xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนวลี “รักในหลวงให้อยู่บ้าน” จากปาก “ดิสธร วัชโรทัย” วันนี้ถูกไล่ออก-จำคุกคดีทุจริต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ย้อนคำพูด “ดิสธร วัชโรทัย” ขณะเป็นประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ กล่าววลี “รักในหลวงให้อยู่บ้าน” อ้าง ผมอยู่พรรคในหลวง และพรรคนี้ใหญ่โตมาก ปัจจุบันถูกสำนักพระราชวังไล่ออก ระบุผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงหลายกรณี แถมจำคุก 2 ปี 6 เดือน ทำเอกสารบริจาคเงินเท็จ เพื่อขอรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ

เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2551 นายดิสธร วัชโรทัย ขณะนั้นเป็นประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวระหว่างเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษเรื่อง “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ” ตามโครงการสัมมนา “เวทีเติมหัวใจให้สังคม เชื่อมร้อยใจเครือข่าย จากภูเขาสู่มหานที ครั้งที่ 1” ที่ศูนย์การประชุมในชุมพร คาบาน่า รีสอร์ท ต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งเครือข่ายอนุรักษ์ในจังหวัดชุมพร จัดขึ้น และถ่ายทอดเสียงทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย จังหวัดชุมพร

นายดิสธร กล่าวว่า การเปิดร้านโกลเด้นท์เพลส (บริษัท สุวรรณชาด จำกัด) ที่มี 5 สาขา คือ สาขาสะพานสูง, สาขาพระราม 9, สาขามหาวิทยาลัยเกษตรฯ สาขาซีพีทาวเวอร์ และสาขาประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งโกลเด้นท์เพลสถือเป็นตัวอย่างของการทำธุรกิจค้าปลีกเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง เป็นตัวอย่างของธุรกิจที่ทำอย่างตรงไปตรงมา ผู้บริหารไม่ทุจริต พนักงานทุกคนเริ่มต้นเงินเดือนที่ 10,000 บาท เรื่องความรวยความจนว่าอยู่ที่ใจของแต่ละคน คนมีเงิน 10 บาท ถ้าคิดว่าตัวเองรวยก็คือคนรวย คนมีเงิน 100 บาท ก็เป็นคนรวยได้ถ้าตัวเองคิดว่ารวยแล้ว

ผมรู้สึกดีใจที่โครงการป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ชุมพรประสบความสำเร็จ โดยได้รับความร่วมมือจากชาวชุมพรทุกคน และความสามัคคีของทุกฝ่าย เมื่อปี 2542 ที่มีภัยแล้งเกิดขึ้นทั่วประเทศ ประชาชนในจังหวัดสุพรรณบุรี นครสวรรค์ ไม่มีน้ำทำนา จนเกิดการทำร้ายกันเพื่อแย่งน้ำทำนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่ระหว่างเสด็จฯ ไปพระราชทานปริญญาบัตรที่เชียงใหม่ ทรงทอดพระเนตรผ่านหน้าต่างเครื่องบินเห็นเมฆกลุ่มใหญ่ จึงมีกระแสรับสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องใช้เมฆก้อนนั้นทำฝนหลวงเพื่อแก้ปัญหาในครั้งนั้น แสดงว่าพระองค์ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนเลย

ผมต้องขอกราบเรียนว่าผมได้ไปพูดมาแล้ว 19 จังหวัด และผมก็ไม่ทราบว่าที่นั่งอยู่ที่นี่เป็นพรรคพวกไหน จะเป็นฝ่ายพันธมิตรฯก็ดี จะเป็นฝ่าย นปช.ก็ดี ผมต้องกราบเรียนความจริงอันหนึ่งว่า ถ้าพวกเราทุกคนรักในหลวง ไม่ต้องไปทำนาที่ทำเนียบหรอกครับ ไม่ต้องไปแสดงพลังที่ไหน ในฐานะผมเป็นประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ผมดูแลทุกข์สุขของราษฎรในนามของพระองค์ท่าน ผมบอกได้เลยว่า ทุกๆ ครั้งที่ประชาชนคนไทยได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นวาตภัย วินาศภัย สาธารณภัยต่างๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยทอดทิ้งพวกเราเลย ทุกครั้งที่เกิดภัย พระองค์ท่านจะรับสั่งให้ลงไปช่วยทุกครั้ง เหมือนกับคราวนี้ พระองค์ทรงเห็นว่าร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านชุมพร พระองค์รับสั่งทันทีเลยว่าให้ผมรีบลงมา เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมต่างๆ ในชุมพร

“ถ้ารักในหลวงให้อยู่ชุมพร ไม่ต้องไปที่อื่น ผมเคยพูดตลอดเวลาว่า รักในหลวงให้อยู่บ้าน รักในหลวงให้กลับบ้าน คุณไปแสดงพลังตรงนั้นไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลย รังแต่จะทำให้เกิดความแตกแยก ผมกล้าพูดตรงนี้เพราะผมเป็นตัวจริงเสียงจริงนะครับ รับพระราชกระแสมาเองว่า พวกเราต้องขยาย ทำอย่างไรให้เขาทราบว่า เรามีหน้าที่และทำหน้าที่อะไร ผมไม่ได้เข้าข้างใครนะครับ ผมไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก ผมรู้อย่างเดียวว่า ผมอยู่พรรคในหลวง และพรรคนี้ใหญ่โตมาก” นายดิสธร กล่าว

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2560 สำนักพระราชวัง ได้มีคำสั่งลงโทษไล่ นายดิสธร วัชโรทัย ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายพลเรือน ตำแหน่งประจำสำนักพระราชวังพิเศษ ลูกชายนายขวัญแก้ว วัชโรทัย ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง หลังพบว่าได้กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงหลายกรณี อาทิ ใช้อำนาจสั่งการให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ แสดงเอกสารรับรองว่าบุคคลภายนอกได้บริจาคเงินให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ เป็นจำนวนเงิน 25 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าตามปกติ โดยไม่ได้มีการบริจาคเงินจำนวนดังกล่าวจริงแต่อย่างใด และนายดิสธร ยังได้นำเอกสารรับรองการบริจาคดังกล่าวเสนอต่อกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นทุติยดิเรกคุณาภรณ์ ให้แก่บุคคลภายนอก อันเป็นการฉ้อโกงเครื่องราชอิสริยาภรณ์

นายดิสธร ในฐานะรองเลขาธิการพระราชวัง ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลกองพระราชพาหนะ ได้นำรถยนต์ในพระปรมาภิไธยไปใช้จนเกิดอุบัติเหตุ และแอบอ้างพระปรมาภิไธยเพื่อยกเว้นภาษีการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ แล้วนำรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศไปใช้ทดแทนรถยนต์คันเดิมที่ประสบอุบัติเหตุ โดยไม่ปรากฏหลักฐานการน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายรถยนต์คันใหม่ และไม่มีหลักฐานการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์คันเดิมแต่อย่างใด นอกจากนี้ นายดิสธร ได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาของตนเอง เมื่อหญิงตั้งครรภ์กลับพาหญิงคนดังกล่าวไปทำแท้ง นอกจากนั้น เมื่อหญิงคนดังกล่าวตั้งครรภ์เป็นครั้งที่สอง นายดิสธรก็ยังบังคับข่มขืนใจเพื่อให้ไปทำแท้งอีกครั้ง แต่หญิงคนดังกล่าวไม่ยินยอม นายดิสธรจึงบังคับหญิงคนดังกล่าวให้แต่งงานกับชายอื่น ซึ่งไม่เคยมีความสัมพันธ์กัน

อีกทั้ง นายดิสธร ได้นำดินที่ขุดทิ้งจากโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ ซึ่งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ขอรับบริจาคจากสภาสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในกิจการของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ แต่ นายดิสธร กลับนำดินดังกล่าวไปขายให้แก่โครงการหมู่บ้านจัดสรร และยังนำดินส่วนหนึ่งไปถมในพื้นที่ของครอบครัวตนเอง ซึ่งมิได้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ขอรับบริจาค พฤติกรรมดังกล่าวของนายดิสธร เป็นการกระทำผิดราชสวัสดิ์ และเป็นความผิดวินัยฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จึงเห็นสมควรได้รับโทษไล่ออกจากราชการ

กระทั่งวันที่ 1 ส.ค. 2561 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุก นายดิสธร เป็นเวลา 5 ปี แต่ลดโทษเหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากได้ทุจริตร่วมกับนางพิริยาภรณ์ โรจนวิทิตพงศ์ นางอำไพ เดชอุดม เป็นเจ้าของกิจการร้านขนมหม้อแกงเมืองเพชรบุรี แม่กิมลั้ง ซึ่งขายน้ำพริกและขนมโมจิให้แก่ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯจัดทำเอกสารและรับรองข้อความในแบบหนังสือรับรองแสดงการบริจาคทรัพย์สิน (แบบ นร.2) อันเป็นเท็จ โดยรับรองว่า นางพิริยาภรณ์ ได้กระทำคุณงามความดี บริจาคทรัพย์สินเพื่อประโยชน์สาธารณกุศล 25.29 ล้านบาท แล้วเสนอเพื่อขอรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ทั้งที่เป็นเพียงส่วนลด 20% ในการขายสินค้าน้ำพริก และขนมโมจิ ของนางพิริยาภรณ์ตามปกติ โดยไม่มีการนำเงินส่วนลดดังกล่าวมาบริจาคให้แก่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ แต่อย่างใด

อ่านประกอบ : เปิดคำพิพากษา “ดิสธร วัชโรทัย” ปั้นเอกสารเท็จขอพระราชทานเครื่องราชฯ เจ้าของ “แม่กิมลั้ง” เพชรบุรี
ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 6 เดือน “ดิสธร วัชโรทัย” ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
สำนักพระราชวังสั่งไล่ออก “ดิสธร วัชโรทัย” ชี้ประพฤติชั่วร้ายแรง