เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ จังหวัดนนทบุรี โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนนทบุรี แถลงข่าวเปิดตัวการจัดงาน “วัฒนธรรมสองฝั่งเจ้าพระยา มหาเจษฎาบดินทร์” จังหวัดทบุรี ประจำปี 2562 ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม - 1 เมษายน 2562 (4 วัน 4 คืน) ณ บริเวณอุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก และวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร ตำบลบางศรีเมือง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็ก เยาวชน ประชาชน และนักท่องเที่ยว ได้น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และร่วมเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สืบสานวัฒนธรรมอันหลากหลาย และภูมิปัญญาท้องถิ่นของจังหวัดนนทบุรี ตลอดจนส่งเสริมท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เพิ่มรายได้กับท้องถิ่น ซึ่งผู้เข้าร่วมการจัดงานดังกล่าวจะได้พบกับกิจกรรมมากมายภายในงาน เช่น ขบวนแห่ชุมชนวัฒนธรรมท้องถิ่นที่รวบรวมอัตลักษณ์ของชาวนนท์กว่า 9 ขบวน ชมนิทรรศการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมวงสานุวงศ์ การแสดงสุดยอดศิลปะวัฒนธรรม การประกวดร้องเพลงไทยลูกทุ่ง การประกวดร้องเพลงไทยลูกกรุง การประกวดรีวิวประกอบเพลงพระราชนิพนธ์ และการประกวดวงกลองยาว เยี่ยมชมลานวัฒนธรรม การแสดงลิเก และถ่ายภาพคู่กับอุโมงค์ไฟสวยงาม
นอกจากนี้ ยังมีการออกบูธหมู่บ้านวัฒนธรรมซึ่งรวบรวม และจำลองวิถีชีวิตของชาวนนทบุรีในอดีต บูธชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชยาเศรษฐกิจพอเพียง บูธสภาวัฒนธรรม 6 อำเภอ บูธกลุ่มชาติพันธุ์ 3 กลุ่ม อีกทั้งมีกิจกรรมล่องเรือ กินลม ชมสะพาน ที่ไม่ควรพลาด จัดในวันที่ 29 มีนาคม 2562 และ 1 เมษายน 2562 โดยเรือท่องเที่ยวรอบแรก เวลา 17.00 น. รับนักท่องเที่ยว 100 คน จากท่าเรือปากเกร็ด ล่องผ่านสะพานมหาเจษฎาบดินทร์ มายังอุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก และรอบสุดท้ายออกจาก อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก กลับไปยังท่าเรือปากเกร็ด เวลา 20.30 น. และกิจกรรม Maha Chesadabodindranusorn Bridge Night Run @ Nonthaburi” ในวันเสาร์ที่ 30 มีนาคม 2562 เวลา 18.30 น. Start/Finish อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษกบริเวณริมน้ำศาลาจัตุรมุข ระยะทาง 7.4 กิโลเมตร และกิจกรรม “วันเดียวเที่ยวเมืองนนท์” ONE DAY TRIP ในวันที่ 31 มีนาคม 2562 ล่องเรือบนแม่น้ำเจ้าพระยาสัมผัสเสน่ห์เมืองนนทบุรี ชมทิวทัศน์อันสวยงามสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ชมวิถีชีวิตชาวเกาะเกร็ด ตกเย็นเที่ยวชมงานวัฒนธรรมสองฝั่งเจ้าพระยามหาเจษฏาบดินทร์ รับจำนวนจำกัด เพียง 400 ท่าน
นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า “การจัดงานวัฒนธรรมสองฝั่งเจ้าพระยา มหาเจษฎาบดินทร์ เป็นงานประจำปีของจังหวัดนนทบุรี ซึ่งจัดต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาหลายสิบปี และในปีนี้ผมและคณะทำงานเห็นควรว่าเราจะเปลี่ยนแปลงเสริมให้งานมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น ในอย่างแรกคือได้ปรับสถานที่ในการจัดงานเดิมเคยจัดที่หน้าวัดเฉลิมพระเกียรติ คราวนี้ก็จะแบ่งเป็น 2 ลักษณะด้วยกัน งานที่เกี่ยวกับการถวายเครื่องราชสักการะในหลวงรัชกาลที่ 3 ใช้ที่วัดเฉลิมพระเกียรติเช่นเดิม แต่งานวัฒรธรรม งานแสดงวิถีชุมชน การละเล่นทั้งหลาย งานโอท็อปต่างๆ จะมาใช้ที่อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นอุทยานที่กรมธนารักษ์ได้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2539 จังหวัดนนทบุรีได้ฟื้นฟูบูรณะในปี 2559 - 2560 จนอุทยานมีความพร้อมสมบูรณ์ ก็คิดว่าอยากจะเปิดตัวอุทยานแห่งนี้ให้เป็นที่รู้จัก
ปัจจุบันมีคนใช้งานอยู่เป็นจำนวนมาก แต่คิดว่าถ้ามาจัดงานวันนี้เพิ่มขึ้นผู้คนจะได้รู้จักอุทยานแห่งนี้มากขึ้น ในขณะเดียวกันบริเวณต่อเนื่องกับอุทยานฯ มีสะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ ซึ่งเป็นสะพานที่มีการประดับไฟที่สวยงามอันดับต้นๆ ของประเทศ คิดว่าสองส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เป็นการตอกย้ำสร้างความการรับรู้ให้ผู้คนได้เห็นความสวยงามของนนทบุรี และจะมาเยี่ยมเยือนเราในโอกาสข้างหน้าต่อไป
สำหรับในวันที่ 30 เป็นการจัดงาน NIGHT RUN เป็นการวิ่งกลางคืนครั้งแรกบนสะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ โดยที่ได้รับนักวิ่งขณะนี้ประมาณ 2000 กว่าคน ต้องเรียนนักวิ่งว่า ครั้งนี้จะเป็นกีฬาเพื่อการท่องเที่ยวไม่เน้นในเรื่อวสถิติมากนัก เนื่องจากว่าสถานที่ค่อนข้างมีข้อจำกัดเราจะพยายามดัดแปลงภูมิประเทศให้เอื้อต่อการวิ่งและมีความปลอดภัยมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่วิ่งบนสะพานนั้นจะปิดการจราจรตั้งแต่เวาลา 18.00 - 20.30 น. เพื่อให้นักวิ่งได้สามารถวิ่ง เดิน และถ่ายรูปเก็บภาพความประทับใจ ขณะนี้ทราบว่าการรับสมัครนั้นจะเปิดอีกรอบหนึ่งเพื่อเช็คยอดสุดท้าย คิดว่าประมาณสัปดาห์สุดท้ายของเดือนนี้ก็จะเปิดอีกนัดหนึ่ง เพื่อให้ได้นักวิ่งครบตามจำนวนที่กำหนด
ในการวิ่งครั้งนี้ไม่เก็บค่าวิ่งแต่ท่านที่อยากจะซื้อเสื้อเป็นที่ระลึกเรามีเสื้อจำนวน 1,000 ตัว เพื่อให้ท่านได้ซื้อกลับไปเป็นที่ระลึก ในขณะเดียวกันนักวิ่งที่วิ่งเข้าได้ตามเวลาทีกำหนดไว้ เราทำเหรียญที่ระลึกจำนวน 931 เหรียญ เพื่อมอบให้กับนักวิ่งทุกท่านที่เข้าเส้นชัยตามเวลา สาเหตุที่ทำไว้น้อยเนื่องจากว่าครั้งนี้ใช้เงินเป็นจำนวนมาก เราพยายามจะจัดประหยัดค่าใช้จ่ายไม่เก็บค่าใช้จ่ายจากนักวิ่ง ทุกท่านวิ่งฟรี! จึงทำเท่าที่กำหนดเป็นที่ระลึกจำนวนหนึ่งสำหรับผู้ที่เข้าเส้นชัยได้ตามเวลา ก็ขอเชิญชวนนักวิ่งทุกท่านครับ” นายภานุ กล่าว
ทั้งนี้ ททท.สำนักงานกรุงเทพมหานคร นำโดย นางสาวจุไรรัตน์ ชัยทวีทรัพย์ รองผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานกรุงเทพมหานคร ได้นำสื่อมวลชนร่วมล่องเรือเพื่อถ่ายภาพทำข่าวเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวที่มีความงดงามริมน้ำสองฝั่งเจ้าพระยา ณ “วัดพระเฉลิมเกียรติวรวิหาร” ซึ่งเป็นพระอารามสำคัญในรัชกาลที่ 3 และใกล้นิวาสถานของพระอัยกาและพระอัยกีฝ่ายพระราชมารดาเจ้าจอมมารดาเรียมอันเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณในการสร้างเป็นพระอารามหลวงถวาย โดยมีรูปแบบสถาปัตยกรรมอันเป็นพระราชนิยมผสมผสานแบบจีน “พระพุทธมหาโลกาภินันทฏิมา” พระประธานในพระอุโบสถที่ทรงรับสั่งให้นำทองแดงที่พบจาก อ.จันทึก จ.นครราชสีมา มาหล่อเป็นพระพุทธรูปองค์นี้ โดยมีพุทธลักษณะงดงามตามแบบแผนของพระองค์ ซึ่งมาถึงในรัชกาลที่ 4 ทรงเป็นธุระในการสร้างให้เสร็จ ยังมี “พระพุทธรูปศิลาขาว” ที่อยู่ภายในพระวิหาร และบรรยากาศที่วัดแห่งนี้ดูสบายตาร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่
หลังจากนั้นชมไฟประดับ “สะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์” ยามค่ำคืน พร้อมเชิญชวนสร้างการรับรู้ให้นักท่องเที่ยว เดินทางมายังจังหวัดนนทบุรี ได้ท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ และมาร่วมงาน “วัฒนธรรมสองฝั่งเจ้าพระยา มหาเจษฎาบดินทร์” จังหวัดนนทบุรี ประจำปี 2562 ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม - 1 เมษายน 2562 (4 วัน 4 คืน) ณ บริเวณอุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก และวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร ตำบลบางศรีเมือง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี
นอกเหนือจากนี้ยังนำสื่อมวลชนเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหารภายในจังหวัดนนทบุรีที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง อาทิ “วัดชมภูเวก” ซึ่งมีรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผมในท่วงท่าที่อ่อนช้อยงดงามอยู่ในซุ้มเรือนแก้วยอดแหลม ได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพแม่พระธรณีที่งดงามที่สุดภาพหนึ่งของเมืองไทย และในอุโบสถหลังใหม่เป็นที่ประดิษฐานพระประธานศิลปะสุโขทัยและพระพุทธรูปยืนอีก 2 องค์ วัดแห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2517
จากนั้นเดินทางไปยังร้านอาหาร “สวนทิพย์” ร้านอาหารไทยที่ได้ดาวมิชลิน ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นแมกไม้เขียวขจีริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีการจัดแต่งสถานที่แบบไทยๆ ด้วยศาลาทรงไทยหลายหลังได้อย่างงดงามให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เสมือนได้หลีกหนีความวุ่นวายของเมืองกรุง ที่นี่มีทั้งอาหารไทยโบราณอันแสนประณีตพร้อมด้วยการบริการอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง ช่วยเสริมประสบการณ์การรับประทานอาหารได้อย่างประทับใจ
จากนั้นล่องเรือจากที่นี่ไปยังเกาะเกร็ดชมความสวยงามของสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเดินทางมายังวัด “ปรมัยยิกาวาส” ซึ่งเป็นวัดสำคัญบนเกาะเกร็ดสักการะ “พระพุทธไสยาสน์” และ “พระนนทมุนินท์” พระประจำจังหวัดนนทบุรี สัมผัสการท่องเที่ยวในการปั่นจักรยานบนเส้นทางใหม่่ที่สวยงามอยู่ท่ามกลางธรรมชาติซึ่งเป็นทางปูนตัดเข้าไปในสวน
แวะชมความสวยงามของเจดีทรงมะเฟือง รูปร่างแปลกตาไม่เหมือนใคร “วัดเสาธงทอง” ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะเกร็ด เป็นวัดโบราณสมัยกรุงศรีอยุทธยา สร้างโดยชาวมอญซึ่งได้มาอยู่ที่เกาะเกร็ดในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อ วัดสวนหมาก เป็นวัดคือเมื่อได้สร้างวัดขึ้นต้นหมากก็ถูกตัดจนหมด จนกระทั่งถึงปลายรัชกาลที่ 4 เจ้าจอมมารดาอำภา ซึ่งเป็นเจ้าจอมในสมัยรัชกาลที่ 2 พร้อมด้วยกรมหมื่นภูบาลกรมขุนวรจักรกรีได้เสด็จมาและได้บูรณะวัดซึ่งกำลัง ทรุดโทรมและทรงเห็นว่า ต้นหมากก็หมดไปแล้ว จึงเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า วัดเสาธงทอง คนมอญเรียก วัดนี้ว่า “เพ๊ยะอาล๊าต” แปละว่า ตะวันตกเพราะอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะเกร็ด
จากจุดนี้สามารถปั่นจักรยานต่อไปยัง “ร้านโรงสี สตูดิโอ” เกาะเกร็ด หากไปเกาะเกร็ดต้องแวะมาเช็คอินที่นี่ โรงสีเก่าแก่ตั้งติดอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อายุกว่าร้อยปีถูกรีโนเวทมาเป็นคาเฟ่ ร้านอาหาร และโฮมสเตย์ แถมยังมีที่นั่งให้เลือกหลากหลายสไตล์ให้ถ่ายรูปอาร์ตๆ กันอย่างจุใจ เมนูก็มีทั้งเมนูอาหารไทยฟิวส์ชั่นและเครื่องดื่มหลากหลายอย่างให้ได้ลิ้มลอง
“วัดแดงธรรมชาติ” แลนมาร์คแห่งใหม่อีกที่หนึ่งของจังหวัดนนทบุรี หากล่องเรือมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา จะสังเกตเห็นพระปางนาคปรก องค์ขนาดใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ริมน้ำ สามารถไปสักการะหลวงพ่อทันใจ หลวงพ่อโต พระประธานในอุโบสถได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะนำมาซึ่งการกระจายรายได้และปลุกกระแสความน่าสนใจให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังจังหวัดนนทบุรีเพิ่มมากขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย
เรื่อง/ภาพ : อรวรรณ เหม่นแหลม