ไม่ใช่เรื่องธรรมดาสำหรับการโคจรมาพบกันระหว่างทีมสร้างหนังที่ครองใจชาวอีสานอย่าง "ไทบ้าน" กับ ไอดอลสาวสไตล์ญี่ปุ่นที่คว้าใจโอตะมาแล้วทั่วประเทศอย่าง BNK48 ในโปรเจคท์ทำภาพยนตร์ร่วมกันของ 2 ค่าย MGR online จึงได้ไปสัมภาษณ์พิเศษ "เฮียโต้ง-สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ" ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ไทบ้าน และ "ต้อมซัง-จิรัฐ บวรวัฒนะ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเอ็นเค 48 ออฟฟิศ จำกัด ถึงที่มาที่ไปของการทำหนังเรื่องนี้ แล้วเนื้อเรื่องคร่าวๆ จะเป็นอย่างไร ที่สำคัญพวกเขาคาดหวังกับภาพยนตร์เรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน
โดย ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ไทบ้าน บอกกับเราว่า โปรเจคท์นี้เริ่มจากตน และ "พี่ต้อม-จิรัฐ" ได้พบและพูดคุยกัน และส่วนตัวตนชื่นชอบ BNK48 อยู่แล้ว และ "พี่ต้อม" ก็ได้มีโอกาสไปดูไทบ้าน เดอะซีรีส์ มาทุกภาค ก็มีความรู้สึกชื่อนชอบหนังเรื่องนี้อยู่แล้ว เราก็เลยคุยกัน "พี่ต้อม" ก็เลยบอกว่า เอ๊ะเป็นไปได้ไหม ถ้าเราจะมีโปรเจคท์เล็กๆ สนุกๆ ร่วมกันก็คือมีไทบ้านเดอะซีรีส์ กับ BNK48 มาแสดงหนังร่วมกัน ก็เลยเป็นที่มาของหนังเรื่องนี้
ด้าน ซีอีโอ BNK48 ก็บอกว่า โดยส่วนตัวตนเห็นวัฒนธรรมของอีสาน ผ่านไทบ้านเดอะซีรีส์มาตลอด และเห็นถึงการเติบโตในแง่ของรายได้และขึ้นพูดถึงไปเรื่อยๆ และตื่นตาตื่นใจกับวัฒนธรรมอีสานที่เล่นกลยุทธ์ผ่าล้อมเมืองมาโดยตลอด วันนึงมีโอกาสได้เจอ "เฮียโต้ง" ก็เลยขอบอกอยากทำด้วยกัน "เฮียโต้ง" ก็บอกว่าเฮ้ย อยากทำด้วย ก็เลยได้เกิดโอกาสนี้
แล้วเมื่อทั้ง 2 ฝั่งมาร่วมมือกันมันจะพิเศษกว่าโปรเจคท์อื่นๆ ยังไง? "ต้อมซัง-จิรัฐ" ให้คำตอบว่า สำหรับ BNK48 สมาชิกทั้ง 8 คนแสดงเป็นตัวของตัวเอง ที่มีภารกิจคือต้องเข้าไปเรียนรู้วัฒนธรรมอีสาน เพื่อทำเพลงหมอลำออกมา เสร็จแล้วต้องพาตัวเองไปสู่ จ.ศรีสะเกษ ไปพบกับทีมงานของไทบ้าน ซึ่งอยู่ในจักรวาลของเขาอยู่ เพราะฉะนั้นความสนุกสนานก็คือเรื่องราวของน้องๆ BNK48 ที่เข้าไปอยู่ในจักรวาลของไทบ้าน ขณะที่ "เฮียโต้ง-สิริพงศ์" บอกว่า สำหรับไทบ้านเราคิดว่ามันเป็นความตื่นเต้น เหมือนกับว่าจักรวาลของไทบ้าน เหมือนเราดูการ์ตูนอาราเล่ แล้วอยู่ดีๆ ก็มีตัวดรากอนบอลโผล่เข้ามา วันนี้เหมือนกันเลย
"เหมือนจักรวาลไทบ้านของเราดำเนินเรื่องมาอยู่ แล้วก็มีน้องๆ BNK48 ซึ่งในภาพยนตร์เขาก็จะเป็นตัวจริงในโลกปัจจุบัน เข้ามาอยู่ในจักรวาลไทบ้านของเรา เราคิดว่ามันเป็นความตื่นเต้น ท้าทาย และที่สำคัญคือการที่ทีมงานไทบ้านเดอะซีรีส์ ได้ทำงานกับทีมงาน BNK48 ซึ่งถือว่ามืออาชีพมาก มันก็เท่ากับว่าทำให้เราเติบโตขึ้น ได้รับประสบการณ์มากขึ้น และเราก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก"
ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ไทบ้าน ยังยอมรับว่า เรื่องนี้เป็นโจทย์ที่ค่อนข้างท้าทายของทีมไทบ้าน เพราะอย่างของไทบ้านมันก็จะเป็นอะไรก็ได้ ทำอะไรก็ได้ อยากจะหลุดโลกยังไงก็ได้ แต่ของ BNK48 ก็จะมีข้อจำกัด ที่ยังต้องรักษาความรู้สึกของแฟนๆ แต่พอเราได้คุยกัน 2-3 ครั้ง ผมคิดว่าเป็นโปรเจคท์ที่สนุกนะ เพราะมันเป็นชีวิตจริง ในเรื่องของไทบ้าน มันก็เป็นเรื่องของชีวิตจริงอยู่แล้ว BNK48 เข้ามามันก็เป็นชีวิตจริง เพียงแต่ว่าเป็นชีวิตจริงที่เราอาจจะไม่ได้เห็นในชีวิตประจำวัน แต่เป็นชีวิตจริงที่ชาวบ้านจะได้มีโอกาสเจอกับซูเปอร์สตาร์
ด้าน ซีอีโอ BNK48 กล่าวเสริมว่า ในขณะเดียวกัน BNK48 เองก็ได้มีโอกาสไปเจอชาวบ้าน ได้มีโอกาสไปนั่งทานปลาร้าด้วยกัน นั่งข้างๆ แคร่ของเห็นทุ่งนา ซึ่งเป็นสิ่งที่คนกรุงอาจจะไม่ค่อยได้เห็น แต่เป็นความสวยงามที่อยู่ในพื้นถิ่นนั้น ตนคิดว่านี่คือเสน่ห์ของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน
และแน่นอนว่า การทำโปรเจคท์นี้ก็ต้องมีความคาดหวัง ซึ่งทาง "ต้อมซัง-จิรัฐ" ก็เปิดเผยว่า ความคาดหวังของ BNK48 เราได้มีโอกาส 1.ขยายความนิยมไปยังพื้นที่ภาคอีสานมากยิ่งขึ้น 2.ได้ทำให้แฟนๆ ของเรา คนเมืองที่รู้จักเรา ได้รู้จักวัฒนธรรมอีสานที่มีเสน่ห์ ความสวยงามของพื้นถิ่นมากยิ่งขึ้น อันนี้เป็นพันธกิจที่น่าสนใจมาก ที่เราได้มีโอกาสทำแล้ว ส่วนทาง "เฮียโต้ง-สิริพงศ์" ก็บอกว่า สำหรับไทบ้านเดอะซีรีส์ตั้งแต่ภาคแรกเราตั้งใจนำเสนอวัฒนธรรมอีสาน จ.ศรีสะเกษ ให้กับคนไทยทั้งประเทศได้เห็น การที่ BNK48 ให้โอกาสไทบ้าน ร่วมงานด้วย มันเท่ากับว่าเราได้มีโอกาสขยายกลุ่มคนดูของเราให้เขาเข้าถึงวัฒนธรรมของเรามากขึ้น ให้เข้าถึงพื้นที่ของเราได้มากขึ้น ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ฉะนั้นเมื่อเราได้รับโอกาสนี้แล้วเราก็คิดว่าหากมันได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนๆ ตนคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือกำไรที่ได้มามากกว่ารายได้จากภาพยนตร์
"มันจะดีมากเลยเมื่อคนไปดูหนังแล้ว และท้ายที่สุดคนขับรถออกจากกรุงเทพฯ ผ่านสระบุรี โคราช บุรีรัมย์ ไปศรีสะเกษ และไปเที่ยวศรีสะเกษกัน ไปใช้ชีวิตไปเห็นเรื่องราวที่ในหนังแล้วอยากจะไปเจอสิ่งนั้นสิ่งนี้ผมคิดว่าอันนี้มากกว่ารายได้ของภาพยนตร์หรือที่เราลงทุนด้วยกันเอง แต่เป็นสิ่งที่ประชาชน คนไทยน่าจะได้โอกาสนี้" ต้อมซัง-จิรัฐ พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว
ทั้งนี้ "ไทบ้านเดอะซีรีส์" เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติค ดรามา คอมเมดี้ มีลักษณะเด่นคือใช้ความเป็นชาวอีสานดำเนินเรื่อง สร้างโดยบริษัท เซิ้ง โปรดักชั่น แอนด์ ออร์แกไนเซอร์ จำกัด มีมาแล้วทั้งหมด 3 ภาค ภาคแรกปี 2560 ลงทุน 2 ล้านบาท ทำรายได้ 40 ล้านบาท ภาคที่ 2 ไทบ้าน เดอะซีรีส์ 2.1 มีรายงานงบลงทุนไป 6 ล้านบาท แต่ทำรายได้ไปถึง 80 ล้านบาท และภาคล่าสุด ไทบ้าน เดอะซีรีส์ 2.2 ที่เคยถูกคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ สั่งห้ามฉายเนื่องจากมีประเด็นอ่อนไหวทางศาสนา เพราะมีฉากตัวละครในเรื่องซึ่งเป็นพระร้องไห้หน้าโลงศพของอดีตคนรัก จนมีการปรับปรุงและได้ฉายสำเร็จ ซึ่งก็ทำรายได้ไปมากกว่า 100 ล้านบาท