฟ้าหลังเทา ซากเก้ง และซากเสือดำ สัตว์ป่าคุ้มครองใกล้จะสูญพันธุ์
6 ก.พ. 2561 นายวิเชียร นำตัวนายเปรมชัยและพวกพร้อมของกลางไปยัง สภ.ทองผาภูมิ เพื่อบันทึกการจับกุม โดยแจ้งข้อหารวม 9 ฐานความผิด แต่นายเปรมชัยและพวกให้การปฏิเสธ ก่อนยื่นคำร้องขอฝากขังผัดแรกต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ และได้รับการประกันตัวในชั้นศาลคนละ 150,000 บาท แต่ต้องรายงานตัวตามกำหนดฝากขัง 7 ครั้ง
7 ก.พ. 2561 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. นำตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตรวจค้นบ้านพักนายเปรมชัย ในซอยศูนย์วิจัย 3 ย่านพระราม 9 พบอาวุธปืน 43 กระบอก และงาช้าง 4 กิ่ง จึงได้สั่งอายัด ก่อนนำของกลางทั้งหมดไปตรวจสอบหลักฐานการครอบครอง และตรวจดีเอ็นเอลายนิ้วมือ
13 มี.ค. 2561 ตำรวจสรุปส่งสำนวนให้อัยการภาค 7 มีความเห็นสั่งฟ้องนายเปรมชัย และพวกรวม 4 คน ใน 9 ข้อหา หลังตรวจสอบจุดเกิดเหตุและเก็บหลักฐานตามจุดที่นายวิเชียรระบุไว้ หน่วยงานนิติวิทยาศาสตร์ กรมอุทยานฯ รับชิ้นเนื้อสัตว์ป่าในที่เกิดเหตุมาตรวจสอบดีเอ็นเอ พบว่าเนื้อทั้งหมดเป็นเสือดำตัวเดียวกันและเป็นเสือดำตัวเมีย นอกจากนี้ยังพบร่องรอยกระสุนจำนวน 8 รู บนหนังเสือดำและกะโหลกเสือดำอีกด้วย
14 มี.ค. 2561 นายเปรมชัย รับทราบข้อหาครอบครองงาช้าง อาวุธปืนโบราณ กับตำรวจ บก.ปทส. พร้อมข้อหาพยายามติดสินบนเจ้าพนักงานจาก บก.ปปป. เบื้องต้นปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะให้การในชั้นศาลเท่านั้น ก่อนยื่นฝากขังต่อศาลอาญา ศาลให้ประกันตัววงเงิน 300,000 บาท พร้อมเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ ยืนยันรู้สึกเสียใจที่สังคมมองเป็นคนฆ่าเสือดำ ตนไม่ใช่คนฆ่าเสือดำ ความจริงจะปรากฏในชั้นศาล
11 เม.ย. 2561 อัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 ฟ้อง นายเปรมชัย, นางคณิตดา กรรณสูต ภรรยา และ น.ส.วันดี สมภูมิ ผู้เซ็นชื่อรับรองเป็นพยานว่าเป็นงาช้างบ้าน รวม 3 ข้อหา ในฐานความผิดฐาน ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันนำพาของต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร และร่วมกันซ่อนเร้นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร
30 เม.ย. 2561 อัยการภาค 7 มีความเห็นสั่งฟ้องนายเปรมชัย 6 ข้อหา นายยงค์ คนขับรถ 7 ข้อหา นางนที แม่ครัว 5 ข้อหา และนายธานี คนนำทาง 8 ข้อหา เพิ่มค่าเสียหายทางอาญา จากเดิมที่ให้ชดใช้ 420,000 บาท เพิ่มเป็น 3,012,000 บาท โดยใช้วิธีคิดจากราคาจัดซื้อเสือดำของสวนสัตว์ไนท์ซาฟารี จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี 2549 บวกกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเพื่อนำเสือดำปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ
6 มิ.ย. 2561 ระหว่างที่ศาลนัดพร้อมเพื่อตรวจพยานหลักฐาน ปรากฏว่า ทนายความของนายเปรมชัย และนายยงค์ ยื่นคำร้องขอให้ศาลส่งคดีร่วมกันติดสินบนเจ้าพนักงาน จากคลิปเสียงต่อรองไม่ให้ถูกจับกุม ไปวินิจฉัยว่าอยู่ในอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 7 หรือไม่ ทำให้ศาลต้องเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐาน ต่อมาวันที่ 27 ส.ค. 2561 ประธานศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยแล้วเห็นว่าอยู่ในอำนาจศาลจังหวัดทองผาภูมิ
27 พ.ย. 2561 ศาลจังหวัดทองผาภูมิเริ่มกระบวนการสืบพยานฝ่ายโจทก์เริ่มต้นขึ้น มีทั้งหมด 32 ปาก รวม 10 นัด เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2561 หลังจากนั้นวันที่ 19 ธ.ค. 2561 ศาลเริ่มกระบวนการสืบพยานฝ่ายจำเลย เดิมกำหนดไว้ 17 ปาก แต่พบว่ามีบางปากซ้ำกับพยานฝ่ายโจทก์ จึงเหลือการสืบพยานจำเลยเพียง 6 ปาก รวม 6 นัด แต่นายธานีป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและเวียนศีรษะ จึงไม่ได้ขึ้นสืบพยาน
26 ธ.ค. 2561 การสืบพยานโจทก์และจำเลยแล้วเสร็จ ศาลจึงให้ฝ่ายโจทก์และจำเลยยื่นคำแถลงการณ์ปิดคดีในวันที่ 25 ม.ค. 2562 ก่อนที่ศาลจะนัดคำพิพากษาในวันนี้
นอกจากนี้ ในส่วนของคดีครอบครองงาช้าง ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2562 นางคณิตตาได้ยื่นคำร้องขอให้ส่งงาช้างของกลาง จำนวน 4 กิ่ง ไปตรวจพิสูจน์ที่คณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อตรวจอายุ และพิสูจน์ว่าเป็นงาช้างไทยหรือไม่ ศาลสืบพยานโจทก์ปากแรก 8 ส.ค. 2562 ส่วนคดีครอบครองอาวุธปืน ศาลอาญา นัดสืบพยานฝ่ายโจทก์และจำเลยในวันที่ 19 และ 23 ก.ค. 2562
